สอบไฟนอลผ่าน ขึ้นชั้น ม.4 ได้ทั้งสองคน
โดย
หมอแมว
จากสนามบิน รอนเรียนแท็กซี่เดินทางไปบ้านของแพทในทันที แพทไม่บอกอะไรกับเขามากนัก … แม้แต่หลิวลี่จงที่นั่งรถมาด้วยก็เช่นกัน บอกแต่เพียงว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันที่รอนหายไปจากฮ่องกง
แท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้านของแพท เหล่าพ่อบ้านทำความเคารพให้ทั้งสองก่อนจะเปิดประตูให้เข้าไปภายใน
ข้างในบ้านนั้น แพท พ่อแม่ของเธอ รวมถึงเจนและแจนรออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ เจนัสเป็นอะไรไป” รอนถาม
“ตามแม่มา” อารยาบอกแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปภายในบ้าน
ทุกคนเดินตามอารยาเข้าไปภายใน ห้องปีกซ้ายที่รอนจำได้ว่าเป็นห้องรับรองแขก ตอนนี้ถูกจัดเปลี่ยนเป็นห้องผู้ป่วย เสียงเครื่องช่วยหายใจตีลมผ่านท่อช่วยหายใจ ภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตัวเลขความดันโลหิต ค่าออกซิเจน วิ่งอยู่ที่หน้าจอที่อยู่บนฝาผนัง
เจนัส นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย นอกจากสายอาหารและท่อช่วยหายใจที่เจาะไว้ที่ลำคอแล้ว ทุกอย่างดูปกติเหมือนกับว่าหญิงสาวผู้นี้เพียงหลับไปเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นครับ … ผมได้ยินจากคุณหลิวลี่จงว่าคุณเจนัสเข้าโรงพยาบาลที่ฮ่องกงตั้งแต่วันที่ผมติดอยู่ที่โลกโน้น มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ” รอนถาม
“วันนั้นเธอถามแม่ใช่ไหมว่ามีวิธีไหนที่สามารถข้มเวลาได้ทั้งที่เลยช่วงเที่ยงวันและเที่ยงคืน” แม่ของแพทบอก “วิธีมันก็มีอยู่ นั่นคือการแลกเวลาในชีวิตมนุษย์ ให้ศิลานักปราชญ์ใช้ในการเร่งพลังข้ามเวลา”
“แต่วันนั้นมันแค่ 10 นาทีเองนะครับ”
“ใช่ 10 นาที … การข้ามมิติเวลากาลอวกาศ ช้าไป 10 นาที ต้องแลกด้วยเวลาในชีวิต 1 ปี” อารยาอธิบาย
“1ปี!”
“ใช่ … การเดินทางข้ามมิติเวลานี้มันต้องใช้พลังงานจากดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ แกนโลก และอะไรต่ออะไรที่ซับซ้อนเกินจะกล่าว จังหวะที่จะย้ายได้จึงถูกกำหนดไว้ที่เที่ยงวันและเที่ยงคืน” อารยาบอก “การผิดเวลาไปนิดเดียวถึงได้ต้องแลกกับเวลาชีวิตมากขนาดนี้”
รอนเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่หลับตานอนอยู่บนเตียง
“เจนัสจะไม่เจ็บปวดอะไรใช่ไหมครับ” รอนถาม มองไปที่คอซึ่งถูกเจาะใส่ท่อช่วยหายใจไว้
“ไม่เจ็บหรอก เพราะตอนนี้สัมผัสทุกอย่างของเจนัสถูกตัดขาดจากการรับรู้ทั้งหมด ดังนั้นเจนัสจะไม่รู้สึกถึงสายหรือการเจาะต่างๆเหล่านี้” แม่บอก
