เสียงดัง “แคร้ก” ของก้อนหินที่ถูกฟันเฟืองหั่นลง เหวินหลวนสงตัดหินทั้งชิ้นจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
คนที่มุงดูอยู่ต่างก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว การเดิมพันตัดหินเป็นวิธีการที่ใช้อยู่ประจำ แต่หินก้อนนี้เนื้อในไม่ได้มี ผลึกคริสตัลแต่อย่างใด แสดงว่าไม่ใช่หยกเฝยชุ่ยเนื้อไหมแน่นอน
อย่างที่เหวินหลวนสงยืนหยัดที่จะตัดหินต่อไป แม้มองจากภายนอกจะมีลายเส้นมังกรอยู่ใน เนื้อหยกแต่องค์ประกอบภายในทุกคนเห็นกันชัดเจนว่าไม่มีเนื้อไหม
ถ้าเป็นคนอื่นเกรงว่าจะไม่กล้าตัดหินต่อแล้ว ควรจะนำกลับบ้านไปบดเป็นหินกรวด อย่ามัวแต่มาทำขายหน้า อยู่ตรงนี้เลย
แต่เดิมเหวินหลวนสงไม่ใช่คนในวงการอัญมณี เขาเพียงทำเพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ยังคงนำหินหยกก้อนที่ใหญ่หน่อยพวกนั้นออกมาตัดต่อเรื่อยๆ
อาจจะเพราะกลัวคำทำนายของเยี่ยเทียนที่ว่าการเงินของเขาจะรั่วไหลแล้ว เหวินหลวนสงยังคงใช้มีดหั่นลงไปบนหินก้อนนั้นลึกสิบเซนติเมตร เกือบจะถึงตำแหน่งขอบลายเมฆของเนื้อคริสตัล
หากพบขอบรอยเมฆ เหวินหลวนสงจะไม่ยอมปล่อยหินชิ้นนั้นหลุดมือไปเด็ดขาด ดูจากรอยตัดมันไม่ต่างอะไรกับก้อนหินทั่วไป เขาโยนหินก้อนขนาดเล็กกว่าลูกฟุตบอลหน่อยลงไปที่พื้น
ผู้ที่มุงอยู่ต่างเป็นมืออาชีพ พอมีการตัดหินออกก้อนหนึ่งก็มุงเข้าไปดูกันทีหนึ่ง รอยตัดเรียบของเนื้อหิน กลับไม่มีวี่แววของหยกเฝยชุ่ยเลย หินที่น่าสงสารถูกโยนส่งๆลงไปที่พื้นใต้เครื่องจักรก้อนแล้วก้อนเล่า
“คุณเหวิน หินก้อนนี้เสียแล้ว อย่าตัดเลย?”
“นั่นนะสิ เสียเงินเดิมพันไปสิบล้านก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะ คุณเหวินช่างมันเถอะ!”
“คุณหวังพูดถูก ปีที่แล้วการเสนอราคาหยกของส่วนกลางในพม่า หินก้อนนั้นที่ราคาตั้งสามสิบหกล้าน ก็ไม่ใช่ว่าเสียไปเหมือนกัน?”
ผู้ชมโดยรอบมองดูเหวินหลวนสงตัดหินชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างรำคาญใจ คิดว่าเขาคงจะเสียดายเงินที่ซื้อไปในราคา สิบล้านหยวนฮ่องกง ผู้ชมโดยรอบคอยแต่พูดเตือนให้เขาหยุดเสียที
คนที่ตอนแรกได้เสนอราคาสู้ ตอนนี้ต่างพากันโล่งใจ ดีที่เมื่อครู่เถ้าแก่เหวินแย่งซื้อไปหมด ไม่เช่นนั้นคนที่ใจเสียอยู่ตอนนี้คงจะเป็นตัวเอง
“หินพวกนี้ถูกตัดออกหมด ไม่มีร่องรอยหยกเฝยชุ่ยสักนิด งั้นนายก็พูดผิดแล้ว!” เหวินหลวนสงตัดหินเพิ่มอีกแล้ว ส่ายศีรษะปล่อยมือออกจากเครื่องตัดหิน
ความจริงแล้วเหวินหลวนสงไม่ได้เสียดายเงินสิบล้านหรอก สนใจแต่สิ่งที่เยี่ยเทียนพูดว่าเขาจะทรัพย์รั่วไหลมากกว่า
เหวินหลวนสงมองดูเศษหินที่ถูกตัดกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าในเมื่อหินถูกตัดละเอียดขนาดนี้ แล้วทำไมเยี่ยเทียนยังว่ามีหยกเฝยชุ่ยอยู่อีก?
