“ที่แท้ก็เป็นลูกหลานของหลี่ฉุนเฟิงหรือ? ไม่น่าแปลกที่เขาสามารถดัดแปลงค่ายกลในสุสาน ให้เกิดกระแสพลังพิฆาตหยิน ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นคนที่มีแรงอาฆาตมาก!”
หลังจากอ่านหลายร้อยคำนี้ เยี่ยเทียนก็มีความชัดเจนเกี่ยวกับที่ไปมาของเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่รู้อะไรเยอะเกี่ยวกับหลิวเหรินกงที่หลี่ไท่ซวีพูดถึงเลย จึงต้องไปเช็คข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อน
ปรากฏว่า หลี่ไท่ซวีเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงมากในช่วงปลายของราชวงศ์ถัง และเคยเป็นขุนนางเก่าในวังมาก่อน
หลี่ไท่ซวีเป็นคนรวบรวม ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ ปฏิทิน ข้อห้าม สิ่งที่พึงกระทำ และพิธีกรรมต่างๆ ที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
เมื่อถึงยุคที่ราชวงศ์ถังได้เสื่อมลง อำนาจต่างๆ ได้กระจายไปสู่พวกขุนนางท้องถิ่น ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตผู้คน ในช่วงบั้นปลายชีวิต หลี่ไท่ซวีได้เผยแพร่ศาสตร์การพยากรณ์และการทำนายทายทักออกไป ต่อมาเขาก็ออกจากวัง ไปพยากรณ์และแนะนำในหมู่ประชาชนทั่วไปในการแก้เคราะห์ให้กับตัวเอง
แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อหลี่ไท่ซวีเดินทางมาถึงเขตแดนเหอเป่ย ได้ถูกหลิวเหรินกงที่เป็นขุนนางระดับสูงของเหอเป่ยในตอนนั้นเชื้อเชิญให้เขาช่วยสอนฮวงจุ้ยและสร้างสุสานให้พ่อแม่ของเขา
หลี่ไท่ซวีและหลิวเหรินกงที่รู้จักกันมาก่อน เมื่อหลิวเหรินกงขอร้องอย่างนี้ เขาจึงรับปากและหลังจากผ่านการสำรวจพื้นที่เป็นเวลาหนึ่งเดือน เขาก็พบสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยที่ดีในหมู่บ้านเถียนจวง
แต่ว่าภายหลังได้เกิดความผิดปกติขึ้น เกินความคาดหมายของหลี่ไท่ซวี เพราะหลิวเหรินกงใช้คนหนุ่มจำนวนมากเพื่อไปสร้างสุสานของพ่อแม่ของเขา สุสานนี้มีขนาดใกล้เคียงกับสุสานของจักรพรรดิเลยทีเดียว
นอกจากนั้น หลิวเหรินกงยังกักตัวหลี่ไท่ซวีไว้ในบ้าน ในเวลานั้นหลี่ไท่ซวีมีอายุมากกว่าแปดสิบปีและกำลังวังชาของเขาก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน ถึงอยากจะหนีรอดมันก็สายเกินไป
มีหรือที่หลี่ไท่ซวีจะไม่รู้ความคิดของหลิวเหรินกง พ่อแม่ของหลิวเหรินกงนั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว เขาสร้างสุสานให้พ่อแม่ ก็เพราะว่าอยากให้ตัวเองได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นจักรพรรดิในภายหลัง?
แต่ว่าตระกูลของหลี่ฉุนเฟิงนั้นล้วนรับใช้ราชสำนัก และหลี่ไท่ซวีเองก็ได้รับการชุบเลี้ยงจากองค์ฮ่องเต้เป็นอย่างดี ดังนั้นภายในจิตใจเขาจึงมีแต่ความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ แล้วเขาจะยอมสร้างสุสานเส้นเลือดมังกร ให้คนชั่วร้ายอย่าง หลิวเหรินกงได้อย่างไร?
