บทที่ 299 ความรู้สึกที่มีเมียคอยปกป้องช่างดีจริงๆ (1)
“คุณแม่ของผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับอาชญากร” ถังจื่อโม่ไม่ได้บอกว่าคุณแม่ชื่ออะไร แต่ก็ตอบคำถามอีกข้อของจี้หซี
“ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับอาชญากร? ผู้หญิง? เก่งมากจริงๆ มิน่าเธอถึงเก่งขนาดนี้” หางตาของจี้หซีกระตุกหนึ่งทีอย่างอดไม่ได้ มิน่าเขาถึงมักจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้สามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ ที่แท้ก็มีแม่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับอาชญากร ดูท่าปกติเจ้าเด็กคนนี้เรียนรู้มาจากแม่ของเขาไม่น้อย
จี้หซีไม่รู้ว่าเวินลั่วฉิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับอาชญากร ถ้าหากว่าจี้หซีรู้ว่าเวินลั่วฉิงมีฐานะนี้ ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะเชื่อมโยงต่อกันแล้ว
แต่ในความจริงนอกจากถังหลินกับเย่ซือเฉินแล้ว คนอื่นๆล้วนไม่รู้เรื่องนี้
ถึงตอนนี้คุณชายห้าฉิงก็ยังไม่เชื่อว่าเวินลั่วฉิงก็คือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาที่เคยช่วยเขาไขคดีในตอนนั้น
“แล้วคุณพ่อของเธอล่ะ? คุณพ่อของเธอทำงานอะไร?” ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นของจี้หซีถูกกระตุ้นออกมาโดยสิ้นเชิง
มีแม่ที่เก่งขนาดนี้ พ่อจะต้องเก่งกว่าแน่? ผู้ชายทั่วไปใครจะกล้าแต่งกับผู้หญิงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับอาชญากร?
ถังจื่อโม่เม้มปากเบาๆ พ่อของเขา? ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าพ่อแท้ๆของเขาเป็นใคร?
แม้แต่แม่ของเขาก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ เขาจะรู้ได้อย่างไร?
“คุณพ่อทำธุรกิจ” เวลานี้เพื่อนตัวเล็ก(เด็กชาย)ถังจื่อโม่ก็นึกถึงเย่ซือเฉินอีก ถึงอย่างไรตอนนี้เย่ซือเฉินก็เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณแม่
สำหรับในตอนนี้ เพื่อนตัวเล็ก(เด็กชาย)ถังจื่อโม่มีอคติกับคุณชายสามเย่ค่อนข้างมาก แต่ว่าในช่วงเวลาสำคัญกลับมักจะนึกถึงเย่ซือเฉินอีก
ตรงจุดนี้ทำให้ถังจื่อโม่รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย
ขอบเขตของการทำธุรกิจกว้างเกินไป และคนที่ทำธุรกิจก็เยอะมาก จี้หซีไม่ได้คิดอะไรมาก และเห่อถงถงก็เคยบอกเอาไว้ ฐานะของเป่าเป้ยสองคนต้องเก็บเป็นความลับ แม้แต่กับเขาก็ต้องเก็บเป็นความลับ
เห่อถงถงไม่บอกกับเขา เขารู้ว่าจะล้วงความลับจากปากของเจ้าเด็กที่ฉลาดเป็นกรดคนนี้ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เขารู้สึกว่าสามารถหาโอกาสลองถามเพื่อนตัวเล็ก(เด็กหญิง)จื่อซีดู ไม่แน่ว่าอาจจะได้ข้อมูลสำคัญ
เขารู้สึกว่าเพื่อนตัวเล็ก(เด็กหญิง)จื่อซีน่ารักและไร้เดียงสาน่ารักกว่ามาก
นิสัยของจี้หซีถ้าบอกว่าจะทำก็ทำเลยมาโดยตลอด เขาโทรหาทนายส่วนตัวทันที สั่งให้ทนายร่างสัญญาให้เสร็จแล้วส่งมาให้เขา
ในเมื่อถังจื่อโม่รู้แล้ว แม้กระทั่งจุดประสงค์ของเขาก็รู้อย่างชัดเจนแล้ว ต่อหน้าถังจื่อโม่จี้หซีก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก ดังนั้นจี้หซีจึงโทรต่อหน้าถังจื่อโม่เลย
ถังจื่อโม่กระพริบตาเบาๆ ปฏิบัติการนี้เร็วมากจริงๆ คุณแม่ถงถงมีความสุขมากจริงๆ
ถ้าหากว่ามีผู้ชายคนหนึ่งสามารถทำแบบนี้ให้กับคุณแม่ได้ เขาจะให้คุณแม่แต่งงานด้วยอย่างไม่ลังเลแน่นอน
ส่วนเย่ซือเฉิน ฮึ!
