“ศิษย์น้อง เรากำลังจะสู้กับเสือร้ายนะ ทำไมไม่รอสู้กับหัวหน้าใหญ่มันเลยหละ น้องก็ไปพักผ่อนก่อนในระหว่างที่พวกมันส่งสัตว์มีพิษมา ศิษย์พี่ จะรับมือเอง”
จั่วเจียจวิ้นเพิ่งจะมีพลังเวทย์ พลังใจยังไม่สูงพอ แต่ก็คันไม้คันมือ อยากหาคู่ต่อสู้มาประลอง ยิ่งกว่านั้นคนที่มาครั้งนี้ ยังเป็นลูกศิษย์ของศัตรูตัวเอง
เยี่ยเทียนหลังจากได้ยินคำพูดของจั่วเจียจวิ้น ยิ้มแล้วพูดว่า “ดี ศิษย์พี่ งั้นรอหลังจากที่ผมเปิดค่ายกล ศิษย์พี่จะได้ประลองกับชาญ ทองทวน”
จั่วเจียจวิ้นตอนนี้เรียนรู้การใช้วิทยายุทธพลังพิฆาตได้แล้ว และตัวเขาเองก็มีพลังกล้าแกร่งในการป้องกันตัวเองสัตว์พิษพวกนั้นทำอะไรเขาได้ยาก
หลังจากที่เยี่ยเทียนใช้ค่ายกลเก้าตำหนักพิฆาตแล้ว ถ้าตัวของชาญ ทองทวนย่างเข้าสู่ในค่ายกล จะเกิดอาการมึนงง สับสน และเวียนหัวได้ ซึ่งคงไม่เป็นอัตรายต่อศิษย์พี่และเขา ในการที่จะทดสอบ
“ฮ่าๆ ศิษย์น้อง วางใจเถอะ ศิษย์พี่จะไม่ทำให้อาจารย์ขายหน้าแน่นอน”
จั่วเจียจวิ้นได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงดัง ในอดีตที่เคยถูกลอบทำร้ายโดย ทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จนเกือบเสียชีวิต ยังเป็นเงาสะท้อนในใจของจั่วเจียจวิ้นไม่เคยหาย การโจมตีของชาญ ทองทวนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเก็บดอกเบี้ย
…………
สมชายจัดเตรียมที่อยู่ให้กับชาญ ทองทวน เป็นบ้านหลังหนึ่งในฮ่องกงที่เจ้าของเป็นนักธุรกิจไทยที่ร่ำรวย เนื่องจากนักธุรกิจคนนั้นมักจะอาศัยอยู่ที่อเมริกา ดังนั้นบ้านก็เลยว่างตลอด
ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่เป็นความลับ ยังเป็นของที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูง สำหรับคนที่ลอบเข้ามา ในฮ่องกงอย่างชาญ ทองทวน เมื่ออาศัยอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าไม่มีใครมาตรวจสอบสถานะของเขาได้
หลังจากที่จัดการเสร็จเรียบร้อย ชาญ ทองทวนกลับมาในห้อง กล่องไม้ที่นำมาจากประเทศไทย ก็นำไปวางไว้อีกด้านหนึ่งของห้อง
“ลูกรักทั้งหลาย อาหารของพวกแกมาแล้ว”
ชาญ ทองทวนนำของมีดออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลัง หลังจากที่เปิดกล่องออก มีเสียงผิวปากแหลมๆออกมา สัตว์พิษพวกนั้นที่ดูเหมือนตายแล้ว ก็เริ่มเคลื่อนไหว
มือขวาของชาญ ทองทวนนั้นออกแรงเล็กน้อยและทันใดนั้นของในมือก็กลายเป็นผงแป้งกระจายออกไปบนตัวแมลงมีพิษเหล่านั้น แมลงมีพิษนับพันเริ่มต่อสู้กันไปมา ตัวที่อ่อนแอก็จะถูกตัวที่แข็งแรงกว่ากลืนกินเข้าไปในระหว่างการต่อสู้
เมื่อเห็นผงพวกนั้นถูกแมลงมีพิษกลืนลงไปหมดแล้ว ชาญ ทองทวนก็หยิบนกหวีดออกมา เป่าเสียงต่ำๆ เหล่าแมลงพิษที่มีพลังมหาศาลพวกนั้น จู่ๆ ก็มีอาการงุนงง และเคลื่อนไหวช้าลง
ไม่ถึงห้านาที แมลงพิษก็กลับไปสู่สภาพเดิม นิ่งสนิทเหมือนกับสัตว์จำศีล อยู่ภายในกล่อง