รอนและแพทถอนหายใจออกมาพร้อมๆกันอย่างโล่งอก แต่คำพูดถัดมาของอารยาเหมือนกับน้ำเย็นที่สาดลงมาบนศีรษะ
“แต่อันที่จริง ถ้าเจ็บมันคงจะดีกว่า” แม่บอก
“ทำไมครับ” รอนถามทันที
อารยาถอนหายใจ
“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมอบเวลาในชีวิตไปก็คือ ระบบประสาทที่บังคับได้เกือบทั้งหมดจะหยุดทำงาน จะไม่อาจขยับตัวได้ ทำไม่ได้แม้แต่การหายใจ “ แม่อธิบาย “สติความรู้สำนึกตัวตนการตื่นยังคงอยู่ หากแต่หูจะไม่ได้ยิน ตาจะมองไม่เห็น จมูกจะไม่ได้กลิ่น ปากจะไม่รู้รส สัมผัสทุกอย่างไม่ว่าความเจ็บปวด เย็น ร้อน รับรู้แรงกด รับรู้ตำแหน่ง ทั้งหมดจะหายไป”
“หมายความว่าเจนัสจะรู้ตัวตลอดเวลาแต่อยู่ในที่มืดดำไม่รับรู้อะไรอย่างนั้นเหรอครับ” รอนร้องออกมาอย่างตกใจ
“ไม่ใช่ที่มืดดำหรอกรอน … การรับรู้ความมืด สีดำ ที่เกิดเวลาหลับตา มันคือการรับรู้ทางสมองอย่างนึง” แม่ตอบ “เจนัสจะรู้ตัว อยู่ในความไม่มี อยู่ในความว่างเปล่าที่ไม่เห็นแม้แต่ความมืด และจะต้องอยู่อย่างนี้ไปอีก 1 ปี”
แพทร้องออกมาเบาๆเกาะแผ่นหลังของรอนเอาไว้ ขณะที่เจนและแจนร้องไห้ออกมาเบาๆ
รอนเอื้อมมือไปกุมมือของหญิงสาวผู้หลับใหลกุมไว้ด้วยมือที่สั่นเทา มือข้างนั้นอุ่นเหมือนกับคนปกติ มองด้วยตาเปล่าดูเหมือนหลับเฉยๆเช่นนี้แล้วเขาไม่นึกเลยว่าเจนัสจะต้องไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น
“ที่แม่พาเธอทั้งสองคนมาดูและอธิบายเรื่องนี้ให้ฟัง เพื่อจะบอกให้เธอทั้งสองรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เสียสละแค่ไหน …. วันนั้นแม่อธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้เจนัสฟังแล้ว แต่เธอก็ยังเต็มใจที่จะรับเอาสิ่งนี้เอาไว้ เพราะรู้ว่าตอนนั้นรอนอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันจนถึงขีดสุด ” แม่บอก “พวกเธอสองคนคงรู้นะว่าน้ำหนักที่ผู้หญิงคนนี้ต้องแบกรับไว้เพื่อเธอมันหนักหนาขนาดไหน”
“ดังนั้นก่อนที่เจนัสจะตื่นขึ้นมา อย่าทำอะไรที่เสี่ยงโดยไม่จำเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำต้องคิดหน้าคิดหลัง อย่างน้อยรอจนเธอคนนี้ตื่นขึ้นมาเสียก่อน”
“ครับ” รอนรับคำ
อารยาพาคนอื่นๆเดินออกจากห้องปล่อยให้แพทและรอนอยู่กับเจนัสกันเพียงสองคน เด็กหนุ่มสาวทั้งสองอยู่ในนั้นอีกครู่ใหญ่แล้วก็เดินออกมา
“เธอติดจะทำยังไงต่อไป” วิทวัสถามเมื่อเห็นทั้งสองเดินออกมาจากห้องของเจนัส
