จงจิ่งห้าวไม่ได้ตอบอะไร เขาทำแค่ปิดประตูลง ก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน
หลินซินเหยียนรู้สึกเป็นกังวลมาก จนมือของเธอก็สั่นอย่างแรง
ยิ่งเขาไม่พูดแบบนี้ มันก็ยิ่งแสดงว่าผลตรวจมันออกมาไม่ค่อยจะดีนัก
“กังวลอะไร?” จงจิ่งห้าวกุมมือของเธอไว้ “ผมหิวแล้ว ไปทานอะไรเป็นเพื่อนผมหน่อย”
เธอไม่ขยับตัว เธอยืนมองเขาอยู่แบบนั้น
จงจิ่งห้าวถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าถ้าไม่ให้คำตอบเธอ เธอก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
เขาจูงมือของหลินซินเหยียนไปนั่งตรงโซฟา ตามผลตรวจของหลินซินเหยียนแล้ว อย่างไรเธอก็จำเป็นต้องคลอดก่อนกำหนด เพราะว่ามดลูกของเธอบางกว่าคนปกติทั่วไปเยอะมาก ถ้ารอให้ถึงวันที่กำหนดคลอด มันจะอันตรายเกินไป เพราะถ้าเกิดมดลูกฉีดขึ้นมา มันจะเป็นอันตรายต่อตัวเธอมาก
คำแนะนำของคุณหมอที่นี่ เหมือนกับคุณหมอในประเทศเลย ถ้าเกิดว่าไม่คลอดตอนที่มีอายุครรภ์เจ็ดเดือนครึ่ง หลังจากนั้นเธอก็จะต้องนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง และสามารถยืดเวลาออกไปได้มากที่สุดคือคลอดตอนอายุครรภ์แปดเดือน
“คุณหมอบอกว่า ลูกของพวกเราแข็งแรงดี ต่อให้คลอดก่อนกำหนดก็ไม่มีอันตรายอะไร…”
“ดังนั้นผลสรุปก็คือต้องคลอดก่อนกำหนดเหมือนกันใช่ไหม?” หลินซินเหยียนพูดตัดบทเขา
จงจิ่งห้าวกุมมือเธอไว้แน่น “ไม่ต้องกังวลได้ไหม?”
หลินซินเหยียนเก็บความรู้สึก ก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่ได้กังวล”
เธอลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะดึงมือของเขามาออดอ้อน “คุณหิวไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวฉันไปทานอะไรเป็นเพื่อนคุณ”
เธอเอาความกังวลเก็บซ่อนไว้ภายในใจ และแสดงท่าทีที่ดูผ่อนคลายต่อหน้าจงจิงห้าว
ที่จริงแล้วจงจิ่งห้าวรู้ว่าเธอกำลังแกล้งทำอยู่ เขาก็แค่ไม่ได้เปิดโปงเธอเท่านั้น
เธอก็เหมือนกับเขา เพราะเขาก็รู้สึกกังวลภายในใจ เพราะยังไงนี่ก็คือลูกและภรรยาของตัวเอง แต่เขาไม่สามารถแสดงท่าทีที่เป็นกังวลเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ
ถ้าอารมณ์เขาไม่ปกติ มันก็จะยิ่งทำให้หลินซินเหยียนรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
“ผมรู้มาว่าแถวนี้มีร้านอาหารที่ไม่เลวอยู่ร้านหนึ่ง เราไปทานที่นั่นกัน” จงจิ่งห้าวกอดเอวเธอไว้ “นานๆ ทีจะได้ออกมา มีที่ที่อยากไปไหม? ผมจะพาคุณไปเอง ถือว่าไปผ่อนคลายให้สบายใจแล้วกัน”
หลินซินเหยียนจงใจพูดไปเรื่อย “คุณอยากไปไนท์คลับไหม?”
จงจิ่งห้าวเหลือบมองที่ท้องของเธอ “คุณดื่มไม่ได้นี่ แล้วก็ได้กลิ่นควันบุหรี่ไม่ได้ คุณจะไปทำอะไรที่นั่น?”
“ไปดูหนุ่มหล่อ” หลินซินห้าวพูด
จงจิ่งห้าวยิ้ม ก่อนจะเปิดประตูรถให้เธอและถามออกไป “ผมไม่หล่อเหรอ!”
“สิ่งที่มีอยู่มันไม่หอมเท่าสิ่งที่อยู่ข้างนอกหรอก” หลินซินเหยียนเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะเงยหน้าไปมองเขาและพูดออกมา
จงจิ่งห้าวยืนอยู่ข้างหน้าประตูรถ ก่อนจะเอาแขนวางบนประตูรถข้างเดียว จากนั้นเขาก็เอียงตัวมองเธอ “หอม แต่ก็ห้ามไปดมเด็ดขาด เป็นเด็กดีคลอดลูกให้ผมแบบเนี่ยแหละ”
เขาชะงักไป “ผู้ชาย ที่คุณสามารถมองได้มีแค่ผมคนเดียว”
หลินซินเหยียนยิ้ม “ถ้าดูจนเบื่อขึ้นมาจะทำยังไง?”
จงจิ่งห้าว “…”
เขายังยืนที่จะพูดต่อ “ผมหล่อขนาดนี้ คุณดูไม่เบื่อหรอก คุณจะยิ่งดูยิ่งชอบน่ะ”
หลินซินเหยียนหัวเราะออกมาจากภายใน เธอคิดว่าเขาเป็นคนที่หลงตัวเองมาก
เมื่อจงจิ่นห้าวเห็นว่าเธอยิ้ม เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
การที่พวกเขามาที่นี่ ทุกอย่างถูกจัดการโดยผู้ดูแลสาขาที่นี่ และรถคันนี้ก็เป็นผู้ดูแลสาขาที่นี่ที่รู้ว่าจงจิ่งห่าวมาที่นี่ เขาเลยเตรียมไว้ให้เขา
รถจอดลงบนร้านอาหารที่หรูหราอย่างรวดเร็ว จงจิ่งห้าวจอดรถสนิท จากนั้นเขาก็เปิดประตูรถลงไป และไปเปิดประตูรถให้กับหลินซินเหยียน “ตรงนี้มีอาหารที่หาทานในประเทศไม่ได้”
หลินซินเหยียนงอตัวลงจากรถ
จงจิ่งห้าวยื่นกุญแจรถให้กับพนักงานในร้านอาหาร พวกเขาจะเป็นคนขับรถไปที่จอดรถเอง
ร้านอาหารที่นี่กว้างใหญ่มาก และการตกแต่งก็ดูมีเอกลักษณ์ แต่ที่ตรงนี้ไม่เหมือนกับร้านอาหารที่อื่น ที่มีที่นั่งอยู่เยอะแยะมากมาย ในนี้มีโต๊ะอยู่ทั้งหมดประมาณ 7-8 โต๊ะ และระยะห่างระหว่างแต่ละโต๊ะก็ไกลกันมาก ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมาก
มีแสงไฟที่อบอุ่น ทำให้คนรู้สึกสงบและสบาย
พนักงานเสิร์ฟที่นี่ใส่เสื้อกั๊กสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว ที่คอเสื้อผูกโบว์ไว้ ดูสุภาพและในขณะเดียวกันก็ดูเป็นสุภาพบุรุษมากๆ
พวกเขานั่งลงบนที่นั่งอย่างตามใจชอบ พนักงานเอามือข้างหนึ่งไขว้ไว้ข้างหลัง ก่อนจะค่อยๆ โค้งตัวและเอาเมนูอาหารยื่นให้
จงจิ่งจ้าวรับมาก่อนจะยื่นให้หลินซินเหนียน “ลองดูว่าอยากทานอะไร”
ที่จริงแล้วหลินซินเหยียนไม่ค่อยอยากจะทานอะไร แต่เธอเป็นห่วงลูกในท้อง รวมถึงเป็นตอนนี้เป็นเพราะสุขภาพของเธอเป็นเหตุก็เลยต้องทำให้คลอดก่อนกำหนด บรรยากาศระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าวก็เลยดูระมัดระวังเป็นพิเศษ
เธอแสดงท่าทีที่ดูหิวมาก ก่อนจะเปิดดูเมนูอาหาร
บนเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ทุกเมนูมีรูปภาพอยู่ด้วย และยังมีแนะนำวัตถุดิบเครื่องปรุง
แค่ดูจากรูปภาพ ก็เห็นถึงความงดงามแล้ว
ที่สำคัญเป็นอาหารที่แพงมาก
เธอสั่งอาหารที่มีชื่อเสียงของทางร้านสองเมนู และก็เป็นเมนูที่ไม่ได้มีรสชาติจัดจ้าน สุดท้ายเธอก็สั่งของหวานอีกด้วย
เวลาจงจิ่งห้าวไปงานเลี้ยงเข้าสังคม เขาได้ทานแต่อาหารที่เลี่ยนๆ เวลาอยู่บ้านเขาก็เลยมักจะทานอาหารที่มีรสชาติไม่จัดจ้าน
หลินซินเหยียนก็ชอบทานอาหารที่มีรสชาติไม่จัดจ้าน หลังจากสั่งเรียบร้อยแล้วเธอก็เอาเมนูยื่นให้กับพนักงาน
“หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราไปเดินเล่นกัน” จงจิ่งห้าวพูด
ตอนที่มาถึงที่นี่พวกเขาได้พักผ่อนไปแค่ครู่เดียว จากนั้นก็ไปที่โรงพยาบาลเลย จึงทำให้ไม่มีโอกาสออกไปเดินเล่น
หลินซินเหยียนยิ้มก่อนจะพูดว่า “ได้ค่ะ”
ไม่นานพนักงานก็มาเสิร์ฟอาหารอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ดูรูปภาพในเมนูอาหาร หลินซินเหยียนก็รู้เลย ว่าอาหารที่นี่จะเน้นเรื่องการตกแต่ง แต่หลังจากที่ได้เห็นของจริง มันดูสวยงามกว่าในรูปภาพอีก
จงจิ่งห้าวให้เธอชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง
หลินซินเหยียนหยิบมีดและส้อมขึ้นมา ก่อนจะชิมรสชาติ
ตอนแรกก็เห็นว่ามันดูสวยงามมาก แต่หลังจากได้ทานเข้าไป รสชาติก็เยี่ยมเลย
คนต่างประเทศไม่ค่อยเน้นการผัดด้วยความร้อนสูง ส่วนมากจะคงรสชาติตั้งเดิมของวัตถุดิบไว้
รวมถึงมีเครื่องปรุงที่เป็นเอกลักษณ์ มันก็เลยทำให้ได้อีกรสชาติหนึ่ง
ถ้ามีเรื่องกังวลอะไรในใจ ต่อให้รสชาติอาหารจะดีเยี่ยมแค่ไหนสุดท้ายรสชาตินั้นก็หายไปอยู่ดี
หลินซินเหยียนพูดว่าอร่อยมาก ก่อนจะจิ้มเนื้อที่อยู่ในจานของตัวเองขึ้นมา และวางลงในจานของจงจิ่งห้าว จากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดว่า “คุณทานเยอะๆ หน่อยนะ”
จงจิ่งห้าวยิ้ม “คุณต่างหากที่ควรจะทานเยอะหน่อยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้กลายเป็นผมไปได้ เป็นเพราะเป็นห่วงผมเหรอ?”
หลินซินเหยียนยิ้ม “ถ้าคุณคิดว่าใช่ งั้นใช่ก็ได้”
หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาออกมาจากร้านอาหาร พวกเขาไม่ได้ขับรถ แต่พวกเขากำลังเดินจูงมือกันอย่างโรแมนติกบนถนนในต่างประเทศ
วันนี้จงจิ่งห้าวไม่ได้ใส่เสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการ เมื่อเทียบกันแล้วชุดที่เป็นทางการจะให้ความรู้สึกที่ดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง แต่ชุดสบายๆ แบบนี้มันทำให้เขาดูสะอาดและดูเด็กมากขึ้น
การที่พวกเขาจูงมือกันเดินแบบนี้มันเหมือนกับคู่รักที่กำลังคบหาดูใจกัน
“ในเมื่อมันเหมือนกัน งั้นพวกเรากลับไปคลอดในประเทศดีกว่า” ในประเทศพวกเขามีคนรู้จักอยู่มากมาย ที่สำคัญ ลูกของพวกเขาก็อยู่ในประเทศ ถ้าเกิดพวกเขาอยู่ต่างประเทศ มันก็จะหมายความว่าเธอจะไม่ได้เจอพวกลูกๆ ไปอีกนาน
พวกเขาเขาเรียนกันหมดแล้ว เลยไม่สามารถลาเรียนได้ง่ายๆ
ส่วนเธอเองก็ไม่รู้เลย ว่าในประเทศนั้นกำลังเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น