หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 344 ผู้กำกับจาง

ตอนที่ 344 ผู้กำกับจาง

เหวินหลวนสงจัดงานเลี้ยงลักษณะแบบนี้ หากว่ากันก็คือเป็นสถานที่ล่า ให้กับพวกเศรษฐีเข้ามา

ขอเพียงทั้งฝ่ายตกใจยินยอม ก็สามารถสานสัมพันธ์กันไปได้อีกระดับ นี่เป็นความลับที่รู้กันในแวดวงนี้ พวกดาราสาวที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ จริงๆ แล้วในใจก็รับรู้

เพียงแต่ว่าเศรษฐีและดาราทั้งสองคนนี้อยู่ในที่แจ้งเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก เรื่องที่ลงรายละเอียดมากไปกว่านี้ โดยปกติจะรู้กันแค่ทั้งสองฝ่าย และจะต้องไม่มีการข่มขู่บังคับกัน

เหมือนวันนี้ที่อาฮุยคนนั้นเริ่ม ก็คือว่าทำผิดกติกาของวงการนี้แล้ว

แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น หลังจากเมาแล้วและฐานะทั้งสองฝ่าย มีความสุ่มเสี่ยง พวกดาราสาวพวกนั้นจึงถือว่าตัวเองโชคร้ายไป

แต่วันนี้อาฮุยทำเกินไปแล้ว เหวินหลวนสงคิดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะรู้จักเฉินจิ้งหลัน แล้วยังดูท่าว่าจะสนิทสนม กับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้อาฮุยต้องเสียแขนไป ยิ่งไปกว่านั้นยังโกรธมาถึงตัวเองอีก

เหวินหลวนสงมองเยี่ยเทียนอย่างระมัดระวัง กล่าวอธิบายว่า “พี่เยี่ย ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณผู้หญิงเฉิน ท่านนั้นเป็นผู้หญิงของพี่ ไม่อย่างนั้นก็จะบอกอาฮุยให้เลิกเสียแต่เนินๆ ไปแล้ว…”

หลังจากได้ฟังเหวินหลวนสงแล้ว สีหน้าของเยี่ยเทียนก็ปรากฏแววเย้ยหยันออกมา กล่าวว่า “ผู้หญิงที่ผมรู้จัก เป็นผู้หญิงของผมหมดเลยใช่มั้ย หากว่าไม่ใช่ผู้หญิงของผม พวกคุณก็สามารถดูถูกได้ตามใจเหรอ”

ถึงแม้ว่าจะรู้จักเฉินจิ้งหลันมาหลายปีแล้ว แต่เยี่ยเทียนและเธอไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน แม้กระทั่งเบอร์ติดต่อ อีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ แต่สำหรับผู้หญิงที่บริสุทธิ์ขาวสะอาดและภูมิใจในตนเองคนนี้ เยี่ยเทียนกลับรู้สึกดีด้วย

แต่สำหรับพวกเศรษฐีในฮ่องกงนี้ เยี่ยเทียนก็ไม่ชอบใจนัก คุณมีสิทธิเอาเงินซื้อคนอื่น ผู้หญิงอดรน ทนต่อแรงยั่วเย้าไม่ไหวยินยอมพร้อมใจวิ่งเข้าหานั่นคือทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจ แต่หากใช้การขู่บังคับ นั่นถือว่าเป็นวิธีการที่ต่ำช้า

“พี่เยี่ย เรื่องไม่ได้เป็นแบบที่พี่คิด อาฮุยเขาดื่มเยอะเกินไป และช่วงนี้ก็อารมณ์ไม่ดี ถึงได้ทำอะไรลืมตัวไป”

เหวินหลวนสงแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมา จริงๆ แล้วอาฮุยเป็นคนมักมาก ในใจเขารู้ดีกว่าใครทั้งหมด ถ้าอาฮุยไม่ล้มละลาย ตอนนี้จะยิ่งกร่างมากกว่านี้อีก

“อารมณ์ไม่ดีเหรอก็เลยมาลงกับผู้หญิง” เยี่ยเทียนร้องเหอะออกมาอย่างเย็นชา

เหวินหลวนสงหัวเราะไม่ออก ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “พี่เยี่ย หากเป็นพี่เดิมมีเงินเป็นหลายพันล้าน แต่พลันสิ้นเนื้อประดาตัว คิดแล้วพี่ก็น่าจะไม่สบายใจเหมือนกัน เห็นแก่หน้าของนายเหวินคนนี้ อย่าไปถือสาหาความเขาเลย”