หลี่ไท่ซวีเป็นคนที่รอบรู้ในด้านการทำนายอยู่แล้ว ในครั้งนี้เขาได้ทำนายโชคชะตาตนเอง ไม่ว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับหลิวเหรินกงหรือไม่ก็ตาม ชีวิตเขาก็จะจบอยู่ที่นี่
หลี่ไท่ซวีมีนิสัยที่แข็งแกร่งและเป็นคนรุ่นเก่าที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ตอนนั้นที่รับปากกับหลิวเหรินกงจะช่วยสร้างสุสานของพ่อแม่ให้เขา เขาจึงหลอกหลิวเหรินกงที่ไม่รู้เรื่องฮวงจุ้ยเลย แอบใช้แผนเล็กน้อย สร้างหลุมฝังศพที่เหมือนแต่ไม่เหมือนขึ้นมา
หลี่ไท่ซวีไม่เพียงแต่เปลี่ยนแผนผังตำแหน่งมังกรของสุสานเท่านั้น แต่ยังบอกหลิวเหรินกงว่าพ่อแม่ของเขาไม่มีวรยุทธ์ ซึ่งจะไม่สามารถควบคุมกระแสพลังมังกรในสุสานนี้ได้ จึงต้องการอาวุธวิเศษมาวางไว้ในสุสาน เพื่อให้ลูกหลานของเขาสามารถที่จะได้ขี่มังกรและหงส์ (ครองบัลลังก์) ได้ถึง เก้าสิบห้ารุ่น
ในขณะนั้นหลิวเหรินกงเป็นเจ้าเมืองฟั่นหยาง เป็นขุนพลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเขตนี้ แต่เขาก็เป็นคนหยาบกระด้าง จะเข้าใจความรู้ของวิชาฮวงจุ้ยเหล่านี้ได้อย่างไร?
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบหลี่ไท่ซวีไม่ได้แสดงอาการใดๆ ที่ไม่พอใจต่อหน้าเขา หลอกให้เขาเชื่อ ซ่อนง้าวเล่มนั้นไว้ในหลุมฝังศพถึงสามปี
หลิวเหรินกงไม่รู้ว่าง้าวเล่มนี้สามารถใช้ปกป้องได้เฉพาะในซุ้มประตูสุสานเท่านั้น แต่วางไว้ภายในสุสานม่ได้ ดังนั้นจึงเท่ากับว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตแล้ว ยังต้องถูกง้าวฟันทุกวันทุกคืน
ไม่กี่วันก่อนที่หลุมฝังศพจะเสร็จสมบูรณ์ หลี่ไท่ซวีก็คำนวณว่าตัวเองจวนจะตาย
แต่ว่าตอนนั้นหลี่ไท่ซวีอยู่ภายใต้การควบคุมของหลิวเหรินกงอย่างแน่นหนา ไม่มีแม้แต่พู่กันกับหมึก สุดท้ายจึงฉีกเสื้อคลุมและกัดนิ้วตัวเองเพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้จนสิ้นชีวิต และวางไว้ในสถานที่เดียวกันกับเคล็ดวิชาลับของสำนักอาจารย์ของเขา
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง แม้ว่าจะไม่ได้เขียนไว้บนนี้ แต่เยี่ยเทียนก็สามารถคาดเดาได้ว่าหลี่ไท่ซวีได้ต่อสู้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ก็ทนต่อความเจ็บปวดจากพิษลูกธนูนับพันไม่ได้
“บัดซบเอ๊ย ฉัน…ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย?!”
หลังจากอ่านข้อความสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิตของหลี่ไท่ซวี เยี่ยเทียนก็ถอยหลังและตบหน้าตัวเองอย่างหนัก เขาไม่คิดว่าเขาจะพลาดโอกาสได้รับคัมภีร์ที่สุดยอดแห่งยุค
คำพูดของหลี่ไท่ซวีชัดเจนมาก ความลับของวิชาและแนวทางการฝึกและภาพประกอบ ที่อยู่ด้านหลังของคัมภีร์ที่ หลี่ฉุนเฟิงบันทึกไว้ ได้ถูกทำลายด้วยมือของตัวเอง
“โชคดีที่หลี่ไท่ซวีเคยได้รับลูกศิษย์ ภาพลับด้านหลังจึงได้สืบทอดต่อไป มิฉะนั้นถึงแม้ว่าฉันตายก็ชดเชยไม่ได้เลย!”
