เมื่อเห็นคนข้างหน้าตรงนั้นเป็นเยี่ยเทียน ทันใดนั้นม่านตาของหม่าเหล่าซานก็โตขึ้น มองแผลเป็นที่บริเวณหลังมือ ก็อดไม่ได้ที่จะแสบๆ คันๆ ขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเรื่องจะผ่านมาเกือบสามปีแล้ว แต่หม่าเหล่าซานบางทีก็ฝันร้าย ในฝันยังคงปรากฎภาพนักศึกษาชายที่ขี้อายปรากฏขึ้นมา
แน่นอน ในฝันที่เยี่ยเทียนยังใช้พลังพิฆาตอย่างโหดเหี้ยม ถูกหม่าเหล่าซานเสริมแต่งขึ้นมาด้วย
“เหล่าซาน นายรู้จักคุณเยี่ยด้วยเหรอ”
หลังจากที่ชิวเหวินตงได้ยินคำพูดของหม่าเหล่าซาน อดไม่ได้ที่มองเขาอย่างแปลกใจ ในเมื่อสองคนนี้รู้จักกัน งั้นเยี่ยเทียนทำไมถึงต้องมาทำลายสนามของตัวเองด้วยล่ะ
“แค่กๆ พี่ตง นี่…ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้เห็นหน้าน้องเยี่ยเทียนแว๊บเดียว” หม่าเหล่าซานไม่กล้าที่จะพูด เรื่องสองปีก่อนที่ช่วยเป็นลูกสมุนของเหรินเจี้ยน ตอนที่พูดส่งสายตาวิงวอนคู่หนึ่งให้กับเยี่ยเทียน
ชิวเหวินตงเกลียดลูกน้องที่รังแกคนอื่นมากที่สุด หม่าเหล่าซานตอนนี้เป็นหัวหน้าคนงานในบริษัท รักษาความปลอดภัยของเขา ภายในสองปีมีเงินซื้อทั้งบ้านและรถ จึงไม่อยากถูกชิวเหวินตงไล่ออกเพราะเรื่องนี้
“พี่น้องอะไรกัน เรียกท่านเยี่ยสิ” ชิวเหวินตงจ้องตาเขม็ง เฝิงเฮิงหยู่เรียกเยี่ยเทียนว่าอาจารย์ลุง เด็กคนนี้เรียกว่าพี่ ไม่ให้เกียรติพวกเราแล้วหรือยังไง
“ก็เรียกผมว่าเยี่ยเทียนเถอะครับ ไม่ต้องดูห่างเหินขนาดนั้น”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าพลางแทรกคำพูดของชิวเหวินตง มองไปที่หม่าเหล่าซานถามว่า “พี่หม่า เฟ่ยเฮ่อเหว่ยคนนัั้นเป็นยังไงบ้าง พี่พูดให้ผมฟังหน่อยสิครับ”
หม่าเหล่าซานถูกเยี่ยเทียนเรียกถึงกับตกใจ รีบพูดแล้วโบกไม้โบกมือพูดว่า “ท่านเยี่ย ผมไม่กล้ารับคำเรียกชื่อนั้นหรอก ท่านเรียกผมว่าเสี่ยวหม่าหรือซานเอ๋อ ก็พอแล้ว”
ในใจของหม่าเหล่าซานได้ยอมรับว่าเยี่ยเทียนเป็นลูกพี่ในวงการแล้ว มองเห็นลูกพี่ชิว ที่แสดงความคารพเยี่ยเทียนแบบนี้ จึงทำให้ตื่นเต้น
แต่เมื่อเห็นเยี่ยเทียนไม่เอ่ยเรื่องหลายปีก่อน ในใจของหม่าเหล่าซานก็สงบลง
“พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เหล่าซาน เรื่องของเฟ่ยเฮ่อเหว่ย มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับแกไหม”
ชิวเหวินตงมองดูหม่าเหล่าซานด้วยใบหน้าที่น่าสงสัย เขารู้ว่าลูกน้องของเขาพวกนี้บางครั้งก็รับงานส่วนตัว ถ้าเรื่องเว่ยหงจวินถูกทำร้ายเกี่ยวข้องกับเหล่าซาน เขาก็อาจจะพูดไม่หมด
“พี่ตง เฟ่ยเฮ่อเหว่ยเด็กคนนั้นไม่รักษาสัจจะ ผมหม่าเล่าซานไม่เคยไปยุ่งกับเขาอีกเลย”
หลังจากที่ฟังคำพูดของชิวเหวินตง หม่าเหล่าซานรีบร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มองใบหน้าของชิวเหวินตงอย่างระมัดระวัง ก็พูดต่อว่า “ท่านเยี่ย ผมเพิ่งไปที่บริษัทรื้อถอนของเฟ่ยเฮ่อเหว่ยมา ดูเหมือนว่าลูกน้องของเขาจะมีคดีฆาตกรรมที่โรงพยาบาล ตอนนี้บริษัทถูกปิดแล้ว ทุกคนถูกพาตัวไปที่กองสันติบาล ทุกคนถูกจับหมดแล้วในข้อหาเล่นการพนัน”