หลังจากป้อนอาหารพวกแมลงคุณไสยเสร็จ ชาญ ทองทวนที่มีร่างกายใหญ่โต ก็เอนตัวลงบนเตียง หัวถึงหมอนก็นอนทันที พอถึงตอนกลางคืน ถึงลุกจากเตียง
ชายวัยกลางคนผู้ที่อยู่ข้างหลังเขา ก็นั่งนิ่งอยู่ที่มุมห้องทั้งวัน จนกว่าชาญ ทองทวนจะลุกขึ้น เขาถึงมายืน อยู่ที่ข้างหลังชาญ ทองทวน
ชาญ ทองทวนที่เพิ่งเดินออกมาจากในห้อง คนไทยที่คุมอยู่ตรงนั้น ก็รีบพูดว่า “อาจารย์ชาญ ทองทวน อาหารได้เตรียมไว้แล้วครับ”
สมชายเตรียมคนฮ่องกงให้จัดอาหารไว้ให้ ต่างก็เป็นลูกน้องฝีมือดีของเขา เขาไม่อยากให้การต้อนรับไม่ดี ของคนเหล่านี้ทำให้ชาญ ทองทวนต้องโกรธ ดังนั้นต้องบอกสถานะของชาญ ทองทวนให้รู้
ไม่ได้บอกชื่อของหมอผี บอกแค่สถานะของศิษย์ทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไทย เหล่านี้เคารพเหมือนเป็นเทพเจ้าแล้ว
ชาญ ทองทวนเดินมาที่หน้าโต๊ะอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ กินตะกรุมตะกรามราวกับด้านข้างไม่มีคน จำนวนอาหารของเขาก็พอเหมาะกับรูปร่าง อาหารที่อยู่บนโต๊ะไม่ถึงห้านาทีก็ถูกเขากินจนเกลี้ยง
แต่สิ่งที่ทำให้คนไทยประหลาดใจคือ ชายวัยกลางคนร่างกายที่ตามชาญ ทองทวนมา ไม่เหลือบดูอาหารที่อยู่บนโต๊ะสักนิด ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างซื่อๆและสงบนิ่ง
“อาจารย์ คุณผู้ชายท่านนี้ไม่หิวเหรอ” คนไทยคนนั้นถามอย่างระมัดระวัง
“จัดการเรื่องของตัวเองก็พอ อย่าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง” ชาญ ทองทวนยิ้มแล้วมองไปยังคนนั้น กลับทำให้ใจของเขาหนาวเย็นไปหมด
หลังจากกินข้าวเสร็จ ชาญ ทองทวนถามข่าวคราวคนไทยคนนั้นว่า “เรื่องที่ผมให้พวกคุณไปจัดการเป็นยังไงบ้าง”
เยี่ยเทียนที่อาศัยอยู่ในวิลล่าของถังเหวินหย่วน ไม่ใช่ความลับอะไร วันก่อนที่ชาญ ทองทวนจะมาที่ฮ่องกง ซ่งเสี่ยวหลงก็เอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยเทียนส่งให้เขา แต่ชาญ ทองทวนก็รู้แค่ที่อยู่ แต่รายละเอียดที่นั่นกลับไม่รู้เลย
“อาจารย์ คุณบอกว่าสถานที่นั้นเป็นวิลล่าคนระดับสูงที่สุดในฮ่องกงอยู่ เกรงว่า……เกรงว่า พวกเราจะไม่สามารถเข้าไปได้”
หลังจากที่ได้ยินชาญ ทองทวนถาม สีหน้าของคนไทยคนนั้นก็มีสีหน้าที่ไม่ดี กลัวเป็นอย่างมาก เพราะตัวเองจัดการไม่สำเร็จ
ชายคนนี้ชื่อ “สถิรพันธ์” เป็นหัวหน้ากลุ่มค้าของเถื่อนที่สมชายจ้างไว้ในฮ่องกง ถ้าเขามีความสามารถเข้าไปยังสถานที่ที่คนร่ำรวยชั้นนำทั้งหมดของฮ่องกงอาศัยอยู่ได้ ก็คงไม่แบกหน้าเป็นนักค้าของเถื่อนที่ทำอยู่ในขณะนี้
“อาจารย์ นี่คือรูปภาพสถานที่นั้น คุณดูก่อนได้ครับ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของชาญ ทองทวนลดลง สถิรพันธ์รีบวางรูปภาพหลายใบให้ชาญ ทองทวนดูด้วยจิตใจกระสับกระส่าย แม้ว่าจะเข้าสู่ย่านที่อยู่อาศัยที่หรูหรานี้ไม่ได้ แต่สื่อซุบซิบของฮ่องกงก็ได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี จึงไม่ยากในการหารูปภาพพวกนี้มา