หลังจากมองดูบันทึกก่อนสิ้นชีวิตของหลี่ไท่ซวีอย่างละเอียดครั้งแล้วครั้งเล่า เยี่ยเทียนถึงได้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เพราะหลี่ไท่ซวีกล่าวอย่างชัดเจนแล้วว่า มีคนสืบทอดแล้วถึงแม้ว่าเขาตายก็ตายตาหลับ
“เฮ้ ถ้าอาจารย์รู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องโกรธแล้วกระโดดออกจากหลุมฝังศพหรือเปล่า?”
ตอนนี้เยี่ยเทียนยังเสียใจมาก หลี่ซั่นหยวนใช้ทั้งชีวิตเพื่อค้นหาร่องรอยของภาพลับด้านหลังแต่ก็ไม่ได้มา ส่วนเขาได้มันอยู่ในมือแล้วแท้ๆ แต่กลับทำลายมันเพราะความประมาท
“เยี่ยเทียน พ่อเจอแล้ว! อาวุธนี้เคยมีคนใช้จริงๆ!” เสียงของเยี่ยตงผิงดังมาจากด้านนอกประตู ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังรู้สึกเสียดายของอยู่ จากนั้นเขาก็ถือหนังสือเล่มหนึ่งบุกเข้าไปในห้องอย่างดีอกดีใจ
“พ่อ คือหลิวเหรินกงใช่หรือเปล่า? ผมรู้แล้ว!” เยี่ยเทียนตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง หน้าของเขายังไม่หายจากการตบหน้าตัวเองเมื่อครู่
“แกรู้ได้ยังไง? เฮ้ย! ลูกพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของแก?”
เยี่ยตงผิงได้ยินแล้วจึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นรอยนิ้วมือแดงๆ บนใบหน้าของเยี่ยเทียน เขาจึงอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ แม้ว่าเขาจะตีเยี่ยเทียนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แต่ก็ไม่เคยตีใบหน้าเลย
เยี่ยเทียนพูดด้วยสีหน้าเศร้า “พ่อ ไม่เป็นไรครับ แค่เสียของดีไปหนึ่งชิ้น ผมรู้สึกเสียใจ!”
“ของดีอะไร?”
เยี่ยตงผิงตื่นเต้นขึ้นมา ปกติลูกชายไม่ค่อยสนใจของโบราณเหล่านี้เลยตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งของที่ถูกเขาเรียกว่าของดีมันต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน
“ภาพลับด้านหลังคัมภีร์ของหลี่ฉุนเฟิง ถูกผมทำให้มันออกซิไดซ์เป็นฝุ่นเถ้าไปโดยประมาท…” เยี่ยเทียนเล่าเรื่องในหลุมฝังศพให้พ่อฟัง ตอนนี้เขาก็ต้องการใครสักคนมาฟังเขาพูด
หลังจากฟังคำพูดของลูกชายแล้ว เยี่ยตงผิงก็เบ้ปากพูดว่า “เฮ้อ ฉันก็คิดว่าเป็นอะไร ก็แค่เป็นหนังสือเก่าๆ เล่มเดียว ภาพลับด้านหลังมีขายที่พานเจียหยวนเยอะแยอะมากมาย พรุ่งนี้พ่อจะเอามาให้แกสักสองสามเล่ม…“
“ช่างเถอะ ผมพูดไปพ่อก็ไม่รู้เรื่องหรอก ถือว่าผมไม่เคยพูดก็แล้วกัน” เยี่ยเทียนเหลือกตาขาวไปมา ภาพลับด้านหลังที่ขายที่พานเจียหยวนนั่นหรือ ทั้งหมดก็พิมพ์ออกจากสำนักพิมพ์ มันจะเทียบกับต้นฉบับได้อย่างไร?