เยี่ยเทียนเห็นเหวินหลวนสงหยุดแล้ว เขาสะกิดจั่วเจียจวิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆ “ศิษย์พี่ เศษหินพวกนี้จัดการยังไงต่อ?”
“เสียแล้วก็ทิ้งสิ ยังทำอะไรได้อีก?” จั่วเจียจวิ้นงงในคำถาม เศษหินพวกนี้หมดประโยชน์แล้ว ยังจะเอาไปทำอะไรได้อีก?
“ผมขอได้ไหม?” เยี่ยเทียนพูดเสียงต่ำอย่างมีเลศนัย กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“เอ่อ…” จั่วเจียจวิ้นขมวดคิ้วตอบว่า “ยังไงก็ยังเป็นหินของเหวินหลวนสง แต่นายขอซื้อต่อจากเขาได้ เยี่ยเทียน นี่มันเสียหมดแล้ว นายยังจะเอาไปทำอะไร?”
เมื่อสักครู่จั่วเจียจวิ้นเข้าไปดูมาแล้ว ไม่มีเฝยชุ่ยจริงๆ ทั้งยังโดนตัดเสียไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่คนเก็บของเก่ายังไม่เอาเลย
“งั้นก็ดี…” เยี่ยเทียนก้าวออกไป เอ่ยถามว่า “พี่เหวิน หินพวกนี่พี่ยังจะตัดอีกไหม?”
“หืม?” ฟังคำถามของเยี่ยเทียนจบ เหวินหลวนสงตกใจ หรือในเศษหินพวกนี้ยังจะมีหยกเฝยชุ่ยอยู่จริง?
“ไม่ตัดแล้ว มันเสียแล้ว…”
มองดูเศษหินเต็มพื้น เหวินหลวนสงถอดใจ จากหินก้อนใหญ่ เขาตัดจนมันเป็นหินเล็กแปดสิบก้อนได้ ถ้าขืนตัดต่อไปคงได้ขายหน้ามากกว่านี้
เยี่ยเทียนเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “พี่เหวิน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ผมอยากจะขอซื้อเศษหินพวกนี้จากพี่ พี่จะยอมขายไหม?”
“นายบ้าไปแล้วเหรอ? ซื้อขยะพวกนี้ไปทำไม?”
“อาจจะมีหลุดรอดไปบ้าง แต่ไม่ดูเลยว่าหินพวกนี้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว ยังมีอะไรหลงเหลืออยู่อีก?”
“เจ้าหนุ่มคงอยากจะได้กำไรฟรี รอให้เขาขาดทุนก่อนแล้วจะรู้เอง!”
คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้ผู้ชมรอบข้างต่างวิพากษ์กันขึ้นมา จะหาหยกเฝยชุ่ยจากกองเศษหินที่เสียแล้วนั้น อาจเป็นไปได้ ถ้าในเศษหินยังมีส่วนที่ปนคริสตัลอยู่ ก็อาจจะมีหยกเฝยชุ่ยอยู่จริง
จากหินชิ้นใหญ่ ตัดออกมามีแต่หินทั้งนั้น อย่าว่าแต่คริสตัลเลย แม้แต่รอยขอบเมฆยังไม่เห็นเค้า หินนี้เป็นแค่ก้อนหินที่ได้จากการขุดแร่ก้อนหนึ่งเท่านั้น
“นายอยากได้เศษหินพวกนี้?” เหวินหลวนสงมองเยี่ยเทียนอย่างสงสัย ไม่ใช่ว่าเยี่ยเทียนสามารถทำนายได้ว่า ในกองหินพวกนี้จะมีหยกเฝยชุ่ยอยู่จริง?