“คนมีฐานะหลายพันล้านล้วนสามารถทำอะไรก็ได้เหรอ นี่ต้องมีความสามารถด้วยถึงจะได้อ่า” สีหน้าของเยี่ยเทียนแสดงอาการประหลาดใจ คนที่สิ้นเนื้อประดาตัวได้ขนาดนี้ นั่นต้องไม่ใช่คนธรรมดา

เหวินหลวนสงส่ายหัว กล่าวอธิบายว่า “พี่เยี่ย ไม่ใช่อาฮุยจะทำอะไรก็ได้ สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ การเงินในเอเชียปีที่แล้วมีอันตราย เงินจากหุ้นของเขาถูกใช้ไปหมดแล้ว เขาถึงได้อารมณ์ซึมเศร้า จริงๆ แล้วอาฮุยเดิมทีเป็นคนมีความสามารถ…”

อาฮุยชื่อจริงคือหลัวเจียฮุย อายุ16 ปีก็เริ่มทำงานเป็นเซลล์ขายอสังหาริมทรัพย์ ในตอนนั้นเงินเดือน 900 เหรียญฮ่องกง อาศัยความกล้าและสายตาที่เฉียบแหลม ทำให้หน้าที่การงานราบรื่นอนาคตไกล จากเซลล์ขายอสังหาริมทรัพย์ ตัวเล็กๆ กลายเป็นซีอีโอใหญ่ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน

ในตอนที่เข้าปีเก้าศูนย์นั้น  เหวินหลวนสงและหลัวเจียฮุยต่างจับจ้องไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงได้รู้จักกัน เนื่องจากเหวินหลวนสงชื่อเสียงกระฉ่อน รู้จักคนในฮ่องกงไม่น้อย พาหลัวเจียฮุยไปรู้จักเศรษฐีหลายคน ช่วงนั้นเองที่หลัวเจียฮุยเริ่มมีชื่อเสียง

เหวินหลวนสงและหลัวเจียฮุยอุปนิสัยล้วนเป็นคนกร่าง โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบตามจีบดาราผู้หญิง เรื่องราวในฮ่องกงของทั้งสองคนล้วนเป็นที่ติดตามของสื่อฮ่องกง ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งสองเป็นที่รู้อย่างแพร่หลาย

แต่ทว่าหลัวเจียฮุยอายุน้อยกระหายในความสำเร็จ ในตอนที่อายุได้สามสิบปี โชคดีก็พลันแปรเปลี่ยน ปลายปีเก้าเจ็ดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน ฐานะทางการเงินหลายพันล้านหดหายไปเป็นอย่างมาก

หลัวเจียฮุยลงทุนในเรื่องการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์อย่างมากมาย แต่ผลประกอบการของธุรกิจอสังหาริมทรพย์ในฮ่องกงไม่ดี ราคาจึงตกวูบ หุ้น และตึกล้วนประสบปัญหา ทำให้มีหนี้สินสูงถึงเกือบ หลายพันล้านดอลลาร์ฮ่องกง อสังหาริมทรัพย์ที่มีในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะนำไปขายทอดตลาดใช้หนี้แล้ว

ช่วงนี้ธนาคารกำลังเร่งให้หลัวเจียฮุยเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ทำให้คนหนุ่มกระหายความสำเร็จ อย่างหลัวเจียฮุยยิ่งกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่ เหวินหลวนสงเดิมทีชวนเขามาผ่อนคลายให้สบายใจ แต่ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เข้า

“ช่างเถอะ ฉันจะไปดูพี่จิ้งหลัน”

หลังจากฟังคำอธิบายของเหวินหลวนสงแล้ว เยี่ยเทียนก็ส่ายหัว จริงๆ แล้วหากว่าเขาไม่ได้เห็นจากหน้าของ    หลัวเจียฮุยว่าในวัยกลางคนนั้นชะตาจะอ่อนแอ อายุไม่เกินห้าสิบแล้วล่ะก็ เยี่ยเทียนก็จะไม่เพียงแต่ หักแค่แขนหนึ่งข้าง เพื่อเตือนหรอก

“ได้ ผมไปกับพี่ด้วย จะได้ขอโทษคุณหนูเฉินด้วย” เห็นว่าเยี่ยเทียนไม่ได้ซักโทษเอาความอีกต่อไป เหวินหลวนสงในใจถึงได้ถอนหายใจออกมา รีบเดินไปข้างหน้านำทางเยี่ยเทียนไป

เหวินหลวนสงอยู่ในแวดวงธุรกิจของฮ่องกงมาสามสิบกว่าปี แม้ว่าต่อหน้าหลี่เชาเหรินจะทำได้เพียงสัพเพเหระไปวันๆ เท่านั้น แต่กลับไม่เคยรู้สึกกดดันต่อหน้าผู้ใดขนาดนี้มาก่อน