“ลูกพ่อ จะว่าไปแล้ว ง้าวของแกเป็นของดีจริงๆ และมันยังอยู่ในสภาพที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าโชคดีเจอคนที่ชอบสะสม ก็น่าจะสามารถขายได้ในราคาสูง!”
เยี่ยตงผิงไม่สนใจเรื่องภาพลับด้านหลังแม้แต่นิดเดียว พูดถึงแต่เรื่องง้าว พลางลากเยี่ยเทียนมาข้างๆ โต๊ะ เยี่ยตงผิงวางหนังสือภาพในมือลงแล้วพูดว่า “ดูสิ มันเหมือนกันใช่ไหม?”
“เฮ้ยพ่อ! ง้าวทั้งสองเล่มนี้เหมือนกันจริงๆ ด้วย!”
เยี่ยเทียนยื่นศีรษะไปดู ความสนใจของเขาถูกดึงดูดไปที่ง้าวในหนังสือภาพนั้น แต่ว่าพอเปรียบเทียบกับง้าวที่อยู่ตรงหน้า ในหนังสือภาพเต็มไปด้วยรอยสนิมมากมายและยังมีส่วนที่แตกหักขนาดใหญ่อยู่ที่ใบง้าว
“ลูกพ่อ ง้าวนี้ถูกใช้โดยหลิวเหรินกงในช่วงปลายของราชวงศ์ถัง แกดูที่บันทึกนี้… ” เยี่ยตงผิงเปิดหนังสืออีกเล่มในมือของเขา และชี้ตอนหนึ่งให้เยี่ยเทียนดู
ใครก็ตามที่ชอบสะสมวัตถุโบราณนั้นจะมีความสนใจในยุคสมัยโบราณ และเยี่ยตงผิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นอยู่แล้ว การค้นพบการสืบทอดของง้าวนี้ ทำให้เขาตื่นเต้นมาก
เยี่ยเทียนอ่านข้อความนั้น บอกว่าในช่วงปลายราชวงศ์ถัง หลิวเหรินกงนั้นกล้าหาญและหยิ่งผยองและใช้เวลาหลายปีในการหล่อง้าวอันล้ำค่านี้ แต่มันหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาจึงจำลองเล่มใหม่ตามแบบฉบับเดิม ต่อมาก็ขุดออกมาจากสถานที่แห่งหนึ่งในเหอเป่ย
“พ่อ หลิวเหรินกงนี่เป็นใครกันแน่?” ความสนใจของเยี่ยเทียน ก็ถูกดึงดูดจากเจ้าเมืองโง่ๆ คนนี้ จากภาพประกอบด้านหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามีคนกล้าที่จะบังคับให้อาจารย์ฮวงจุ้ยช่วยหาจุดมังกรให้เขา
และสุดท้ายหลิวเหรินกงจะเป็นยังไง ก็เป็นสิ่งที่เยี่ยเทียนก็อยากรู้มาก ว่ามันไม่มีลูกหลานและขาดทายาทตลอดอย่างที่หลี่ไท่ซวีว่าจริงหรือเปล่า?
