เธอไม่ใช่คนประเภทร้องไห้ฟูมฟาย จากนั้นก็โวยวาย สุดท้ายก็ไปผูกคอตาย ซึ่งเธอเองก็ดูถูกคนประเภทนี้มาก ดังนั้นเธอไม่มีทางทำแบบนี้เด็ดขาด
เธอรู้สึกว่าทุกเรื่องราว วิธีที่ดีที่สุดก็คือแก้ไขปัญหาดีๆ จากกันด้วยดี
ใช่แล้ว แบบนี้แหละ!
เวินลั่วฉิงพูดจบก็หลุบสายตา ไม่มองเย่ซือเฉินอีก
ใช่ เธอรู้สึกว่าควรเป็นแบบนี้ แต่หลังจากที่เธอพูดออกมาอย่างจริงจังแล้ว กลับพบว่าตัวเองไม่ได้ชิวอย่างที่ตัวเองคิดไว้
อารมณ์ของเธอก็ไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่เธอคิด บัดนี้เธอรู้สึกว่าหัวใจช่างทรมาน ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
เธอมีหัวใจ เมื่อเธอใช้หัวใจกับรักครั้งนี้แล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกเจ็บปวดจริงๆ!
คบกันด้วยกัน แล้วก็จากกันด้วยดี มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเลย
ทว่าคุณชายสามเย่มีสุดที่รักแล้ว เธอคงตามตอแยเย่ซือเฉินไม่ได้มั้ง?!
เธอทำอย่างนั้นไม่ลง
“เวินลั่วฉิง ทำไมผมถึงอยากกัดคุณให้ตายขนาดนั้นนะ”เย่ซือเฉินมองเธอพร้อมกับขบฟันกล่าว ผู้หญิงคนนี้จงใจมาทำให้เขาโกรธ
ไม่ให้เธอพูด แต่เธอดันพูดออกมา และเขาก็จนปัญญากับเธอจริงๆ
คำข่มขู่ พูดแรงแล้วจะมีประโยชน์อะไร?เขาทำกับเธอไม่ลง
ทำร้ายเธอไม่ลงเลยสักนิด
เวินลั่วฉิงมองเขาแล้วเห็นความโกรธในแววตา เขาอยากกัดเธอให้ตาย?มีสิทธิ์อะไร?
เธอก็อยากกัดเขาเหมือนกัน มันเป็นความผิดของเขานะ
“คุณหึงผม ผมดีใจ แต่คุณก็ต้องแยกแยะหน่อยไหม ไม่ใช่จะหึงไปทั่วทุกคน”
คุณชายสามเย่โทรติดต่อกันหลายครั้ง แต่จื่อซีสุดที่รักก็ยังไม่รับสาย คาดว่าคงหลับแล้วมั้ง วันนี้คงไม่รับสายแล้ว
เวินลั่วฉิงมองเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ฉิงฉิง คุณหึงใครก็ได้ ยกเว้นคนนี้ คุณไม่ควรหึงจริงๆ”คุณชายสามเย่รู้ว่าเมื่อจื่อซีสุดที่รักไม่รับสาย งั้นเขาก็ต้องอธิบายเรื่องนี้แล้วละ
จื่อซีสุดที่รักบอกเขาว่าไม่ต้องให้คุณแม่รู้ แต่ตอนนี้คงปิดไม่มิดแล้ว เขาก็ไม่อยากปิดด้วย วันนั้นจื่อซีสุดที่รักโทรหาเขาต่อหน้าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เขาก็เริ่มทำกรรมสิทธิ์โอนย้ายบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปเป็นชื่อของจื่อซี ไม่กี่วันก็จะได้เซ็นชื่อกันแล้ว ตอนนั้นเวินลั่วฉิงต้องรู้แน่ๆ
เวินลั่วฉิงเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่บัดนี้คุณชายสามเย่คิดจะอธิบาย เธอจึงตั้งใจฟัง
อันที่จริงในใจเธอยังเชื่อมั่นใจตัวเย่ซือเฉิน เธอรู้ความรู้สึกที่เย่ซือเฉินมีต่อเธอดี
เย่ซือเฉินพูดถูก เมื่อกี้เธอหึง และเป็นเพราะหึงเธอจึงโกรธ วู่วาม ดังนั้นเมื่อกี้เธอเหมือนจะโวยวายโดยไร้เหตุผลจริงๆ
แน่นอน เธอก็แค่อยากให้เขาอธิบายเท่านั้น
“ฉิงฉิง เธอเป็นสุดที่รักของผม”เย่ซือเฉินยื่นมือถือไปยังด้านหน้าเวินลั่วฉิง“เธอก็เป็นสุดที่รักของคุณด้วย”
คุณชายสามเย่รู้ว่าหากหดตัวก็เจอมีด ยื่นหัวออกมาก็เจอมีดเช่นกัน สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีทางให้ถอยหลังเลย
เดิมทีเธอปิดบังเรื่องลูกกับเขา ถือเป็นความผิดเธอ ทว่าตอนนี้เพราะเขาปิดบังเรื่องเขากับจื่อซีสุดที่รักนับพ่อนับลูกกันแล้ว เขาจึงกลายเป็นคนพูดเหตุผลได้ไม่เต็มปาก
ทันใดนั้นคุณชายสามเย่รู้สึกว่าลูกสาวผู้เข้าอกเข้าใจตนได้ขุดหลุมให้เขาอีกครั้ง
ลูกสาวผู้ที่เป็นห่วงเขาชอบขุดหลุมให้เขาเป็นประจำ
คุณชายสามเย่แอบถอนหายใจ จากนั้นก็รายชื่อ สุดที่รัก เจอ จากนั้นก็กดเข้าไป “คุณดูเบอร์นี้สิ คุ้นไหม?”