แน่นอนว่า จี้หซีก็ไม่ได้ลืมเรื่องที่พ่อบ้านอู๋บอกว่าแม่ของเขาต้องการตรวจดีเอ็นเอ
แม่สงสัยว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเขา ต้องการตรวจดีเอ็นเอ เรื่องนี้เขาสามารถเข้าใจได้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าแม่จะให้อะรุ่ยเป็นคนทำเรื่องนี้
เมื่อก่อนอะรุ่ยเคยเป็นนักฆ่ามืออาชีพ แม่ให้อะรุ่ยจัดการเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ไม่ใช่แค่นั้น
เขาจะไม่ยอมให้แม่ของเขาทำร้ายเด็กสองคนเด็ดขาด
เขารู้จักแม่ของเขา ถ้าหากว่าตรวจดีเอ็นเอแล้วแม่ของเขาพบว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเขา จะต้องคิดหาวิธีหาตัวพ่อแท้ๆของเด็กออกมาอย่างแน่นอน
เห่อถงถงเคยบอกไว้ จำเป็นต้องเก็บฐานะของเด็กเป็นความลับ เขาจะต้องคิดหาวิธีที่รอบคอบให้มากที่สุด
จะต้องทำให้แม่ของเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม มีทางเดียวก็คือให้แม่ของเขารู้ว่าพ่อของเด็กคือคนที่เธอไม่สามารถแตะต้องได้
ปกติคนที่แม่กลัวที่สุดก็คือพี่สาม ดังนั้น ถึงเวลานั้นเขาจะปลอมผลตรวจดีเอ็นเอขึ้นมาให้แม่ของเขาได้หรือไม่ ให้แม่ของเขาคิดว่าเด็กเป็นลูกของพี่สาม……
ถ้าหากแม่คิดว่าเด็กเป็นลูกของพี่สาม ถึงเวลาต้องไม่กล้าทำอะไรวู่วามแน่ และเด็กสองคนก็จะปลอดภัย
แน่นอนว่า จี้หซีรู้ว่าแม่ของเขาไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น ดังนั้นเรื่องนี้ยังจำเป็นต้องเตรียมการให้ดี
จี้หซีมองถังจื่อโม่ แล้วยิ้มอย่างนุ่มนวล เป่าเป้ยที่น่ารักขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาได้รับอันตรายใดๆอย่างแน่นอน
เวลานี้เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงก็ถึงบ้านของตระกูลเย่แล้ว
ตอนนี้คุณปู่เย่อยู่ในอารมณ์โกรธอยู่ สีหน้าไม่น่าดูเป็นพิเศษ ตอนที่เห็นเวินลั่วฉิงเข้ามาพร้อมกับเย่ซือเฉิน สีหน้าก็ยิ่งขรึมลงไปอีก เห็นได้ชัดว่าคุณปู่เย่ไม่อยากเห็นหน้าเวินลั่วฉิงอย่างมาก คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เกลียดชังเวินลั่วฉิงอย่างมากมาโดยตลอด
“แกตามฉันมาห้องหนังสือ” คุณปู่เย่มองไปทางเย่ซือเฉิน น้ำเสียงไม่ดีอย่างมาก
เย่ซือเฉิยไม่รู้สึกแปลกใจ มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มเบาๆ เห็นท่าทีของคุณปู่แบบนี้ เขาเบาใจเป็นพิเศษ
“แกอยากทำอะไรกันแน่? แกโอนไปหุ้นที่เป็นชื่อของแกให้ผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร แก……” ทันทีที่ถึงห้องหนังสือ คุณปู่เย่ก็คำรามออกมาอย่างทนไม่ไหว