“พี่จิ้งหลัน ไม่เป็นไรใช่มั๊ย” หลังจากเข้ามาในห้องอีกห้องของคฤหาสน์แล้ว เยี่ยเทียนก็เห็นหลิวติงติงกำลังสนทนา อยู่กับเฉินจิ้งหลัน อารมณ์ของเฉินจิ้งหลันสงบลงมาได้แล้ว

“เยี่ยเทียน ฉัน…ฉันไม่เป็นไร เธอ…เธอทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”

ในตอนนี้ได้เห็นเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันมีความรู้สึกว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในความฝัน นี่เป็นฮ่องกงที่อยู่ห่างจากปักกิ่ง หลายพันกิโลเมตร และยังเป็นสังคมชั้นสูงที่สุดของฮ่องกงอีกด้วย

ทุกครั้งที่เห็นเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันมักมีความรู้สึกแตกต่างกันไป บนรถไฟครั้งนั้นดูราวกับนักศึกษาที่สับสน มาจนถึงงานสังสรรค์อิ๋งหลันที่พาสาวสวยมาด้วย ทั้งสองเหตุการณ์นี้มีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกันเป็นอย่างมาก

แต่หากเทียบกับวันนี้ ท่าทางของเยี่ยเทียนในใจของเฉินจิ้งหลันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอีก เปลี่ยนไปมาก ทำให้เฉินจิ้งหลันไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือเยี่ยเทียน

ต้องรู้ก่อนว่า คนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังมีชื่อเสียงก็ต้องเป็นมหาเศรษฐี เยี่ยเทียนมีฐานะเป็นอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้เจ้าของงานเลี้ยงและคฤหาสน์เดินตามมาด้วย ดูจากคำพูดและท่าทาง เหมือนกับว่ากำลังเอาใจเยี่ยเทียนอยู่กลายๆ

“ผมกับพี่เหวินเป็นเพื่อนกัน มาเที่ยวเท่านั้น พี่จิ้งหลัน ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…”

เยี่ยเทียนหันกลับไปมองเหวินหลวนสงหนึ่งที กล่าวตามมาว่า “อีกหน่อยหากมีปัญหาอะไรที่ฮ่องกง พี่ติดต่อพี่เหวินก็ได้ โอเคแล้ว เขาเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น”

“พี่เยี่ยกล่าวเกินไปแล้ว อีกหน่อยคุณหนูเฉินมีเรื่องอะไรที่ฮ่องกง มาหานายเหวินคนนี้ได้ตลอด!”

คำกล่าวของเยี่ยเทียนทำให้เหวินหลวนสงหน้าแดง เขาชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ที่ช่วยก็มีแต่ผู้หญิง และยังต้องมีการตอบแทนด้วย แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ ตีให้ตายเหวินหลวนสงก็ไม่กล้าคิดไม่ดีไม่ร้าย

“เสี่ยว…เสี่ยวเฉิน เธอไม่เป็นไรใช่มั๊ย” ในตอนที่เหวินหลวนสงกำลังยืดอกแสดงตนเป็นคนดีอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะเสียงดังขึ้น มีศีรษะหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านนอก

“ผู้กำกับจาง ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่เจอเพื่อน ฉัน…ฉันคิดว่าอาจจะต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว”

หลังจากเห็นผู้มาใหม่ เฉินจิ้งหลันสีหน้าก็แสดงถึงความรำคาญใจ เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากมาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ วันนี้เท่าไหร่ ก็เป็นเพราะผู้กำกับที่อยู่ตอนนี้ทั้งหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งห้า ทั้งข่มขู่ ทั้งเตือน เธอถึงได้มาที่นี่

เมื่อได้ยินว่าเฉินจิ้งหลันไม่เป็นไรแล้ว ผู้กำกับจางก็มองไปทางเหวินหลวนสง เดิมทีท่าทางขึงขังฉับพลัน ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้นมา สีหน้าแสยะยิ้มกล่าวว่า “คุณชายเหวินสวัสดีครับ ต้องขอประทานโทษจริงๆ วันนี้ทำให้คุณยุ่งยากแล้ว”

ผู้กำกับจางชื่อว่าจางจือซวน เป็นผู้กำกับมีชื่อของฮว้าเซิ่ง เคยผลิตหนังที่ขายตั๋วได้มานับไม่ถ้วน

