“เหล่าเฉิน บัตรนั้นเยี่ยเทียนเขาได้รับไว้ไหม?”
ภายในออฟฟิศของรีสอร์ท หวังเจียซวินกับเฉินสี่ฉวนนั่งอยู่ด้วยกันหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะให้เงินนักพรตหยุนหยางไปแล้ว แต่หวังเจียซวินรู้อยู่แก่ใจ ว่าการจับปีศาจน้ำได้ในครั้งนี้ เป็นฝีมือของเยี่ยเทียนทั้งหมด
เฉินสี่ฉวนส่ายหน้า พลางพูด “เปล่า ไม่ว่าจะพูดยังไงน้องชายของฉันคนนี้ก็ไม่ยอมรับเงิน เหล่าหวัง อีกสักพักรอตอนที่เขาจะกลับ ให้หาคนขับรถคันหนึ่งไปเอาน้ำพุบนภูเขายามฟ้าสาง ให้เขาชงดื่มน้ำชา!”
ความสะอาดและบริสุทธิ์ของน้ำบนภูเขายวี่เฉวียนซานมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และเคยเป็นน้ำดื่มน้ำใช้ของราชสำนักในสมัยโบราณอีกด้วย ซึ่งจักรพรรดิเฉียนหลง (จักรพรรดิชิงเกาจง) ยังเคยเขียนหลักศิลาจารึกว่าเป็น “น้ำพุที่ดีอันดับหนึ่งของโลก” แต่ในยุคปัจจุบันกลับมีโรงงานน้ำพุแร่ขนาดเล็กใหญ่ล้อมรอบอยู่บนภูเขายวี่เฉวียนซานไม่น้อย
นอกจากรีสอร์ทแล้ว เฉินสี่ฉวนกับหวังเจียซวินยังมีโรงงานน้ำพุแร่อยู่แห่งหนึ่งและยังขนส่งน้ำพุแร่คุณภาพหลายเกรดไปยังปักกิ่งทุกวัน ถือว่ากิจการรุ่งเรืองเลยทีเดียว
น้ำของภูเขายวี่เฉวียนซานแบ่งเป็นน้ำพุกลางวันและน้ำพุกลางคืน โดยมีคุณภาพของน้ำที่แตกต่างกัน และน้ำพุแร่ที่ดีที่สุดคือต้องเก็บในยามฟ้าสาง ซึ่งเป็นของดีและบริสุทธิ์ในการชงน้ำชา
อย่าเห็นว่าคนมีเงินในเมืองปักกิ่งถิ่นชาววังจะมีมากมาย แต่คนที่ได้ดื่มน้ำแร่จากภูเขาในยามรุ่งอรุณนั้นกลับมีน้อยมาก เพียงแค่น้ำหนึ่งถังก็ต้องจ่ายถึงสองสามร้อยหยวน และสำหรับคนปักกิ่งในช่วงปีหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบแปด ก็ถือว่ามีค่าใช้จ่ายสูงมากเช่นกัน
หวังเจียซวินพยักหน้า แล้วพูด “ได้ ต่อไปจะส่งน้ำหนึ่งคันรถให้เขาทุกเดือน นอกจากนี้ก็จะแถม ‘ข้าวจิงซี’ สองร้อยจินให้อีกด้วย…”
หวังเจียซวินกับเฉินสี่ฉวนมีนิสัยคล้ายๆ กัน เป็นคนจริงใจ แม้ว่าเยี่ยเทียนไม่เอาเงิน อย่างนั้นก็ต้องให้น้ำให้ของกิน ซึ่งถือว่าเป็นน้ำใจของตัวเองอย่างหนึ่ง
สิ่งที่เขาเรียกว่า ‘ข้าวจิงซี’ นั้น ใช้น้ำถังรดจากภูเขายวี่เฉวียนซาน ทำให้มีเม็ดข้าวที่ใหญ่ได้สัดส่วนและสีข้าวเป็นขาวอมเขียว มีปริมาณการผลิตน้อย ถึงแม้ในปัจจุบันนี้ จะเป็นข้าวสารที่มีชื่อเสียงมากก็ตาม
“เมื่อวาน สหาย XXX ท่านผู้นำประเทศของพรรคได้มาต้อนรับคุณถังเหวินหย่วนผู้รักชาติของฮ่องกง สหาย XXX แสดงความชื่นชมต่อการกระทำในการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือการศึกษาภายในประเทศจีนของคุณถัง เหวินหย่วนมาก…”
ตอนที่เฉินสี่ฉวนกับหวังเจียซวินกำลังคุยกันอยู่นั้น กลับมีข่าวในโทรทัศน์ทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องหุบปาก พร้อมกับมองชายชราผมขาวคนนั้นที่อยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ด้วยสายตาที่ตกตะลึง
ถึงแม้ภาพบนหน้าข่าวจะผ่านแวบไปเพียงช่วงเวลาสั้นๆ สองสามวินาที แต่ทั้งสองคนก็เห็นหน้าตาของชายชราคนนั้นอย่างชัดเจน แล้วจึงพูดออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “เขา…เขาคือถังเหวินหย่วนที่มาจากฮ่องกง?”