“เอาล่ะ แกดูเองก็แล้วกัน…” เยี่่ยตงผิงโยนหนังสือในมือให้กับลูกชาย
หลังจากอ่านการแนะนำตัวของหลิวเหรินกงแล้ว เยี่ยเทียนก็ถอนหายใจยาว “นี่หมายความว่าไม่มีใครหนีพ้นผลของกรรมชั่วของตนได้จริงๆ อย่างที่พูดกันว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
หลิวเหรินกงเป็นคนเสินโจวจังหวัดเหอเป่ย ต่อมาได้ทำการก่อกบฏต่อ “หลี่เค่อย่ง” ฮ่องเต้ของราชวงศ์ถังและจิ้น กลายเป็นเจ้าเมืองหลูหลง ต่อมาได้เอาชนะเจ้าเมืองยี่ช่าง “หลูเยี่ยนเวย” และขยายอาณาเขตของเขา แล้วตั้งให้บุตรชายตัวเอง “หลิวโส่วเหวิน” เป็นเจ้าเมืองยี่ช่าง จากนั้นจึงเกิดความคิดความทะเยอทะยานอยากรวบรวมเขตแดนเหอสั่ว
แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากหลิวเหรินกงได้เหอสั่วแล้ว เขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคนเย่อหยิ่งและฟุ่มเฟือย และเขาได้สร้างพระราชวังบนภูเขาต้าอันในโยวโจว หรูหรางดงามมาก และยังเลือกผู้หญิงสวยหลายคนมาอาศัยอยู่ในนี้
ในเวลานั้นที่ลานหลังบ้านของเขาได้ถูกไฟไหม้ ลูกชายของเขา “หลิวโส่วกวง” ก็ได้เป็นชู้กับ “หลัวชี” นางบำเรอของเขา ตั้งแต่นั้นมาสองพ่อลูกจึงกลายเป็นศัตรูและตัดขาดความสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม หลิวโส่วกวง ก็ไม่ใช่คนดี เขาหยิ่งและเผด็จการมากกว่าพ่อของเขาเสียอีก เขาถือโอกาสที่หลิวเหรินกงกำลังสนุกและมีความสุขอยู่ นำคนของเขาไปจับพ่อของตัวเองและขังเขาที่บ้าน แล้วก็ประกาศตัวเองเป็นเจ้าเมืองหลูหลง
ต่อมาหลิวโส่วกวงไม่สนใจคำทัดทานของเหล่าขุนนาง ยกตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ สถาปนาราชวงศ์ ต้าเยี่ยน พลิกดินเป็นฟ้า เป็นจุดที่ก่อให้เกิดปัญหาสำคัญของช่วงปลายราชวงศ์ถัง
เพียงสามปีหลังจากหลิวโส่วกวงตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ สองพ่อลูกก็ถูกจับเป็นเชลยโดยหลี่ฉุนซวี่ลูกชายของหลี่เค่อย่ง หลิวเหรินกงถูกพาไปที่ไต้โจว ใช้มีดที่แทงหัวใจ ใช้เลือดที่ไหลออกมาบูชาหลุมฝังศพของหลี่เค่อย่ง จากนั้นจึงตัดหัว
สำหรับลูกชายสองคนของหลิวเหรินกง พวกเขาทั้งหมดถูกหลี่ฉุนซวี่ฆ่าตายทั้งหมด จึงไม่มีลูกหลานสักคนของตระกูลหลิวเหลือรอดมาได้ ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดทั้งหมดของหลี่ไท่ซวีที่ว่า ไม่มีลูกหลาน ขาดทายาทตลอดกาล!
พ่อลูกตระกูลหลิวก็ไม่มีใครคาดคิดว่า แหล่งที่มาของความหายนะของครอบครัวจะอยู่ที่หลุมฝังศพของบรรพบุรุษของพวกเขา หลิวเหรินกงก็ยิ่งไม่รู้ว่าหลี่ไท่ซวีได้จัดชะตากรรมของพวกเขาให้เรียบร้อยแล้ว
“ช่างเป็นการกระทำที่บาปจริงๆ กรรมจากฟ้ายังพ้นได้ แต่กรรมที่ก่อด้วยตัวเอง คงไม่รอดและต้องตายสถานเดียว!”
หลังจากอ่านประสบการณ์ของพ่อลูกตระกูลหลิวแล้ว เยี่ยเทียนรู้สึกเลื่อมใสหลี่ไท่ซวีเป็นอย่างมาก การคำนวณของ ปรมาจารย์โบราณฉีเหมินลึกลับยอดเยี่ยมเหลือเกิน จึงทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจ
…………