เยี่ยเทียนพยักหน้า “ใช่ ผมอยากจะตัดมันอีกที ถ้าโชคดี ก็อาจจะมีหยกเฝยชุ่ยหลงเหลืออยู่”
“เจ้าหนุ่ม นายเข้าใจเรื่องการตัดหินสักแค่ไหนกัน หินก้อนนี้ไม่มีหยกแน่นอน!” คนที่ดูอยู่คนหนึ่งพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ วงการอัญมณีในฮ่องกงทำไมถึงมีคนโง่เง่าได้ขนาดนี้?
“เฮ้อ คุณลุงพูดตรงประเด็นเลย ผมไม่เข้าใจจริงๆ การเดิมพันหินนี้ ผมเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก”
เยี่ยเทียนหัวเราะออกมา “ผมแค่อยากจะลองดู ตัดแล้วไม่มีก็ไม่เป็นไร ถ้าเกิดมีขึ้นมา ผมก็โชคดีใช่ไหม?”
“เอ่อ…คือ…” ชายคนนั้นถูกเยี่ยเทียนตอกกลับก็อึ้งไป เยี่ยเทียนยอมรับอย่างใจจริงว่า ไม่เข้ารู้เรื่องในวงการนี้ เขายังจะพูดอะไรต่อได้?
“พี่เหวิน ขายไม่ขาย? ไม่อย่างนั้นพี่ตัดหินต่อผมจะดูเอาสนุกละกัน” เยี่ยเทียนไม่ได้สนใจชายที่ทักท้วงคนนั้น เขาหันมาพูดกับเหวินหลวนสง
“น้องเยี่ย ถ้านายอยากจะเอาไปตัดเล่นก็เอาไปเถอะ ส่วนเงินน่ะไม่ต้อง”
เหวินหลวนสงยิ้มเศร้าพลางส่ายหัว หินก้อนใหญ่เขาตัดเสียไม่เหลือชิ้นดีแล้ว เศษหินนี่จะเอาไปปูถนนก็ไม่ได้ เอาไปเผาเป็นถ่านหินก็ไม่ได้ ถ้าเยี่ยเทียนอยากใช้เงินซื้อ เถ้าแก่เหวินคงไม่กล้าขายให้
“ไม่เอาน่า พี่เหวิน ถ้าเกิดผมได้หยกเฝยชุ่ยขึ้นมาจริงๆ แล้วจะให้หยกเป็นของใครล่ะ?” เยี่ยเทียนโบกมือปฏิเสธ คนที่ดูอยู่โดยรอบต่างงุนงง
คนใหญ่คนโตในฮ่องกงอย่างเหวินหลวนสงพูดแล้วต้องไม่คืนคำแม้แต่จั่วเจียจวิ้นยังทนดูต่อไปไม่ได้ รั้งเยี่ยเทียนมากระซิบว่า “ศิษย์น้อง นายทำอะไรของนาย?”
“ผมก็จะตัดหินน่ะสิ” เยี่ยเทียนหันไปพูดกับเหวินหลวนสงอย่างจริงจังว่า “พี่เหวิน ให้ราคามาเลย หินนี่จะได้เป็นของผมอย่างชอบธรรม!”
“หนุ่มนี่คงจนซะจนบ้าไปแล้ว?” ผู้ชมรอบข้างต่างก็คิดแบบนี้
เหวินหลวนสงชักโมโหขึ้นมา เยี่ยเทียนจะขอซื้อเศษหินเสียพวกนี้ด้วยเงิน ไม่เท่ากับว่าตบหน้าเขาอย่างแรงเลยเหรอ? จึงตอบกลับว่า “ไม่เป็นไร น้องเยี่ย ต่อให้นายตัดเจอก้อนทอง ก็ถือเป็นความสามารถของนาย ฉันจะไม่ข้องเกี่ยวใดๆ ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ฉันจะผิดคำพูดได้เหรอ?”