เวินลั่วฉิงมองตามที่เขาบอก ตอนสายเข้าเมื่อกี้ปรากฏแค่ชื่อ สุดที่รัก ไม่ได้แสดงเบอร์โทรศัพท์ ตอนนี้เวินลั่วฉิงเห็นเบอร์ก็ต้องเบิกตากว้าง
เธอต้องคุ้นกับเบอร์นี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เบอร์ของจื่อซีสุดที่รักหรอกหรือ?
เย่ซือเฉินมีเบอร์โทรของจื่อซีสุดที่รักได้อย่างไร?
คุณชายสามเย่ยังบันทึกเบอร์ของจื่อซีว่าสุดที่รักอีก?
ดังนั้น……
เวินลั่วฉิงเป็นคนฉลาด เมื่อกี้เธอใจร้อนไม่ได้คิดให้ละเอียด ตอนนี้เข้าใจหมดแล้ว เพียงแต่เย่ซือเฉินรู้เรื่องจื่อซีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เย่ซือเฉินรู้เรื่องจื่อซี แล้วจื่อโม่ล่ะ?
เย่ซือเฉินรู้เรื่องจื่อโม่หรือยัง?
เวินลั่วฉิงจ้องเบอร์มือถือ พลางกะพริบตาปริบๆ
“ฉิงฉิง คุณควรอธิบายอะไรไหมใช่หรือไม่?”ถึงแม้เวลานี้คุณชายสามเย่จะรู้สึกไม่ใช่ฝั่งที่มีเหตุผลมากพอจนได้เปรียบ ถึงจะรู้สึกผิดที่ปิดบัง แต่เขาก็พูดไว้ก่อน
“ไม่ใช่คุณอธิบายให้ฉันหรอกหรือ?”ทว่าบัดนี้เวินลั่วฉิงได้สติปัญญากลับคืนมาแล้ว เธอเงยหน้าจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
คุณชายสามเย่ชะงัก ดังคาด หลอกเธอไม่ได้เลยจริงๆ
ถูกลูกสาวเขาขุดหลุมอีกแล้วจริงๆ
“จื่อซีสุดที่รักเป็นคนไปหาผมเอง บอกว่ายังไม่ต้องบอกคุณ ถึงเวลาจะเซอร์ไพรส์ให้คุณเอง”เวลานี้คุณชายสามเย่ก็ไม่กล้าโต้เถียงอะไรมากนัก ถึงแม้เดิมทีเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบในเรื่องเหตุผลก็ตาม
หลังจากถูกลูกสาวขุดหลุมฝังติดต่อกันหลายครั้ง คุณชายสามเย่ก็หักหลังจื่อซีสุดที่รักอย่างไม่ลังเล
ในใจคุณชายสามเย่รู้ดี ไม่ว่าจื่อซีสุดที่รักจะทำอะไรแต่ก็ยังเป็นลูกสาวแท้ๆของเธอ
แต่เขาไม่ใช่ เธอไม่มีวันโกรธจื่อซีสุดที่รัก แต่มีความเป็นไปได้ที่จะโกรธเขา
เวินลั่วฉิงมองเขาโดยไม่พูดจา เหมือนกำลังรอให้เขาพูดต่อ
อันที่จริงเวินลั่วฉิงกำลังรอเขาพูดต่อจริงๆ เธออยากรู้ว่าเขารู้เรื่องจื่อโม่หรือยัง
แต่แววตาของเวินลั่วฉิงในขณะนี้กลับทำให้คุณชายสามเย่เข้าใจไปอีกทาง
“ฉิงฉิง ผมรู้ว่าไม่ควรปิดบังคุณ”คุณชายสามเย่แอบถอนหายใจ ตัดสินใจยอมรับผิดในการจ้องมองของเธอ:“ฉิงฉิง เป็นความผิดของผม เป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมไม่ควรปิดบังคุณ”
“ตอนที่จื่อซีสุดที่รักมาหาผม ผมดีใจมากเกินไป ตื่นเต้นมากเกินไป ผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าผมจะมีลูกสาวหนึ่งคน ผมคิดไม่ถึงว่า……”คุณชายสามเย่นึกถึงภาพตอนนั้นก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“ออ”เวินลั่วฉิงกลับตอบรับเบาๆหนึ่งคำ จากคำพูดของเขา เวินลั่วฉิงเข้าใจแล้วว่า เขารู้เพียงจื่อซี ยังไม่รู้เรื่องจื่อโม่
ดังนั้นตอนนั้นมีเพียงจื่อซีไปหาเขา ส่วนจื่อโม่ก็น่าจะหลบเขาอยู่
เวินลั่วฉิงรู้ว่าต้องเป็นความคิดจื่อโม่แน่ๆ ซึ่งแสดงว่าจื่อโม่ยังไม่ได้นับพ่อนับญาติกับเขา หรืออาจเรียกได้ว่าจื่อโม่ยังไม่อยากนับพ่อกับเขา