“ทีแรกผมคิดว่าเสร็จจากงานนี้แล้วจะไปอเมริกาเพื่อจัดการกับพวกที่หลงเหลืออยู่ของแก๊งเมษา” รอนบอก “แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมคิดว่าผมจะสั่งการให้คุณหลิวลี่จงเป็นคนจัดการ”
“ดีแล้ว ไม่ต้องทำเองทุกเรื่อง” วิทวัสพยักหน้า
“เฉพาะหน้าตอนนี้ผมคงตั้งใจเรียนและสอบไฟนอลนี้ให้จบ มุ่งเป้าไปที่การเรียนในระบบให้เรียบร้อย” รอนบอก “แผนอื่นๆจะให้บริษัทรุ่งโรจน์และเครือเป็นผู้ออกหน้าแทน จะพยายามไม่ทำตัวเป็นจุดเด่นครับ ผมรู้ตัวดีว่ากำลังของผมยังไม่เพียงพอ การโดดเด่นขึ้นมาโดยไม่มีกำลังหนุนหลังที่เพียงพอรังแต่จะสร้างความลำบากให้กับคนรอบข้าง”
อารยาและวิทวัสพยักหน้า ทีแรกทั้งสองเกรงว่ารอนจะเหลิงในพลังที่ได้จากศิลานักปราชญ์ … แต่ดูท่าทางความกังวลนั้นคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ
“คุณ … ฝากเจนัสด้วยนะ” รอนบอกกับแพท
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณ ชั้นจะดูแลคุณเจนัสให้เอง” แพทพยักหน้ารับ
เจน แจน พ่อ แม่ จ้องมองทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆ
“ทำไมสองคนเรียกกันแปลกๆแบบนี้ล่ะ” วิทวัสถาม “เมื่อวันก่อนยังเห็นเรียกชื่อกันปกติอยู่เลยนี่”
“นั่นสิ” เจนกับแจนพูดออกมาพร้อมๆกัน
“เรื่องนั้น …. อ๋อ น่าจะเป็นเพราะวันนั้นที่เจอคุณพ่อคุณแม่มั้งครับ คุณพ่อคุณแม่ใช้สรรพนามเรียกกันและกันว่าคุณตลอด สงสัยพอฟังคุณพ่อคุณแม่หลายๆครั้งเข้าเลยเผลอเรียกติดมา” รอนตอบงงๆ
“ค่ะ จริงๆพวกเราก็ใช้คำว่าคุณเรื่อยๆนะคะ ดูอย่างรอนเวลาเรียกเจนัส ก็ใช้คำว่าคุณมาตลอดเลย … แพทก็ใช้ ไม่เห็นแปลกเลย” แพทตอบทำหน้างงๆ
“อ่อ จะว่าไปก็จริง ทั้งสองคนเรียกพวกเราว่าคุณมาตลอดเลยนี่นา” เจนแจนมองหน้ากัน
“เอาล่ะ รอน เดี๋ยวก็กลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เธอซะ แม่บอกกับพวกเค้าไปว่าเธอตามตัวแพทกลับมาจากฮ่องกงได้แล้ว ยังไงก็พูดให้ตรงกันก็แล้วกัน” แม่บอก “เจนกับแจนก็กลับพร้อมกันก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
รอนกลับพร้อมกับเจนแจน ระหว่างนั่งรถไปด้วยกันเขาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีกรอบ … ทั้งสองสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง พยายามเน้นย้ำให้รอนเข้าใจมากขึ้นถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่าเจนัสคำนึงถึงความปลอดภัยของรอนมากแค่ไหน และรู้ถึงสิ่งที่ต้องแลกมาเพียงใด
ที่บ้าน พ่อกับแม่ของรอนต้อนรับการกลับบ้านของลูกชายคนเดียวโดยไม่ได้ถามอะไรมาก … และจากที่อารยาไปบอกว่าแพททะเลาะกับรอนจนหนีไปต่างประเทศ พ่อแม่ก็เลยอบรมนิดหน่อยว่าต้องหนักแน่นและคิดถึงอีกฝ่ายก่อนที่จะทำอะไรลงไป