เหวินหลวนสงอยากจะรู้เหมือนกันว่าต่อหน้าผู้ชมมากมาย เยี่ยเทียนจะสามารถตัดเศษหินพวกนี้ ให้เป็นหยกเฝยชุ่ยได้อย่างไร? ถ้าเยี่ยเทียนทำได้จริง คนอย่างเหวินหลวนสงคงต้องยอมศิโรราบ
“ได้ ขอบคุณพี่เหวินมาก” เยี่ยเทียนพยักหน้ายิ้ม ไม่มีความเกรงใจใดๆ เยี่ยเทียนกำลังจะให้โชคลาภอยู่แล้วเชียว ไม่ยอมรับเอง ถ้าเห็นหยกเฝยชุ่ยเข้าก็อย่ามาเสียดายทีหลังแล้วกัน
ตอนแรกเป็นเพียงการตัดหินธรรมดา แต่ถูกเยี่ยเทียนทำให้งานคึกคักขึ้น ผู้ที่กำลังจะออกไปก็ไม่ไปแล้ว ส่วนผู้ที่กำลังตัดหินของตัวเองอยู่ก็วางมือจากงานมาร่วมมุงดูด้วย
เยี่ยเทียนกวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่ง “มา ช่วยผมวางหินบนแท่น ผมจะตัดเอง ส่วนคุณเปลี่ยนหินทีละก้อน!”
“ได้ครับ!” แม้พนักงานคนนั้นจะดูถูกเยี่ยเทียนที่พูดภาษาจีนกลาง แต่ด้วยหน้าที่ ต้องทำตามที่เยี่ยเทียนสั่ง นำหินขนาดเท่ากำปั้นวางบนแท่นตัดหินทีละก้อน
“อะแฮ่ม หินก้อนแค่นี้ ยังจะตัดได้อีกเหรอ?”
พอเยี่ยเทียนจะเริ่มตัด ทุกคนในที่นั้นเงียบเสียงลง เศษหินหลายสิบก้อนบนพื้นพวกนี้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะตัดครบทุกก้อน?
แต่ความเร็วในการตัดหินของเยี่ยเทียนนั้นเร็วจนน่าแปลก เขาไม่ได้ตรวจดูรอยหินหรือวาดเส้นใดๆ เพียงแต่นำหินวางบนแท่นแล้วสับลงมาดัง”แคร้ก” หินก็ขาดเป็นสองท่อน
ถึงเศษหินจะไม่เล็กมาก แต่ผ่านไปสิบกว่านาที เศษหินเกือบทุกก้อนได้ถูกเยี่ยเทียนตัดจนหมด เป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆ ไม่มีปรากฏหยกเฝยชุ่ยแต่อย่างใด
“เยี่ยเทียน ช่างมันเถอะ ไป ไปดูศิษย์พี่ตัดหินดีกว่า ยังมีหินอีกสองก้อนยังไม่ได้ตัดเลย”
จั่วเจียจวิ้นลากเยี่ยเทียนออกไป พูดเน้นเสียงคำว่าศิษย์พี่อย่างชัดเจนเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากให้คนอื่นดูถูกศิษย์น้องของเขา จึงตั้งใจเปิดเผยสถานะของตัวเองกับเยี่ยเทียน
คำพูดของจั่วเจียจวิ้นทำให้คนที่กำลังเหน็บแนมเยี่ยเทียนอยู่เงียบปากลง โบราณว่าไว้ ไม่ไว้หน้าพระสงฆ์แต่ต้องไว้หน้าพระพุทธ ถ้าขืนพูดต่อไปหาเรื่องจั่วเจียจวิ้นเข้า อาจจะเดือดร้อนภายหลังได้
“ศิษย์พี่ เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกชิ้นแหนะ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว บอกพนักงานว่า “เอาหินที่อยู่ใต้เครื่องออกมาวางสิ”
“มันก็เหมือนเดิมอีก?” พนักงานทำตามอย่างไม่สบอารมณ์ พลางอุ้มก้อนหินขนาดเท่าลูกฟุตบอลขึ้นไป วางบนแท่นตัดหิน
“แคร้ก!”
เยี่ยเทียนง้างโยกคันชักขึ้นเตรียมตัดหิน แต่ครั้งนี้เขาวางแนวการตัดเบี้ยวไปทางขอบด้านข้างเล็กน้อย แล้วสับฟันเฟืองใบเลื่อยสับลงมา