บริษัทรักษาความปลอดภัยมีความสัมพันธ์บางอย่างกับทางตำรวจ ตำรวจมักได้รับเชิญให้ไปบรรยาย เรื่องระบบกฎหมายอยู่บ่อยๆ ดังนั้นหม่าเหล่าซานก็รู้จักคนในสถานีตงเฉิง เพิ่งไปถามข่าวคราวมา เรื่องทั้งหมดก็เป็นที่แน่ชัดแล้ว
“โธ่เอ้ย รู้ตั้งนานแล้วว่าไอ้สารเลวคนนี้ไม่ใช่คนดี อยู่ไปยังก็มีแต่แปดเปื้อนได้”
เมื่อได้ยินหม่าเหล่าซานบอกว่าพฤติกรรมที่ฆาตกรผมสีเหลืองคนนั้นฆ่าคนเกิดจากการที่เสพยาเกินขนาด ชิวเหวินตงก็โกรธอดไม่ได้ที่จะทุบโต๊ะ ยาเสพติดเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อระบบประสาทส่วนกลางของคน และเป็นสิ่งที่คนในวงการยุทธภพเกลียดมากที่สุด
“เสพยาเสพติด เป็นสิ่งที่พวกตำรวจพวกนั้นสรุปหรือ” เมื่อได้ยินตำรวจจู่ๆ ก็สรุปแบบนี้ เยี่ยเทียนก็โล่งใจไปไม่น้อย
เดิมทีในใจของของเยี่ยเทียนก็สงสัยในพฤติกรรมของเจ้าหนุ่มหัวสีเหลืองที่อยู่ในโรงพยาบาลว่า ทำไมถึงได้กระทำการออกมารุนแรงขนาดนั้น ตอนนี้นอกจากเป็นเพราะวิชาของเขาแล้ว ยาเสพติดก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง
แต่เฟ่ยเฮ่อเหว่ยถูกตำรวจจับไปแล้ว กลับเกินความคาดหมายของเยี่ยเทียนทำให้เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
ถ้าบนโลกนี้บอกว่าที่ไหนเป็นที่ปลอดภัยมากที่สุดสำหรับเฟ่ยเฮ่อเหว่ย ก็คงเป็นที่สถานีตำรวจแล้ว แม้ว่าความสามารถของเยี่ยเทียนนั้นจะมีมาก คงไม่สามารถเข้าไปในห้องขังเพื่อทำร้ายคนได้
“คุณเยี่ย เฟ่ยเฮ่อเหว่ยไอ้สารเลวคนนี้ที่จริงชกต่อยคนของผม เหล่าชิวของผมก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้คุณก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก รอหลังจากที่เขาออกมา ผมจะจัดการเขาให้เขาไสหัวออกไปจากเมืองปักกิ่งเอง คุณคิดว่ายังไงบ้างครับ”
ในขณะที่เยี่ยเทียนกำลังคิดอยู่ ข้างหูอยู่ๆก็ได้ยินคำพูดของชิวเหวินตง เหล่าชิวครั้งนี้น่าจะโกรธมากจริงๆ หลายปีก่อนก็ถูกไอ้สารเลวทำให้ตัวเองต้องเข้าคุก วันนี้ยังใช้ชื่อเขาไปทำเรื่องเลวร้ายอีก
เหล่าชิวมีชื่อเสียงมากในเมืองปักกิ่งสำหรับประชาชนทั่วไป แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ในเส้นทางยุทธภพจะรู้ว่า ท่านชิวเป็นคนที่โหดร้ายคนหนึ่ง สองสามปีมานี้พวกลักเล็กขโมยน้อย ไม่รู้ถูกเขาจัดการไปเท่าไหร่แล้ว
“เรื่องนี้ไม่รบกวนคุณชิวแล้ว ผมรับปากเว่ยหงจวิน จะช่วยเขาหาความเป็นธรรม หลังจากที่รอเฟ่ยเฮ่อเหว่ยออกมา ผมค่อยไปเจอเขาในตอนหลัง”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ปฏิเสธข้อเสนอของชิวเหวินตง หลังจากนั้นก็กล่าวขอโทษ “คุณชิว วันนี้ที่มาหาเรื่องถึงที่ ต้องขอโทษมากจริงๆ คุณอย่าใส่ใจเลยนะครับ”
“ทำไมคุณเยี่ยถึงพูดแบบนั้นล่ะ เรื่องนี้เหล่าชิวก็มีส่วนผิด พวกเราไม่ใช่ว่าไม่รู้จักกัน ทำตามที่คุณเยี่ยพูด ถ้าอยากให้ผมเหล่าชิวช่วย คุณโทรศัพท์มาก็พอแล้ว”