“ไม่แปลกใจเลยทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นหน้าชายแก่คนนี้?”
เฉินสี่ฉวนเคยเห็นรูปภาพของถังเหวินหย่วนบนหน้าปกนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่ต่อให้เขามีจินตนาการมากมายเพียงใด เขาก็ไม่เคยคิดว่าชายชราที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจะเป็นมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงแดนไกลคนนั้น
“ฉัน…ฉันก็ว่าอยู่เหล่าเฉิน เพื่อน … เพื่อนของนายคนนั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่?” เมื่อนึกถึงท่าทางของถังเหวินหย่วนที่มีต่อเยี่ยเทียนก่อนหน้านั้น ทำให้หวังเจียซวินพูดไม่คล่อง พลางคิดว่าเยี่ยเทียนต้องเป็นคนสุดยอดมากแค่ไหน ถึงกล้าพูดจาแบบนั้นกับถังเหวินหย่วน?
เฉินสี่ฉวนฝืนยิ้ม แล้วจึงพูด “ฉันรู้ว่าบ้านของเขาเปิดร้านขายของเก่า และเขาเลิกเรียนหนังสือจากหวาชิงเมื่อสองสามปีก่อน ส่วนอย่างอื่นฉันก็ไม่รู้แล้ว…”
“เหล่าเฉิน ถ้าอย่างนั้น…ถ้าอย่างนั้นพวกเราให้ของพวกนี้กับเขาจะเหมาะสมไหม?” หวังเจียซวินถาม พลางคิดว่าคนที่รู้จักกับถังเหวินหย่วน เกรงว่าคงจะไม่ชอบน้ำแร่กับข้าวสารพวกนั้นหรือเปล่า?
เฉินสี่ฉวนส่ายหน้า พลางพูด “มีอะไรไม่เหมาะสม?เหล่าหวัง เยี่ยเทียนไม่ใช่ลูกผู้ลากมากดีอะไรแบบนั้นแน่นอน พวกเรามอบของให้เพื่อเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ฉันว่าให้ของพวกนี้ยังดีกว่าให้เงินเสียอีก!”
เฉินสี่ฉวนรู้จักกับเยี่ยเทียนมาก่อน เขาก็ไม่มีความคิดจะเอาผลประโยชน์อะไร ถึงแม้ว่าฐานะของเยี่ยเทียนจะเปลี่ยนไป เฉินสี่ฉวนก็ไม่เคยคิดอยากได้อะไรจากตัวเขา
“งั้นก็ได้ ฉันจะสั่งให้คนไปเตรียมน้ำพุแร่บนเขากับข้าวสาร!” หวังเจียซวินพยักหน้า แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งงาน
………………-
“ลุงเหวิน คุณชาย พวกเราจะกลับแล้วใช่ไหมครับ?”
ตู้เฟยกับอาติงนั้นอยู่ในร้านกาแฟเห็นถังเหวินหย่วนกับเยี่ยเทียนลุกขึ้น จึงรีบลุกตาม และตู้เฟยรู้สึกว่าเรียนคุณปู่ดูจะไม่ค่อยคล่องปาก ดังนั้นจึงเรียกเขาว่าคุณชายเหมือนกับอาติง
เยี่ยเทียนส่ายหน้าพลางพูด “พวกคุณกลับไปก่อน ผมจะไปทักทายกับเพื่อน เพราะตอนเย็นยังมีธุระอีก!”