ชาญ ทองทวนชี้ไปบนถนนเส้นหนึ่งในรูปภาพ ปริปากถาม “ตรงนี้ผ่านไปที่ไหน”
สถิรพันธ์มองดูรูปภาพ พูดอย่างระมัดระวังว่า“อาจารย์ ตรงนั้นผ่านไปยังจุดชมวิวไท่ผิงชาน เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนไปเที่ยว แต่ทางแยกถนนเส้นนี้กลับไปที่ส่วนบุคคล คนธรรมดาเข้าไปไม่ได้”
“บนภูเขามีทางลงไปที่วิลล่านั้นไหม”
เป้าหมายของชาญ ทองทวนไม่มีอะไรที่จะยับยั้งเขาได้ ในความคิดของเขา เมื่อเขาจากไป คนที่เคยอยู่ตรงหน้าเขา จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวัน ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าเมื่อทำอะไรลงไปแล้วความลับจะรั่วไหลออกไป
หลังจากได้ยินคำพูดของชาญ ทองทวน สถิรพันธ์ค้นหารูปภาพใบหนึ่งเจอ จึงชี้ไปแล้วพูดว่า“ลงรถตรงนี้ ถ้าเดินไปตามแนวสันเขานี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะสามารถเข้าไปทางหลังเขาได้ แต่…”
พูดถึงตรงนี้ สถิรพันธ์ก็เงียบ เพราะตรงนี้มีกำแพงหินที่ขุดไปตามภูเขาสูงถึงสิบเมตรกว่า แต่สำหรับร่างกายของชาญ ทองทวนแล้ว ไม่ต้องสงสัยมันเป็นอุปสรรคสำหรับเขา
“ที่นี่เหรอ”
สำหรับชาญ ทองทวนที่เติบโตในป่าตั้งแต่เล็กจนโต กำแพงหินในแนวดิ่งเกือบสิบเมตรไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเขาคนเดียว แต่การเอากล่องไปด้วยกลับกลายเป็นอุปสรรค
ชาญ ทองทวนใช้มือไปเคาะรูปภาพโดยไม่รู้ตัว แต่หลังจากนั้นสักพัก พูดว่า “คืนนี้นายไปส่งฉันที่ตรงนี้ แล้วค่อยกลับมารับฉันตรงนี้”
ในความคิดของชาญ ทองทวน ในการเข้าไปจัดการคนธรรมดาอย่างเยี่ยเทียน ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน แม้แต่ ชายวัยกลางคน ที่เขานำมาด้วยก็ไม่จำเป็นต้องใช้ เขาแค่ระมัดระวังตัวตามสัญชาติญาณธรรมชาติเท่านั้น ที่นำชายคนนี้ติดตามมา
สำหรับหมอไสยศาสตร์คนหนึ่ง สถิรพันธ์ไม่กล้าถามอะไร ได้แต่ตอบด้วยเคารพนบนอบว่า “ครับ อาจารย์ ท่านจะไปตอนไหนครับ”
ชาญ ทองทวนมองที่นาฬิกา พูดว่า “รออีกซักชั่วโมง ตอนสองทุ่มครึ่งพวกเราค่อยออกไป”
ฮ่องกงเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน เป็นฤดูฝน ในช่วงแรกอาจจะท้องฟ้าแจ่มใส แต่ช่วงหลังอาจจะมีฝนตกหนักได้
รอจนกระทั่งชาญ ทองทวนเตรียมตัวออกเดินทาง ทันใดนั้นท้องฟ้าที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงดาว ก็เริ่มมืดลง ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยความมืดของพายุและฝน
“อาจารย์ ฝนค่อนข้างแรง ไม่งั้น…พวกเราไปช้ากว่านี้ได้ไหม” เมื่อเห็นฝนตกค่อนข้างแรงที่ด้านนอก สถิรพันธิ์ มองดูด้วยความกังวล การขับรถในขณะที่ฝนตกหนักไม่ปลอดภัยเลย
“ฝนนี้ตกนานเท่าไหร่”
ชาญ ทองทวนขมวดคิ้ว เขาไม่กลัวฝนตก ฝนตกสามารถชะล้างร่องลอยที่เขามาได้ แต่ฝนนี้ตกหนักไปหน่อย ทำให้ไม่สามารถใช้หนอนพิษพวกนั้นได้
สถิรพันธ์ส่ายหน้า พูดว่า“ไม่รู้ครับ น่าจะสักพักหนึ่ง หรืออาจจะตลอดทั้งคืน!