จากนั้นรอนก็บอกถึงเรื่องของเจนัส … พ่อกับแม่ของรอนรู้จากเจนแจนแค่ว่าเจนัสป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าอาการหนักขนาดนี้ … เมื่อรู้ว่าเจนัสถึงกับต้องใส่ท่อช่วยหายใจและไม่ได้สติ ดูเหมือนพ่อแม่ของรอนจะตกใจโหยงจนถึงกับรีบไปแต่งตัวแล้วรีบขับรถไปบ้านของแพททันที
** ** ** ** ** **
นาฬิกาบอกเวลาตีสอง ที่บ้านในเมืองโอลเซ่น
“คุณลุงคุณป้าดูห่วงคุณเจนัสมากเลยนะ” แพทเอ่ยขึ้น
“อืม” รอนตอบสั้นๆ “ไม่แน่ว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะเอะใจอะไรบางอย่างแล้วก็ได้”
“เรื่องที่ว่าคุณกับคุณเจนัสชอบกัน?” แพทถาม
“เปล่า … อีกเรื่องนึงน่ะ” รอนตอบ “ถ้าผมเองยังคุ้นหน้าว่าคุณเจนัสหน้าเหมือนกับน้าสะใภ้ในรูปถ่าย … พ่อกับแม่ที่เคยเจอตัวจริงของน้าสะใภ้ก็คงจะเอะใจบ้างล่ะ”
“แล้วคุณลุงคุณป้าจะไม่ว่าอะไรเหรอ” แพทถามต่ออย่างกังวล
“ไม่รู้เหมือนกัน … แต่นั่นไม่สำคัญแล้วล่ะ ผมตัดสินใจแล้ว และเรื่องนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงอีก” รอนตอบ “เอาล่ะ เราเริ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบไฟนอลกันดีกว่า ไม่ได้ไปเรียนกันตั้งนาน”
“อือ”
เด็กทั้งสองลงจากเตียงไปเปิดไฟ … แม้จะหยุดเรียนไปหลายวันแต่ว่าทั้งสองคนก็ไม่กังวลนัก เพราะพวกเขามีเวลาที่โลกนี้ให้อ่านหนังสือได้อย่างเหลือเฟือแบบไม่มีใครรบกวน
“หืม นั่นอะไรน่ะ”
“วิตามินบี+โฟลิค … แม่ให้เอามากินบำรุงวันละเม็ดเวลาอ่านหนังสือ เธอกินด้วยสิ”
“อือ จะว่าไปแม่ของคุณก็เรียนหมอนี่นะ … ดูเหมือนว่าใช้แค่เวทรักษาเป็นอย่างเดียวจะไม่พอ ต้องมีความรู้ด้วย” รอนหยิบขวดโฟลิคขึ้นมาเปิดกิน
“ใช่แล้ว แพทก็เลยอยากสอบเข้าแพทย์ให้ได้ จะได้มีความรู้พอ เวลาเลือกเวทมนตร์รักษาก็จะได้เลือกได้ดีขึ้นไง” แพทรับ
“ถ้าอย่างนั้นเราสองคนมาพยายามเข้ากันเถอะ”
“อือ”
วันเวลาล่วงผ่านไปช้าๆ … สถานการณ์ในแอสคาลอนดีขึ้นเรื่อยๆ มอนสตอร์ที่แตกทัพไปถูกกำจัดลง แต่ละเมืองเริ่มรับสมัครกำลังทหารและสร้างความปลอดภัยกลับมาอีกครั้ง
รอนและแพทจัดการส่งสินค้าของร้านARMAMENTให้กับคุณกลาสเพื่อทำการค้าขายอีกครั้ง เพิ่มความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในแอสคาลอนให้กลับมา … สินค้าที่นำมาจำหน่ายก็เลือกเฉพาะของที่จำเป็น และเลือกสิ่งที่จะไม่กระทบต่อผู้ผลิตในโลกนี้
เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ดีโอก็เข้าพิธีเป็นจักรพรรดิดีโอแห่งอาณาจักรโรมันแอสคาลอน จัดการฉลองชัยชนะ ทำการขนย้ายเอา”ราชาอันเดท”ที่ถูกผนึกไว้เมื่อ 30 ปีก่อนกลับมายังเมืองหลวงตามบัญชาของเทพีเวโรน่า ที่งานนั้น รอนได้พบกับพ่อค้าจากทวีปเลมูเรีย และได้รับรู้ว่าที่นั่นมีคนอีกสองคนที่มาจากโลกของเขา … ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นรุ่นพี่โรงเรียนของเขาที่ตายไปแล้วมาเกิดใหม่ที่โลกนี้
ยิ่งเมื่อรู้ว่ารุ่นพี่ทั้งสองคนมาเกิดใหม่เป็นบุคคลสำคัญที่เลมูเรียและคือผู้ที่กำจัดทรอน นักรบมังกรแห่งความมืดที่โน่น … รอนก็เลยมอบอาวุธสงครามที่เหลือให้ไป … ไหนๆที่แอสคาลอนก็ไม่มีสงครามแล้ว อาวุธหนักพวกนี้ส่งต่อไปก็แล้วกัน
** ** ** ** **
เวลาสองเดือนผ่านไป การสอบไฟนอลจบลง ชั้นม.3ของรอนปิดเทอม ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน ไปเที่ยวตามประสาเด็กม. 3 ทั่วไป จนกระทั่งถึงวันรับผลสอบ
“เชี่ย รอน มึงได้เต็มทุกวิชาได้ไงวะ” บดินทร์ตบหัวรอนทีนึง
“สัส แล้วที่สองก็เป็นแพท นี่ก็เต็ม ขนาดลาไปต่างประเทศกันทั้งคู่ยังอุตส่าห์มีเวลาอ่านหนังสือจนได้เต็มอีกเหรอวะ” เพื่อนอีกคนร้องออกมาอย่างอิจฉา
“แล้วนี่ปิดเทอมไปเที่ยวไหนหรือเปล่า” เพื่อนอีกคนถาม
“ไม่หรอก ช่วงนี้อยู่บ้านกับไปบริษัทเฉยๆ” รอนบอก
“อะไรวะ ยังไม่ขึ้นม.ปลาย จะเร่งฝึกงานไปทำไม … วัยพวกเรามันต้องเที่ยวต้องใช้ชีวิตมั่งเซ่” บดินทร์ตบบ่า
รอนไม่พูดอะไร … คือที่เขาบอกว่าอยู่บ้านกับบริษัทนั่นมันคือ
อยู่บ้านแพทฝึกการต่อสู้กับลุงบัว และทีมทหารรับจ้างทั้ง 20 คน
เสร็จแล้วช่วงบ่ายฝึกการดำเนินธุรกิจกับพ่อของแพท
ตกเย็นสั่งการหลิวลี่จงให้ดึงกำลังกลับเข้ามาอยู่เฉพาะวานาซูเอเล่และฮ่องกง
ส่วนช่วงที่เหลือก็คือข้ามมิติไปกับแพท อยู่ที่โอลเซ่น ฝึกการคุมกองทัพและบริหารเมืองที่โลกโน้นตามตำแหน่งเจ้าเมืองที่ได้รับแต่งตั้งมา
ใช้ชีวิตจนไม่รู้จะใช้ยังไงแล้ว!
“รอน วิกานดา ครูยินดีด้วย” ครูดุษฎีเดินเข้ามา “ผลการสอบของพวกเธอดีมาก คะแนนกิจกรรม คะแนนสอบ ทุกอย่างผ่านเกณฑ์หมด”
“ของรอน เธอได้เลื่อนขึ้น ม.4 ได้ … ปีหน้าก็พยายามเข้านะ” ครูดุษฎีบอก
“ครับมาสเตอร์” รอนรับคำ
“วิกานดา ของเธอสามารถเข้าสายวิทย์ชีวะได้ตามที่ตั้งใจ ครูยินดีด้วย”
“ขอบคุณค่ะ” แพทเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ
“เอ๊ะ ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า” ครูประจำชั้นถาม
“สงสัยเป็นโรคกระเพาะค่ะมาสเตอร์ ไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้ว” เด็กสาวตอบ