“อย่าสิครับ คุณชาย คุณจะไปทำธุระ ผม…ผมจะขับรถไปส่งคุณเอง!” ตู้เฟยได้ยินจึงร้อนใจทันที เพราะเขายังหวังที่จะได้ยารักษาช่วยชีวิตจากเยี่ยเทียนอีก ถ้าหากเยี่ยเทียนอารมณ์เสียขึ้นมา ไม่ให้ยาเขาอีกจะทำอย่างไร?
“ไม่ต้องครับ สถานที่ที่ผมจะไปอยู่ไม่ไกลจากที่นี่…”
เยี่ยเทียนอ่านความคิดของตู้เฟยออก แล้วจึงพูดว่า “พรุ่งนี้คุณกับถัง…ถังเหล่ามาด้วยกัน และต่อไปก็ต้องหัดเปลี่ยนนิสัยอารมณ์ร้อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ตายดีแน่!”
“ครับ คุณชายสอนถูกต้องแล้วครับ!”
ตู้เฟยพยักหน้าหงึกๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยเทียน ตอนนี้เขาไม่มีนิสัยหุนหันพลันแล่นเลยสักนิดเดียว ถ้าหากคนที่รู้จักเขาในเมืองปักกิ่งถิ่นชาววัง ได้มาเห็นสภาพของลุงสี่แบบนี้ คงจะต้องตกใจจนกรามค้างแน่นอน
หลังจากเฉินสี่ฉวนกับหวังเจียซวินได้รับข้อมูลจากพนักงานแล้วจึงรีบมาทันที ทำให้เห็นฉากตอนที่เยี่ยเทียนกำลังอบรมสั่งสอนตู้เฟยพอดี ทั้งสองคนจึงสบตากัน พร้อมกับสีหน้าที่ตกตะลึงยากที่จะใช้คำพูดมาบรรยายได้
ชายชราคนนั้นก็มีอายุหกสิบกว่าแล้ว แถมยังมีบุคลิกท่าทางที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้กลับเป็นเหมือนลูกหลานที่ถูกเยี่ยเทียนสั่งสอนจนไม่กล้าเถียง พลางคิดว่าพ่อหนุ่มคนนี้มีอะไรที่พวกเขายังไม่รู้อีกบ้าง?
“เยี่ยเทียน ทำไมเหรอ? จะกลับแล้วใช่ไหม?”
เฉินสี่ฉวนเดินเข้าไป และเนื่องจากเขาเป็นคนที่ทำธุรกิจมานาน จึงเก็บสีหน้าที่ตกตะลึงไปหมดแล้ว แต่สายตาของเขายังคงมองถังเหวินหย่วนเหมือนจะตั้งใจและไม่ตั้งใจ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้สัมผัสกับมหาเศรษฐีชาวจีนในระยะใกล้ขนาดนี้
เยี่ยเทียนพยักหน้าพลางพูด “ลุงเฉิน ท่านประธานหวัง ขอบคุณกับการต้อนรับของทั้งสองคนด้วยนะครับ พวกเราจะกลับแล้วครับ…”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ วันนี้ถ้าไม่มีคุณ ไม่แน่รีสอร์ทของลุงเฉินอาจจะไม่สามารถเปิดบริการได้อีก!”