ชิวเหวินตงยืนขึ้นแล้วก็หัวเราะแหะๆ พูดว่า “นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ไปกัน ในหูท่งมีร้านอาหารที่รสชาติดีร้านหนึ่ง เหล่าชิวเป็นเจ้ามือเอง หนึ่งเป็นการต้อนรับน้องเฝิง สองเป็นการตอบแทนคุณเยี่ย”
ชิวเหวินตงเป็นชายชราคนหนึ่งในยุทธภพ ในใจคนทั่วไปต่างไม่จงเกลียดจงชัง เยี่ยเทียนก็ยอมรับในจุดนี้ ครอบครัวของตัวเองก็อยู่ที่นครปักกิ่ง การที่คบกับคนเช่นนี้ไม่มีอะไรที่แย่
คนที่ฝึกวิทยายุทธจำนวนมากจะมีนิสัยที่ตรงไปตรงมา เยี่ยเทียนถึงแม้ว่าจะทำลายสนาม แต่หลายคนก็เลื่อมใสความสามารถของเขาและเซี่ยวเทียน พอถึงโต๊ะก็ทยอยยกเหล้าชนแก้วเคารพเยี่ยเทียน
“เซี่ยวเทียน เหล้าไม่ต้องดื่มแล้ว กินข้าวเยอะหน่อย” เยี่ยเทียนรู้ว่าลูกศิษย์ของตัวเองคนนี้ มีความสามารถในการดื่มที่ถือว่าไม่เลวเลย แต่หลังจากดื่มเหล้ากลับไม่ฝึกกังฟู ดังนั้นจึงเอาแก้วเหล้าที่อยู่หน้าเซี่ยวเทียนยกไปที่อื่น
เยี่ยเทียนไม่ให้โจวเซี่ยวเทียนดื่มเหล้า แต่ตัวเองกลับดื่มเหล้าจนหมดแก้ว คนทั้งสองโต๊ะในท้องเต็มไปด้วยเหล้าขาว นอกจากแก้มที่แดงระเรื่อ สีหน้าของเยี่ยเทียนแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยน
ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้และความสามารถในการดื่มเหล้าขนาดนี้ ภาพลักษณ์ของเยี่ยเทียน ก็สูงขึ้นในสายตาของชาวแก๊ง
ตอนที่เฝิงเฮิงหยู๋ยืนอยู่ที่ในห้องน้ำกลับพบว่า ด้านหลังเสื้อของเยี่ยเทียนจู่ๆก็เปียกเต็มไปหมด และยังเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า
เฝิงเฮิงหยูี๋ถึงกับตกตะลึง นี่ถึงรู้ว่า ที่แท้วิชาของเยี่ยเทียนนั้นสูงถึงกับ บีบบังคับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้ มีแค่คนที่ฝึกกังฟูชั้นเยี่ยมในตำนานถึงจะทำได้
การดื่มเหล้ามื้อนี้ดื่มถึงบ่ายสี่ห้าโมง ความเข้าใจผิดทั้งสองฝ่ายไม่เพียงแต่คลี่คลายลง เยี่ยเทียนยังรับปากให้ โจวเซี่ยวเทียน ถ้าไม่มีธุระอะไรก็จะมาที่สำนักวิชา ช่วยเฝิงเฮิงหยู๋ชี้แนะเหล่าลูกศิษย์
รอเยี่ยเทียนและโจวเซี่ยวเทียนกลับมาที่บ้านเก่า ท้องฟ้าก็ได้มืดลงแล้ว เยี่ยเทียนทักทายพ่อ ให้โจวเซี่ยวเทียนย้ายไปอยู่กับตัวเอง แม่ของโจวเซี่ยวเทียนก็มีเยี่ยตงเหมยอยู่เป็นเพื่อน ไม่ต้องให้โจวเซี่ยวเทียนเป็นห่วง
โจวเซี่ยวเทียนอาศัยอยู่ในเรือนสี่ประสานแห่งนี้ สิ่งที่มีความสุขมากที่สุดคือถังเสวียเสวี่ย ปกติเธอมักจะอยู่บ้านดูทีวีตอนกลางคืน สายตามองไปไปรอบๆ แม้แต่ทีวียังไม่ดู ลากโจวเซี่ยวเทียนไปคุยในลานบ้าน
“อาจารย์ ดึกขนาดนี้คุณยังต้องออกมาอยู่เหรอ” โจวเซี่ยวเทียนที่กำลังหมกมุ่นอยู่ในคำพูดของถังเสวียเสวี่ย เมื่อเห็นเยี่ยเทียนเข้ามาในกลางลานบ้าน ก็รีบลุกขึ้น
“อืม ฉันออกไปแป๊บเดียว ก่อนนอนนายต้องฝึกก่อน เซี่ยวเทียน อย่าขี้เกียจล่ะ”เยี่ยเทียนพยักหน้า เสื้อที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าได้เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว
คุยกันกับโจวเซี่ยวเทียนสองสามประโยค เยี่ยเทียนออกไปนอกเรือนสี่ประสาน พอถึงหน้าปากซอยก็เรียกรถแท็กซี่ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมา มาถึงบริษัทรื้อถอนของเฟ่ยเฮ่อเหว่ย
เยี่ยเทียนรับปากที่จะช่วยเว่ยหงจวินทวงความยุติธรรมกลับมา แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยพวกที่ทำร้ายคนพวกนั้นไป โบราณบอกว่าอยากรู้เรื่องต้องหาตัวต้นเหตุ ต้นตอชี้มาที่ตัวของเฟ่ยเฮ่อเหว่ย
ถึงแม้ว่าพวกคนเหล่านั้นจะถูกตำรวจจับไปแล้ว แต่่เยี่ยเทียนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี หลังจากที่เข้าสู่วงการ เขาก็มีหลายวิธีที่จะนำมาใช้
ทุกคืนบริษัทรื้อถอนแห่งนี้จะมีความครึกครื้นอย่างมาก ตอนนี้กลับเงียบสงบ ภายในตึกเล็กๆทั้งสองชั้น ไม่มีแม้แต่แสงไฟ แม้แต่ยามก็ถูกนำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ
เดินไปที่หลังอาคาร เยี่ยเทียนเห็นชั้นสองมีหน้าต่างห้องเปิดอยู่ ก็เลยหยุดดูอยู่ครู่หนึ่ง มองไปรอบๆ ที่มีความมืดปกคลุมไปหมด เยี่ยเทียนถอยหลังสองสามก้าว หลังจากนั้นก็วิ่งไปตามพื้นที่แตกตรงไปที่บันได
เมื่อห่างจากกำแพงสามสี่เมตร เยี่ยเทียนเพิ่มความเร็วอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เท้าสองข้างไปเหยียบบนกำแพงสีเทา มือคู่หนึ่งไปจับที่ขอบหน้าต่าง มือสองข้างใช้แรงอย่างสุดพลัง ร่างของเยี่ยเทียนราวกับแมวที่มุดเข้าไปในห้อง
“บ้าจริง นี้กลิ่นอะไรน่ะ”
พอเข้ามาในห้อง เยี่ยเทียนถึงกับขมวดคิ้ว เพราะในห้องนี้นอกจากกลิ่นบุหรี่ที่เหม็นและกลิ่นถุงเท้าแล้ว ยังมีกลิ่นที่ไม่ค่อยชัดเจนอยู่ เยี่ยเทียนที่ไม่สูบบุหรี่เกือบจะอ้วกออกมา
“ไม่ไหวๆ โชคร้ายจริงๆ รู้อย่างนี้น่าจะรออีกสองสามวัน”
พอเดินมาที่กลางห้องอยู่ๆ รู้สึกว่าเท้าลื่น พอยืนนิ่งๆ แล้วมองไปที่พื้น เยี่ยเทียนอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา ก้มลงที่พื้น หยิบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วอันหนึ่งขึ้นมาโยนทิ้งไป
หลังจากออกจากห้องมาที่ทางเดินแล้ว เยี่ยเทียนถึงกับถอนหายใจยาวๆ นี่บริษัทอะไรกัน ยังกับซ่องไม่มีผิด
ยังดีที่เฟ่ยเฮ่อเหว่ยแขวนป้ายผู้จัดการด้านหน้าห้องทำงานของเขา หลังจากพบสายโซ่ที่คล้องประตูไว้ เยี่ยเทียนขยับไปมาสองสามทีประตูก็เปิดออก เคล็ดลับนี้เยี่ยเทียนได้เรียนรู้จากหัวหน้าขโมยคนหนึ่งในมณฑลเหอหนาน
อาจเป็นเพราะต้องต้อนรับแขก ห้องทำงานของเฟ่ยเฮ่อเหว่ยค่อนข้างสะอาด เยี่ยเทียนยังไม่เปิดไฟ ยืมแสงดวงจันทร์หาของที่อยู่บนโต๊ะ
“ของนี้ไม่ใช่ของคนที่ดีแน่”
ไม่เพียงแต่มีขนสั้น ๆ ที่ตกบนพื้นเท่านั้น ยังมีเส้นผมผู้หญิงสองสามเส้น หลังจากที่เยี่ยเทียนสวมถุงมือและห่อเส้นผมสี่หรือห้าเส้นนั้นด้วยกระดาษทิชชู่ที่อยู่บนโต๊ะ แล้วก็ออกมาจากบริษัทอย่างเงียบ ๆ
……