บัดนี้เวินลั่วฉิงคิดแต่เรื่องจื่อโม่ จึงไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่น
“ฉิงฉิง ขอบคุณคุณนะ”คุณชายสามเย่เห็นการตอบสนองของเธอที่มีเพียงเล็กน้อย จึงรู้สึกอึ้ง เขาคิดว่าเธอจะโกรธ แต่ที่ไหนเธอแค่ตอบสนองอย่างเรียบเฉยเท่านั้น
“ไม่ต้องขอบคุณ”เวินลั่วฉิงหัวเราะกะทันหัน เธอนึกถึงเรื่องจื่อโม่ให้จื่อซีไปนับพ่อกับเย่ซือเฉินคนเดียว คาดว่าจื่อโม่น่าจะมีแผนการอื่น
เวินลั่วฉิงไม่ก้าวก่ายความคิดของลูกชายอยู่แล้ว อีกอย่างเวินลั่วฉิงรู้ว่าตอนนี้จื่อโม่รู้สึกสับสนในความรู้สึกที่มีต่อเย่ซือเฉินเล็กน้อยดังนั้นเธอคิดว่าปล่อยให้จื่อโม่ใช้วิธีการของตัวเองไปนับพ่อกับเย่ซือเฉิน เช่นนี้ถึงจะยอมรับเย่ซือเฉินอย่างสนิทใจ
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเป็นเรื่องระหว่างพ่อลูก เธอไม่ควรแทรกแซง
ต่อจากนี้ หวังว่าเย่ซือเฉินจะผ่านบททดสอบของจื่อโม่อย่างราบรื่น
ทว่าเธอรู้จักลูกชายตัวเองดี เรื่องที่จื่อโม่จะทำ ไม่มีทางเป็นเรื่องเล็กๆที่มีหรือไม่มีก็ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นการนับลูกของเย่ซือเฉินคงต้องลำบากแล้วละ
จู่ๆเวินลั่วฉิงก็รู้สึกสงสารคุณชายสามเย่ขึ้นมา ไม่รู้ว่าจื่อโม่จัดกระบวนท่าไหนให้คุณชายสามเย่ไว้
“ฉิงฉิง ผมไม่ตั้งใจปิดบังคุณจริงๆ ผมกำลังโอนกรรมสิทธิ์บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้จื่อซี ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ไม่นานคุณก็ต้องรู้แน่นอน ดังนั้นผมไม่ได้คิดจะปิดบังคุณเลย”เวินลั่วฉิงยิ่งตอบสนองอย่างใจเย็นเท่าไหร่ คุณชายสามเย่ก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจมากเท่านั้น
เวลานี้คุณชายสามเย่มองรอยยิ้มบนใบหน้าเวินลั่วฉิงพลันรู้สึกขนลุก คุณชายสามเย่รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดียังไงไม่รู้
เวินลั่วฉิงได้ยินคุณชายสามเย่บอกว่าจะมอบบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้จื่อซีก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องของพ่อกับลูกสาว เวินลั่วฉิงจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
“อืม”เวินลั่วฉิงตอบเสียงเบาหนึ่งคำ
“โกรธแล้วเหรอ?”หัวใจคุณชายสามเย่ยิ่งขนลุกกว่าเดิม การตอบสนองของเธอถือว่าปกติหรือ?
ปกติหรือ?
เธอโกรธแล้วใช่ไหม?
“ไม่ได้โกรธ”เวินลั่วฉิงยิ้มอย่างสดใส เธอไม่ได้โกรธจริงๆ เธอแค่กังวลแทนคุณชายสามเย่เท่านั้นเอง กังวลว่าคุณชายสามเย่จะรับบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของจื่อโม่ไม่ไหว
คุณชายสามเย่มองใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มของเธอ อยากสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ แต่เธอยิ้มได้สดใสมาก ไม่เหมือนโกรธเลยสักนิด คุณชายสามเย่จึงรู้สึกสงสัยในใจ รู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกมีลับลมคมในตรงไหน
ซึ่งเวลานี้นี่เอง ด้านนอกก็ส่งเสียงวุ่นวายเข้ามากะทันหัน