เฉินสี่ฉวนฝืนยิ้มแล้วจึงพูด “เยี่ยเทียน ลุงเฉินก็ไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง ผมจึงได้จัดรถมาส่งคุณกลับบ้าน และยังขนข้าวสารจิงซีกับน้ำจากภูเขายวี่เฉวียนซานบางส่วนกลับไปที่บ้านของคุณด้วย หวังว่าคุณจะรับของพวกนี้นะครับ! “
“ได้ครับ ผมจะรับไว้ น้ำจากภูเขายวี่เฉวียนซานเอามาชงน้ำชาก็ไม่เลวครับ!” และแล้วก็เป็นเหมือนอย่างที่เฉินสี่ฉวนคิดไว้จริงๆ เยี่ยเทียนยอมตอบตกลงทันที จึงทำให้เขาสบายใจมาก
เพราะความรู้สึกที่เฉินสี่ฉวนให้กับเยี่ยเทียนนั้นไม่ใช่การขอบคุณเขา แต่เป็นการให้ของขวัญระหว่างเพื่อน กระทั่งความรู้สึกแบบนี้ยังสบายใจกว่าเงินสามสิบล้านที่เยี่ยเทียนเพิ่งจะทำกำไรได้เสียอีก
“อะแฮ่ม ถังเหล่า ไม่ทราบว่าผู้น้อยคนนี้จะโชคดีมีโอกาสได้ถ่ายรูปกับคุณไหมครับ?” เมื่อเห็นว่าคนสองสามคนเตรียมจะออกไปแล้ว ทันใดนั้นหวังเจียซวินจึงพูดอย่างกระบิดกระบวน
ธุรกิจอาชีพงานบริการของเมืองปักกิ่งถิ่นชาววังในสองสามปีที่ผ่านมา การเชิญคนดังมาเขียนคำขวัญกับถ่ายรูปร่วมกับคนดังนั้นมีความนิยมเป็นอย่างมาก และภายในห้องโถงใหญ่รีสอร์ทของหวังเจียซวิน ก็มีรูปถ่ายร่วมกับดาราไม่น้อย
แต่เมื่อเทียบกับชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้กับดาราพวกนั้น จึงไม่สามารถจัดอยู่ในระดับเดียวกันได้จริงๆ ถ้าหากได้ถ่ายรูปกับถังเหวินหย่วน และถูกแพร่ออกไปภายในเมืองปักกิ่งถิ่นชาววังแห่งนี้ ก็จะเพิ่มความมีหน้ามีตาให้เขาอีกหนึ่งเท่าตัว
“คุณรู้จักคนแก่ๆ อย่างผม? เรื่องถ่ายรูปไม่จำเป็นหรอกครับ…”
ถังเหวินหย่วนมองหวังเจียซวินอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง เขาเป็นคนค่อนข้างถ่อมตัวคนหนึ่ง ตอนนั้นเขาได้บริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีน และมหาวิทยาลัยแห่งนั้นจะตั้งชื่อว่ามหาวิทยาลัยเหวินหย่วนตามชื่อของเขา แต่ถังเหวินหย่วนไม่เห็นด้วย
เมื่อเห็นถังเหวินหย่วนพูดปฏิเสธออกมาโดยตรง หวังเจียซวินจึงเผยความอับอายออกมาจากใบหน้า จากนั้นเยี่ยเทียนจึงยิ้มแล้วพูดว่า “เหล่า..เหล่าถัง ก็แค่ถ่ายรูปเอง ไม่ได้ขอทานข้าวฟรีๆทำไมถึงจะถ่ายรูปไม่ได้ล่ะ?”
นิสัยของเยี่ยเทียนก็เป็นอย่างนี้ มีเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน เขารู้สึกถูกคอกับเฉินสี่ฉวน และก็ชอบหวังเจียซวินด้วย ดังนั้นเขาจึงพูดบีบบังคับถังเหวินหย่วนโดยตรง
“ได้ ถือว่าผมกลัวคุณก็แล้วกัน…”
ถังเหวินหย่วนส่ายหน้าพลางฝืนยิ้ม แล้วจึงหันหน้าไปพูดกับหวังเจียซวิน “ถ่ายรูปได้ครับ แต่อย่าเอาไปแขวนข้างในนี้!”