ที่สำคัญไปกว่านั้น จางจือซวนและดารามีชื่อหลายคนก็สนิทสนมกันเป็นพี่เป็นน้อง พวกดาราที่เพิ่งเข้าวงการยิ่งรู้สึกว่าการได้รู้จักเขาเป็นเรื่องที่น่ายินดี มีเส้นสายอยู่ในวงการบันเทิงมากมาย

และก็เป็นเพราะแบบนี้ จางจือซวนก็เป็นแขกที่พวกมหาเศรษฐีที่อยากจะจีบดาราสาวเชิญชวนมาเป็นแขกอยู่เนืองๆ เพราะเรื่องพวกนี้ต้องการคนนำทาง แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าจะให้พวกเศรษฐีทั้งหลายซื้อตั๋ว เชิญดาราสาว ไปทานข้าว โดยตรง ได้ซะที่ไหน

แต่จางจือซวนรู้ดี ฐานะของตัวเองกับพวกเศรษฐีพวกนี้เทียบกันไม่ติด ก็เหมือนกับที่ว่าต่อหน้าเหวินหลวนสง ทำไมถึงต้องถ่อมตนขนาดนี้ นี่ก็ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่เขาสามารถหากินในวงการนี้มาได้เป็นยี่สิบกว่าปี

เหวินหลวนสงรู้ว่าเฉินจิ้งหลันมากับเขาคนนี้ โบกไม่โบกมือกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผู้กำกับจาง เรื่องนี้…”

เหวินหลวนสงยังกล่าวไม่จบ จางจือซวนก็รีบกล่าวว่า “คุณชายเหวิน วางใจได้ ผมจะให้เสี่ยวเฉินไปขอโทษ คุณหลัวเดี๋ยวนี้ รับประกันว่าคุณหลัวจะต้องพอใจ!”

ในตอนที่เกิดเหตุวิวาทในสวนดอกไม้ จางจือซวนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้นเขาออกไปรับดาราผู้หญิง อีกคนที่ตัวเองเรียกตัวมา ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

จนกระทั่งมาที่คฤหาสน์ของเหวินหลวนสงแล้ว เมื่อจางจือซวนได้ยินเรื่องนี้ กลายเป็นว่าดาราที่เขาพามาเฉินจิ้งหลัน และหลัวเจียฮุยเกิดทะเลาะกัน และเพื่อนของเฉินจิ้งหลันหักมือของหลัวเจียฮุยไปข้างหนึ่ง

หลังจากได้ฟังถึงตรงนี้ จางจือซวนก็ใจร้อนดังไฟลน ไม่ได้สนใจฟังต่อ รีบวิ่งมาที่คฤหาสน์หาเฉินจิ้งหลัน

ต้องทราบว่า หลัวเจียฮุยเป็นน้องชายของเหวินหลวนสง ถึงแม้ตอนนี้จะตกระกำลำบาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่จางจือซวนจะไปมีเรื่องด้วยได้แค่เพียงเหวินหลวนสงเบะปาก ตัวเขาเองก็อย่างหวังว่า จะได้หากินอยู่ในฮ่องกงอีกต่อไป

ดังนั้นเมื่อเข้าประตูมา จางจือซวนก็อยากจะชดเชยต่อหน้าของเหวินหลวนสง ตอนนี้ความคิดของเขาอยากจะหาคนมามัดเฉินจิ้งหลันไปไว้บนเตียงของหลัวเจียฮุยก็เกิดขึ้นมาแล้ว

“เสี่ยวเฉิน ไปโรงพยาบาลกับฉัน หากคุณชายหลัวไม่ให้อภัยเธอ หนังเรื่องนี้เธอก็ไม่ต้องแสดงแล้ว!”

อย่าดูถูกจางจือซวนเมื่ออยู่ต่อหน้าเหวินหลวนสงก้มหน้าก้มตา แต่ต่อหน้าดาราพวกนี้ เขามีสิทธิขาดในการสั่งการ

ในแวดวงดาราฮ่องกงนอกจาผู้สร้างหนังแล้วก็เป็นผู้กำกับที่ใหญ่ที่สุด ดาราใหญ่หลายคนที่มีชื่อเสียงเป็นสิบปี ล้วนแล้วแต่ไม่กล้ากับจางจือซวน

ดังนั้นสำหรับจางจือซวนแล้ว เฉินจิ้งหลันจะต้องฟังคำสั่งของตัวเองรีบไปขอโทษ แต่เขากลับไม่เห็นว่าคนรอบข้าง สีหน้าแปลกประหลาด

เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว เมื่อซักครู่เกิดเรื่องมากมาย ผู้กำกับจางคนนี้กลับมีท่าทางแบบนี้ เยี่ยเทียนสงสัยจริงๆ ว่าสติปัญญาของเขานั้นโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง

……….

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset