“พี่เหวิน เถ้าแก่หวา พวกคุณมากันได้อย่างไร”
เมื่อมาถึงวิลล่าของถังเหวินหย่วนไม่นาน ก็ได้ยินเสียงกริ่งดังมาจากด้านนอก เยี่ยเทียนเดินไปดู คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เหวินหลวนสงกับหวาเซิ่งทั้งสองคนจะมาเยี่ยมด้วยกัน
เหวินหลวนสงยิ้มแย้มแล้วก็พูดว่า “ผมนัดกับน้องหวาไปดื่มชาเช้า เห็นรถของอาจารย์จั่วขับออกไปแล้ว ก็เลยอยากจะมาเยี่ยมน้องเยี่ยและอาจารย์จั่วสักหน่อย”
เมื่อมองไปหวาเซิ่งที่อยู่ด้านข้าง เหวินหลวนสงพูดต่อว่า “น้องเยี่ย เรื่องเมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆ น้องหวาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ ผมว่าเรื่องนี้ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะนะ ”
ความสัมพันธ์เหวินหลวนสงกับหวาเซิ่งนั้นดีมาก เขาประคับประคองกันอยู่ในวงการบันเทิง ไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับหวาเซิ่งได้ ดังนั้นจะเหยียบผู้กำกับตัวเล็กๆไปจนตายเขาก็ไม่ใส่ใจอะไร แต่กลับอยากจะขจัดความคับข้องหมองใจ ของเยี่ยเทียนกับหวาเซิ่ง
“พี่เหวิน พูดอะไรกัน ผมเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแบนนั้นเลยเหรอ”
เยี่ยเทียนได้ยินถึงยิ้มเจื่อนๆ เขาแค่ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาเฟียฮ่องกงก็แค่นั้น ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรกับหวาเซิ่ง
ศักดิ์ศรีเป็นคนอื่นที่เป็นคนให้ ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะมาถึงบ้าน เยี่ยเทียนไม่อยากที่จะทำอะไรที่เลยเถิด คิดสักพัก ก็ปริปากพูดว่า “คุณหวา เมื่อวานก็แค่โกรธที่ไม่เป็นธรรม ผมเองก็ทำเกินไปหน่อย ผู้กำกับจางบริษัทของคุณ คนนั้นไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร คนที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ก็ต้องได้รับการสั่งสอนสักหน่อย”
หลังจากที่ฟังเยี่ยเทียน หวาเซิ่งที่ใบหน้าไม่ยิ้มแย้มก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัด หยิบกล่องหนึ่งที่ห่อด้วยวัตถุ ที่สวยงามและประณีตจากคนด้านข้างแล้วพูดว่า “คุณเยี่ย เรื่องของเฉินจิ้งหลันเมื่อวานได้จัดการเสร็จแล้ว นี่คือของขวัญที่ระลึกครบรอบ 18 ปีของบริษัทหวาเซิ่ง ถือว่าเป็นของขวัญไถ่โทษให้กับคุณเยี่ยแล้วกันนะ”
หวาเซิ่งวันนี้มาเจอเยี่ยเทียน ที่จริงไม่ใช่จะมาชดเชยความผิดเสียทั้งหมด แต่ยังมีอย่างอื่นที่อยู่ในใจอีกด้วย
หวาเซิ่งเป็นคนที่เชื่อในศาสตร์เชิงตัวเลขของฮวงจุ้ย หลังจากการกลับมาที่ฮ่องกงในปี 1997 ชีวิตของเขาก็พบความยากลำบาก เขากลัวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง และก็กลัว ผลที่จะกระทบในอนาคตมาตลอด
ดังนั้นสองปีมานี้หวาเซิ่งได้มาเยี่ยมจั่วเจียจวิ้นไม่น้อยกว่าสิบครั้ง อยากให้อาจารย์จั่วคำนวณดวงชะตาให้ แค่จั่วเจียจวิ้นไม่สนใจเขา ไม่เคยคำนวณให้เขาเลย
หลังจากเมื่อวานที่ได้ยินว่าเยี่ยเทียนทำนายดวงชะตาได้แม่น หวาเซิ่งได้เปลี่ยนใจ เขาคิดว่า เยี่ยเทียนเป็นคนที่เก่งและก็ยังเด็กอีกด้วย แค่ไว้หน้าให้ตัวเองก็พอแล้ว ต่อให้เอาทองหนักหลายกิโล ก็จะมาขอให้เยี่ยเทียนทำนายโชคชะตาให้
“ของที่ระลึกเหรอ”
เยี่ยเทียนรับกล่องของขวัญด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่ออยู่ในมือก็รู้สึกประหลาดใจ กล่องนี้ขนาดเล็กใหญ่ไม่ต่างกับขนมเค้กเลย น้ำหนักกลับไม่เบาเลย
“ฮือเป็นทองเหรอ” เมื่อเปิดกล่องดู เยี่ยเทียนถึงกับส่ายหน้า พูดว่า “เถ้าแก่หวา ของชิ้นนี้แพงเกินไป ผมรับไม่ได้หรอก”
หวาเซิ่งไม่ได้พูดโกหกอะไร ในกล่องแน่นอนว่าเป็นพวกเหรียญที่ระลึก นี้เป็นรางวัลทั้งหมดที่หวาเซิ่งได้ใช้ในการจัดกิจกรรมวิจารณ์ภาพยนตร์หลายเรื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดล้วนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์
เยี่ยเทียนประมาณการน้ำหนัก ของที่ระลึกในนี้ที่ทำด้วยทองคำหลายสิบเหรียญ น้ำหนักน้อยที่สุดก็อยู่ประมาณสองสามกิโลกรัม ถ้าพูดอีกก็คือ มูลค่าของมันมากถึงหลายแสนหยวน
โบราณกล่าวว่าไม่มีผลงานก็จะไม่ได้ของล้ำค่า เยี่ยเทียนรับเงินทองของถังเหวินหย่วนได้หยกจักพรรดิชิ้นนั้นของเหวินหลวนสงก็รับมาอย่างสบายใจ สาเหตุก็คือพวกเขาติดหนี้เยี่ยเทียน
แต่เยี่ยเทียนกับหวาเซิ่งไม่มีมิตรอะไรต่อกัน ของพวกนี้อาจจะเป็นของร้อนได้ ถึงแม้จะเดาความคิดบางอย่างของ หวาเซิ่งได้ แต่เยี่ยเทียนก็ยังคงปฏิเสธ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน หวาเซิ่งรีบพูดว่า “คุณเยี่ย ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นจริงๆ นี่เป็นของเล็กๆน้อยๆ ถือว่าปลอบขวัญเรื่องคุณเฉินเมื่อวานแล้วกัน”
“งั้นเดี๋ยวคุณส่งให้เฉินจิ้งหลันเถอะ เมื่อวานผมไม่ได้ตกใจอะไร”
เยี่ยเทียนยิ้มแล้วส่ายหน้า พูดเข้าประเด็นว่า “คุณหวาน้ำใจของคุณผมเข้าใจดี แต่ธุระช่วงนี้ค่อนข้างเยอะ รอวันหลังถ้ามีโอกาส ผมจะช่วยคุณทำนายโชคชะตาให้ได้”
หวาเซิ่งยังไม่ได้พูดอะไร เยี่ยเทียนขี้เกียจไปพัวพันกับเขา บอกออกไปอย่างกำกวม ถ้าหวาเซิ่งจะตามไป ที่ปักกิ่งจริงๆ เยี่ยเทียนก็คงจะไม่สนใจช่วยเขาและทำนายดวงชะตาให้
“ได้ งั้นก็ขอบคุณคุณเยี่ยก่อนแล้วกันนะครับ” หวาเซิ่งรู้น้ำหนักความสำคัญ ต่อให้เยี่ยเทียนพูดแบบนี้ วันหลังตัวเองก็น่าจะมีโอกาส
“นายน้อย ท่านถังมาแล้ว ยังมีคุณนายกง……”
ทั้งสามคนเดิมทีที่กำลังยืนคุยกันอยู่หน้าประตูวิลล่า ยังไม่ทันได้เข้าไปข้างใน ด้านนอกประตูใหญ่ก็มีรถสองคันแล่นมา
หลังจากที่เห็นถังเหวินหย่วนและกงเสี่ยวเสี่ยวลงจากรถ เหวินหลวนสงและหวาเซิ่งรีบก้มหัวลง พูดอย่างเคารพนบน้อมว่า “สวัสดีครับลุงถัง คุณนายกง”
ไม่ว่าจะเรื่องของอายุ ความอาวุโสหรือทรัพย์สินวงศ์ตระกูล เหวินหลวนสงและหวาเซิ่ง ต่างก็ห่างไกลจากสองคนที่อยู่ข้างหน้านี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นถังเหวินหย่วนและหวาเซิ่งยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของลุงของเขา
“พวกคุณสองคนมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” เมื่อเห็นเหวินหลวนสงและหวาเซิ่ง ถังเหวินหย่วนอดที่จะตะลึงไม่ได้ ถามว่า “อาเซิ่ง นายมีธุระอะไรหรือเปล่า”
พ่อของหวาเซิ่งปีนั้นเป็นพลตรีของพรรคก๊กมินตั๋ง ยังมีอีกหนึ่งตัวตนที่เป็นสมาชิกของแก๊งชิงปัง
ในช่วงปีแรก ๆ หวาเยี่ยและถังเหวินหย่วนเป็นพี่น้องรุ่นแปดที่เปลี่ยนตำแหน่งกัน หลังจากพ่อของหวาเซิ่งถูกไล่ออกจากรัฐบาลฮ่องกง ถังเหวินหย่วนก็ดูแลตระกูลหวามาตลอด ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อหวาเซิ่งในฐานะหลานชาย
“ลุงถัง ผมมาเยี่ยมคุณเยี่ย” ต่อหน้าถังเหวินหย่วน หวาเซิ่งไม่ได้มีความเป็นหัวหน้าแก๊งค์ ในคำพูดมีแต่ความเคารพนบน้อม
“อืม ดูแลลูกน้องนายดีๆ ตอนนี้ก็ผ่านยุคเก้าเจ็ดมาแล้ว ฮ่องกงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ถังเหวินหย่วนได้ยินอาติงพูดเรื่องเมื่อวาน คิดสักพักก็พูดว่า “เยี่ยเทียนไม่รู้จักนาย นายก็ไม่ต้องไม่พอใจเยี่ยเทียนที่ลงโทษลูกน้องนายเลย”
หวาเซิ่งฟังดูก็รู้ว่าถังเหวินหย่วนมีการตำหนิแฝงอยู่ รีบพูดว่า “ลุงถัง อาเซิ่งไม่กล้าหรอก วันนี้มาขอให้คุณเยี่ยผ่อนโทษให้โดยเฉพาะ”
“งั้นก็ดี ในเมื่อมาแล้ว เข้ามานั่งทั้งหมดเถอะ” ในขณะที่พูดถังเหวินหย่วนก็เดินมาข้างๆเยี่ยเทียน ยิ้มแล้วพูดว่า “เยี่ยเทียน ผมเรียกเพื่อนสองสามคนเข้ามา คุณคงไม่คัดค้านหรอกมั้ง”
“ที่นี่เป็นบ้านของคุณ ผมมีอะไรที่จะไปคัดค้าน” เยี่ยเทียนส่ายหน้า มองไปที่กงเสี่ยวเสี่ยว ถามว่า “คุณนายกง ของที่ผมให้นำมาทั้งหมด คุณเอาแล้วใช่ไหมครับ”
“เอามาทั้งหมดแล้ว…”
หลังจากที่ฟังคำพูดของเยี่ยเทียน กงเสี่ยวเสี่ยวรีบให้คนนำกล่องเข้ามา พูดว่า “กล่องนี้เต็มไปด้วยสิ่งของที่สามีเหลือไว้ หลายปีมานี้ฉันเก็บมันไว้อย่างดี”
เยี่ยเทียนยื่นมือมารับกล่อง พูดว่า “ครับ ผมขึ้นไปข้างบน เหล่าถัง ผมไม่รับแขกนะ อย่าให้คนขึ้นไปด้วย”
ทันใดนั้น เยี่ยเทียนก็พูดกับจั่วเจียจวิ้นว่า “ศิษย์พี่ เรื่องนี้พี่ไม่ต้องมาสนใจหรอก พี่ไปดูอย่างอื่นแล้วกัน”
“ฉันรู้แล้ว แกไม่ต้องบังคับแล้ว ระวังพลังจะสะท้อนกลับก็พอ”
จั่วเจียจวิ้นรู้ดีถึงความยากลำบากของการคำนวณการหาคน ปีนั้นเขาเคยช่วยกงเสี่ยวเสี่ยวทำนายตำแหน่งสามีของเธอ แต่ก็พบอุปสรรคกับพลังที่สะท้อนกลับมา เขาเองก็กระอักเป็นเลือดออกมา
“ผมเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่ วางใจเถอะ” เยี่ยเทียนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก หยิบกล่องเดินขึ้นไปบนห้องที่ชั้นสอง
เปิดกล่องหนังออก ด้านในเต็มไปด้วยพวกเสื้อผ้า มีพวกชุดชั้นในและเสื้อโค้ชด้านนอก ในถุงพลาสติกใบหนึ่งมี ขนของฝูอี้สามีของกงเสี่ยวเสี่ยวบางส่วน นอกนั้นยังมีหลอดแก้วหนึ่งหลอด คิดไม่ถึงว่าด้านในจะเป็นเลือดที่แห้งแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เยี่ยเทียนให้กงเสี่ยวเสี่ยวรวบรวมมา การคำนวณหาคนของเขากับของคนอื่นนั้นแตกต่างกัน ต้องใช้คาถาอาคมบางส่วนและต้องมีข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของผู้ที่ต้องการหา เพื่อเชื่อมพลังให้สื่อถึงกัน จากตรงนั้นก็สามารถคำนวณตำแหน่งของศพฝูอี้ได้
เยี่ยเทียนเปิดจุกหลอดแก้วออก เทน้ำแร่ด้านหน้าลงในหลอด หลังจากนั้นใช้สำลีเช็ดให้น้ำแห้งเลือดเจือจาง จากนั้นก็หยิบพู่กันออกมา จุ่มลงในน้ำเลือด วาดลงบนพื้น
เยี่ยเทียนค่อย ๆ วาดลง ทุกๆการลงน้ำหนักเขาใช้พลังในร่างกายของเขาทั้งหมด ค่ายกลวิชาในอักษร แต่ละตัวอย่างน้อยร้อยขีด คาดไม่ถึงว่าการวาดทั้งหมดจะใช้เวลาสองชั่วโมง
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลไหม”
หลังจากที่เขียนตัวอักษรเสร็จ ทั้งร่างเยี่ยเทียนก็ทรุดนั่งตรงพื้น อ้าปากค้างแล้วหายใจ ถึงแม้จะแค่วาดค่ายกลวิธีนี้ ก็สูญเสียพลังในร่างกายของเขามากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็น
เยี่ยเทียนใช้เทคนิคลับของคาถาอาคมในการตามหาคน แต่วิธีความลับนี้แค่หาคนที่มีชีวิตอยู่ และไม่สามารถหาคนที่ตายแล้ว ดังนั้นเยี่ยเทียนใช้เลือดสดของฝูอี้วาดเพื่อใช้วาดค่ายกล นอกจากนั้นยังเสี่ยงทาย และคำนวณตำแหน่งซากศพของเขา
เอาพู่กันโยนลง เยี่ยเทียนนั่งลงเพื่อฟื้นฟูพลังกลับมา ที่นี่กลับสู้เรือนสี่ประสานของเขาไม่ได้ จนกระทั่งถึงจุดที่รอคอย เวลานี้เยี่ยเทียนจึงลุกขึ้นมา
หลังจากที่ลงมาที่ห้องรับแขก เยี่ยเทียนพบว่า คนที่มาตอนเช้าคาดไม่ถึงว่าจะยังไม่มีใครที่ไปเลยสักคน นั่งดื่มชาในห้องรับแขกทุกคน เมื่อเห็นเยี่ยเทียนลงมา ทุกคนต่างก็ยืนขึ้น
กงเสี่ยวเสี่ยวกระวนกระวายใจ ต้อนรับ แล้วถามว่า “อาจารย์เยี่ย เป็นยังไงบ้างหาสามีฉันเจอไหม”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ ผมไปกินอะไรสักหน่อยก่อนนะ”
เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ ทั้งวันไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรเลย ตอนนี้เขาหิวจะแย่อยู่แล้ว หาซากศพคนตายอีก ไม่ใช่ว่าเวลาครึ่งวันจะสามารถหาซากศพเจอ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ถังเหวินหย่วนยังลากกงเสี่ยวเสี่ยวตามไปถามอีก พูดว่า “ในห้องอาหารยังมีของกินอยู่นะ ยังร้อนอยู่ อาติง นายพาเยี่ยเทียนไปหน่อย”
“พวกคุณมากินด้วยกันสิ”
เมื่อมองไปที่ขนมต่างๆที่จัดวางอยู่บนโต๊ะ เยี่ยเทียนก็ไม่สนใจว่าจะร้อนหรือเย็น ก็กินเข้าไปแล้ว ใช้เวลาไม่มากก็กินอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยงหมดจด
หลังจากกลับมาที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นใบหน้าที่คาดหวังของกงเสี่ยวเสี่ยว เยี่ยเทียนส่ายหน้า พูดว่า “พอแล้ว คุณนายกงพวกคุณถ้ายังไม่กลับไป ก็หาที่นั่งลงเถอะ ผมคาดว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าผลน่าจะออกมาได้”
“ได้ ฉันจะหาที่รอ!” สามีหายตัวไปแปดปี กงเสี่ยวเสี่ยวใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลา ที่ตรงหน้าก็จะสามารถรู้จุดของซากศพสามีแล้ว เธอจะไม่หนีไปไหนแน่นอน
“พวกเราก็จะกลับไปแล้ว”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนส่งสายตามาที่ตัวเอง เหวินหลวนสงรีบพูด เขากับหวาเซิ่งมาเพื่อบรรยากาศที่ครึกครื้น เมื่อรอครึ่งวันผลยังไม่ออกมา ก็คงรอที่นี่ไม่ได้
……….