“ได้ครับ ผมจะไม่แขวนตรงนี้ครับ ขอบคุณคุณถังเหล่าครับ!” หวังเจียซวินดีใจมาก และเขาพูดว่าจะไม่แขวนในห้องโถง แต่เขาสามารถนำไปแขวนในออฟฟิศได้นี่นา
หลังจากรอให้หวังเจียซวินกับเฉินสี่ฉวนแยกกันถ่ายรูปคู่กับถังเหวินหย่วนเสร็จแล้ว ทุกคนจึงออกมาจากรีสอร์ท ถังเหวินหย่วนกับอาติงแล้วก็ตู้เฟยกลับไปที่โรงแรม ส่วนเยี่ยเทียนได้ถูกหวังเจียซวินคนขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัยหวาชิงด้วยตัวเอง
เขานัดอวี๋ชิงหย่าทานข้าวเย็น แต่คนที่มาด้วยยังมีสวี๋เจิ้นหนานกับเว่ยหรง หรง หลังจากผ่านเรื่องราวคราวที่แล้ว ความรู้สึกของทั้งสองคนได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และได้ยินอวี๋ชิงหย่าพูดว่า เหมือนพวกเขาจะเช่าบ้านที่อยู่ข้างมหาวิทยาลัยเพื่ออาศัยอยู่ด้วยกันอีกด้วย
เมื่อพูดถึงการอาศัยอยู่ด้วยกัน ในใจของเยี่ยเทียนก็รู้สึกร้อนรุ่มไปหมด แต่เขาเพิ่งจะช่วยแก้ไขดวงชะตาให้อวี๋ชิงหย่า และยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงไม่กล้าล้ำเส้นกับอวี๋ชิงหย่าเร็วเกินไป
เมื่อนั่งอยู่ภายในร้านอาหารเล็กๆ ข้างมหาลัยวิทยาลัย พร้อมกับอาหารสองสามอย่างกับเบียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว เยี่ยเทียนกับสวี๋เจิ้นหนานก็คุยกันอย่างถึงอกถึงใจ ถ้าหากตู้เฟยมาเห็นฉากนี้ คงไม่มีทางเชื่อมต่อภาพของเยี่ยเทียนที่โหดเหี้ยมเหมือนซาตานในช่วงบ่ายได้แน่นอน
…………………………
ภายในคอนโดหรูห้องหนึ่งในนครนิวยอร์กของสหรัฐอมเริกา มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังรับสายโทรศัพท์ แต่เมื่อฟังคำบรรยายที่อยู่ในสายแล้ว คิ้วของเขาจึงเริ่มขมวดขึ้นมา
“ปัง!”
หลังจากวางสายแล้ว เครื่องเคลือบม้าสามสีที่มีความสูงเกือบสามสิบเซนติเมตร ถูกชายหนุ่มจับทิ้งลงไปบนพื้นอย่างแรง เศษเครื่องปั้นดินเผากระจายเป็นชิ้นๆ อยู่บนพื้น มองไม่เห็นคราบเดิมว่าเป็นสิ่งของที่เขาประมูลมาจากประเทศอังกฤษในราคาสามล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
เครื่องเคลือบม้าสามสีที่แตกละเอียดยังคงไม่สามารถทำให้ไฟโกรธของชายหนุ่มลดลงได้ และปากของเขาก็สบถด่าไม่หยุด “เศษสวะ เศษสวะ นอกจากรู้จักแต่ดื่มเหล้าเคล้านารีแล้ว แม่งยังจะรู้อะไรอีกบ้าง?!”
ซ่งเสี่ยวหลงโกรธจนไม่อาจยับยั้งสติได้ เพราะหลังจากที่เขาส่งผู้เชี่ยวชาญไปเซี่ยงไฮ้แล้ว คนที่คอยต้อนรับกลับเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิด ทำให้แผนการของซ่งเสี่ยวหลงล้มเหลวทั้งหมด เขาจึงต้องเรียกคนกลับมาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างช่วยไม่ได้
แต่นอกเหนือจากความโกรธแล้ว หัวใจของซ่งเสี่ยวหลงก็ยังรู้สึกดีใจอยู่บ้าง เพราะโทรศัพท์ที่เขารับสายเมื่อครู่ ได้เป็นการพิสูจน์ว่าการตายของซ่งเสียวเจ๋อนั้นเป็นอุบัติเหตุที่มาจากการดื่มเหล้าเกินขนาด หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ แผนที่เขาจงใจจัดการกับเยี่ยเทียนทั้งหมด ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกไป
ต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนนี้ซ่งเสี่ยวหลงครอบครองทุกอย่างได้ ล้วนสร้างมาจากตัวอาสาวของเขา ถ้าหากข้อมูลนี้ถูกเผยออกไปเพียงนิดเดียว เขาก็จะถูกขับไล่ออกไปเหมือนเศษขยะ
“ถือว่านายดวงดี แต่ไฉถวนกรุ๊ปเป็นของฉัน ใครก็อย่าคิดจะแย่งไปจากมือของฉัน!” หลังจากสงบเงียบไปพักหนึ่ง ใบหน้าของซ่งเสี่ยวหลงก็เผยรอยยิ้มอันดุร้ายออกมา
……………………