“ในเมื่อเป็นชื่อของผม แน่นอนว่าเป็นสิทธิของผม ผมอยากโอนให้ใครก็เป็นอิสระของผม เธอเป็นแม่ของผม ผมโอนหุ้นของผมให้กับแม่ของผมมีปัญหาอะไรไม่ทราบ?” คุณชายสามเย่เพียงแต่เหลือบมองคุณปู่เย่เบาๆ ตอบกลับไปอย่างเรียกได้ว่าเหตุผลย่อมจะต้องเป็นเช่นนั้น
“เสียดายก็แต่ หุ้นในมือของผมน้อยไปหน่อย ถ้าหากว่ามีเยอะ ผมยังจะโอนให้อีก” คำพูดนี้ของคุณชายสามเย่ชัดเจนมากพอ เขาพูดขาดไปก็แต่ ถ้าหากว่าคุณปู่โอนหุ้นอื่นๆให้เขา เขาก็จะโอนให้แม่ของเขาให้หมด
แน่นอนว่า คำพูดนี้เขาไม่ต้องพูดให้ชัดเจนขนาดนั้น คุณปู่เข้าใจก็พอ
“ฉันว่าแกไม่อยากได้หุ้นอื่นๆของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปแล้ว” ตาของคุณปู่เย่หรี่ลง มีการขู่ชัดเจนในคำพูด
คุณปู่คิดว่าเย่ซือเฉินได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว อย่างน้อยเขาคงรู้สึกกลัวบ้าง ยับยั้งพฤติกรรมเอาไว้บ้าง อย่างน้อยก็แสดงท่าทีที่ชัดเจนให้กับเขา
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร? คุณปู่จะโอนให้ผม ผมต้องรับไว้แน่ๆ” คุณชายสามเย่ตอบกลับไปคำหนึ่งอย่างไม่สนใจไยดีและแฝงไปด้วยความเอ้อระเหยลอยชาย แน่นอนว่าเขายังไม่ลืมที่จะเน้นย้ำเจตนาของเขา “แต่ว่าถ้าเป็นของผมแล้ว ผมก็ต้องมีอำนาจอิสระในการจัดการอยู่แล้ว”
ท่าทีของเย่ซือเฉินชัดเจนมาก แต่เสียดายที่ไม่ใช่แบบที่คุณปู่เย่ต้องการ
“แก แก แก……” คุณปู่เย่ทั้งตกใจทั้งโกรธทั้งกังวล แกไปครึ่งวันก็พูดไม่จบประโยค เพียงแต่โกรธจนถอนหายใจคำใหญ่ซ้ำๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณปู่ตั้งใจจะโอนบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้ผมเมื่อไหร่?” คุณชายสามเย่จงใจกล่าวถาม ความจริงเขาแน่ใจแล้วว่า คุณปู่ไม่มีทางโอนบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้เขาอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
“แกไม่ต้องคิดเลย ถึงแม้ฉันจะตายก็จะไม่โอนบริษัทตระกูลเย่ให้แกหรอก” คุณปู่เย่จ้องเย่ซือเฉิน คำรามออกมาคำหนึ่งราวกับหมาป่า คำพูดของเย่ซือเฉินชัดเจนขนาดนี้แล้ว เขาจะกล้าโอนหุ้นของบริษัทตระกูลเย่ให้กับเย่ซือเฉินได้อย่างไร
ถ้าเกิดว่าเขาโอนบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้กับเย่ซือเฉิน แล้วเย่ซือเฉินโอนหุ้นทั้งหมดไปให้ผู้หญิงคนนั้นจริง นั่นจะไม่เป็น……
ดังนั้น เขาไม่สามารถโอนบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้เย่ซือเฉินเด็ดขาด ดีที่ร่างกายแก่ๆนี้ยังสามารถยืนหยัดได้อีกหลายปี
เห็นท่าทีของคุณปู่ในตอนนี้ คุณชายสามเย่พอใจเป็นอย่างมาก ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามแผนการอันสมบูรณ์แบบของเขา