“ไป วันนี้ต้องไป”
ชาญ ทองทวนลังเลสักพัก ในที่สุดก็ตัดสินใจ ตอนนี้เขากำลังฝึกวิชาอาคมที่ใช้ควบคุมจิตใจของคนอื่นที่ประเทศไทย ออกมามากที่สุดได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ วันนี้ต้องจัดการเยี่ยเทียนให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้กลับประเทศไทย
“ได้ครับ”
เมื่อเห็นชาญ ทองทวนตัดสินใจ สถิรพันธิ์ไม่ได้พูดอะไรมาก ฝ่าฝนไปที่โรงรถ ขับออฟโรดคันนั้นออกมา
ฝนที่ตกหนักมากนั้น ถึงแม้จะเปิดไฟหน้ารถออฟโรดแล้วก็ตาม ก็ยังมองเห็นทางได้ไม่เกินระยะห้าเมตรเลย สถิรพันธิ์ได้แต่ขับรถออฟโรดอย่างระมัดระวัง ขับมุ่งไปที่ภูเขาไท่ผิงซาน
แม้แต่สถิรพันธิ์ก็ไม่รู้ว่าเพราะฝนที่กำลังตกหนักนั้น กลับทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดูแลบริเวณด้านนอกวิลล่า ไม่รู้เรื่องถึงการมาของพวกเขา
ฝนที่ฮ่องกงมาแล้วไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รถเลี้ยวเข้าไปที่ถนนไท่ผิงซาน ฝนที่ตกหนักค่อยๆ ซาลงเมื่อรถวิ่งไปถึงกำแพงหิน ฝนก็ได้หยุดลงแล้ว
“อาจารย์ ตรงนี้แหละ”
เพราะฝนตกหนัก คืนนี้คนที่มาดูวิวข้างบนไท่ผิงซานต่างก็ลงภูเขาไปแล้ว บนถนนค่อนข้างเงียบ ได้ยินแต่เสียง กบ เขียด และแมลงร้องระงม
“แหะๆ ลูกรักของฉัน พวกแกออกมาได้แล้ว”
แค่ใช้วิธีที่ง่ายๆ ก็สามารถกำจัดเยี่ยเทียนได้แล้ว ชาญ ทองทวนไม่ต้องใช้วิชาอะไรมาก หลังจากที่เปิดท้ายรถออฟโรด เขาก็เปิดฝากล่องไม้ที่ตัวเองนำมาด้วย
พอชาญ ทองทวนผิวปากเสียงแหลม หนอนพิษในกล่องไม้ก็ทยอยตื่นขึ้นมา เสียงผิวปากของชาญ ทองทวนเปลี่ยนท่วงทำนองและระดับเสียงไปสองสามครั้ง
เสียงพวกเป็นคำสั่ง ให้แมลงพิษเหล่านั้นคลานออกมาจากกล่องไม้และรถยนต์ ตรงไปที่กำแพงหินซึ่งปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ เสียงของแมลงพิษเหล่านั้นทำให้รอบด้านเงียบสงัดลงทันที่
……
จั่วเจียจวิ้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าจุดชมวิว มองบรรยากาศหลังฝนตกที่สวยงาม จู่ๆเยี่ยเทียนก็พูดว่า “ศิษย์พี่ ชาญ ทองทวนน่าจะมาถึงแล้ว”
“ไม่หรอกมั้งอาติงไม่ได้โทรศัพท์มาบอกนี่” จั่วเจียจวิ้นเมื่อได้ยินถึงกับตะลึง เขารู้ว่าอาติงได้ส่งคนสอดแนม ชาญ ทองทวนอยู่
เยี่ยเทียนหันกลับมาพูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไม่ผิดแน่ ผมรับรู้ถึงพลังพิฆาตของมันได้”
……