“โอเค งั้นรับผลสอบแล้วก็กลับบ้านเถอะ รอนพาวิกานดากลับบ้านได้ใช่ไหม” ครูดุษฎีถาม … ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่ารอนและแพทสนิทกันมากพอที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายไว้ใจให้ไปรับส่งกัน
“ครับ”
รอนเรียกรถจากบริษัทให้พาแพทกลับบ้าน ลงจากรถแล้วก็พากันเข้าไปที่ห้องรับแขก
“[High Heal]” แพทร่ายเวทรักษาชั้นกลางใส่ตนเอง แสงสว่างวาบขึ้นครั้งนึงแล้วหายไป
“เป็นไงมั่งคุณ” รอนถามอย่างกังวล
“ดีขึ้น แต่ไม่หาย” แพทฝืนยิ้ม “อย่างที่เคยบอกแหละ ถึงรู้เวทมนตร์ แต่ถ้าไม่มีความรู้ทางแพทย์ก็อาจจะรักษาไม่ได้ … วินิจฉัยไม่ตรงก็เลือกเวทไม่ถูก”
“งั้นเดี๋ยวเราไปเรียกแม่เธอมาก็แล้วกัน” รอนหันกลับไป “อ๊ะ คุณพ่อมาพอดีเลย แพทไม่สบายน่ะครับ ใช้เวทรักษาแล้วก็ไม่หาย”
วิทวัสที่เดินถือแฟ้มมาวางแฟ้มลงแล้วเข้ามาดู
“ใช้เวทรักษาไม่หาย .. ว่าแต่ได้ใช้เวทตรวจสอบเช็คดูรึยังว่าเป็นอะไร … ถ้าเป็นพวกดีบัฟ หรือติดพิษ ก็ใช้เวทรักษาไม่ได้ผลหรอกนะ” วิทวัสกล่าว “พวกเธอไปที่โลกโน้นมีไปสู้กับมอนสเตอร์แปลกๆอะไรหรือเปล่า”
“เปล่านะคะคุณพ่อ” แพทตอบ
“งั้นมานี่ เดี๋ยวพ่อใช้เวทตรวจสอบให้” วิทวัสร่ายเวท “[Detection] ….. จริงด้วย นี่ไง มีสถานะผิดปกติที่ไม่ใช่ความเจ็บป่วยขึ้นด้วย มันเขียนว่า ตั้งครรภ์ 8 สัปดาห์”
“…” แพท
“…” รอน
“…” วิทวัส
“[Power Overwhelming]”
ตูมมมมมมม
“อ้ากกกกก”
“กลับมาเดี๋ยวนี้เจ้าเด็กบ้า”
“คุณพ่อใจเย็นๆก่อนครับ”
ตูม ๆ ๆ ๆ
แพทนั่งท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบขึ้น กำแพงบ้านทะลุเป็นรูออกไปที่สนามหญ้า เสียงระเบิดและเสียงร้องของรอนดังมาเป็นระยะ
“เกิดอะไรหรือลูก” อารยาเดินลงมาจากชั้นสอง มองสภาพบ้านที่เละเทะไปหมด
“คือ หนู … หนูไม่สบาย … คุณพ่อตรวจให้ … แล้ว…” แพทติดอ่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“[Detection]” แม่ร่ายเวทตรวจสอบมั่ง
“คุณแม่..หนู..”
แม่ไม่พูดอะไร เดินไปที่ลิ้นชัก ดึงเอาซองยาออกมา
“อันนี้ Dimenhydrinate กินวันละ 3 เวลาเวลาคลื่นไส้ , อันนี้ ธาตุเหล็ก … แต่รอให้หายแพ้ท้องก่อนค่อยกิน …. นี่ยาลดกรด ถ้ามีแสบท้องก็กินได้เลย”แม่บอก
แพทรับซองยาไปงงๆ แล้วก็นึกขึ้นได้
“คุณแม่คะ แล้วหนูกินวิตามินเตรียมสอบนั่นมาเป็นเดือนแล้ว จะเป็นอะไรไหมคะ”
“กินต่อไปลูก”
“เห? จะไม่เป็นไรเหรอคะ วิตามินที่ใช้สำหรับตอนอ่านหนังสือน่ะ”
อารยายิ้มให้ลูกสาว ลูบหัวไปสองที
“ก็วิตามินบีโฟลิคนั่น แม่ไม่ได้ให้กินเพื่อเตรียมอ่านหนังสือสอบสักหน่อย”
แพทลืมตาโตมองมารดา ขณะที่ในสนามหญ้า เสียงร้องของรอนก็ยังคงดังต่อไป