บทที่ 42 รอบชิงชนะเลิศ
“ถวนจื่อ ทำไมเธอถึงพูดอะไรอย่างนั้นออกไป?” เมื่อเด็กชายคนนั้นเดินจากไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อเดินไปเบื้องหน้าถวนจื่อแล้วเอ่ยถามเสียงเบา
ถวนจื่อเงยหน้าขึ้น ดูเต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไมอะไรหรือ?ก็เพราะว่าอยากพูดเลยพูดออกไปน่ะสิ จะว่าไปแล้ว เขามีพรสวรรค์จริงๆ หากพยายามต่อไปละก็ ต่อไปในอนาคตต้องโดดเด่นแน่ๆ”
เจียงหยุนเอ๋อเห็นความตั้งใจของ ถวนจื่อ ก็พูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง ท่านที่สุดก็เพียงหัวเราะและลูบศีรษะเขาเบาๆ
ถวนจื่อของเธอ… ต้องเติบโตขึ้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยม… เป็นคนที่ยอดเยี่ยม
ถวนจื่ออายุยังน้อยขนาดนี้ ก็มีท่าทางแบบนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อไม่อาจรู้ได้เลย… เขาเรียนสิ่งเหล่านี้มาจากไหน
เมื่อจัดการเรื่องราวทางนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น รอบที่แล้วแม้ถวนจื่อจะเนที่หนึ่งของกลุ่ม แต่ยังมีการแข่งขันรอบชิงรอเขาอยู่
ฝ่ายผู้จัดต่างรู้ถึงอาการบาดเจ็บของถวนจื่อ และต่างรู้ถึงอำนาจของลี่จุนถิงดี ช่างทำให้พวกเขาหวาดกลัวเหลือเกิน กลัวว่า ถวนจื่อที่บาดเจ็บจะสูญเสียพละกำลังในการแข่งขันรอบต่อไป
ทว่าพวกเขาเลื่อนวันแข่งขันเพียงเพราะถวนจื่อเพียงคนเดียวเป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้แล้ว พวกเขายิ่งตกที่นั่งลำบากมากขึ้นไปอีก
พวกเขาไม่อยากมีปัญหากับ ลี่จุนถิง แต่ก็ไม่อาจเลื่อนการแข่งขันได้ จึงยังไม่ได้ประกาศเริ่มการแข่งขันสักที
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยหน้าเวทีต่างเริ่มร้อนใจขึ้น
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?นี่มันก็นานแล้วยังไม่เริ่มการแข่งขันอีก?”
“เป็นเพราะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนหนึ่งบาดเจ็บละมั้ง?”
“…”
เสียงพูดคุยกันเบื้องล่างเวทีดังลอยมาเข้าหูผู้เข้าร่วมแข่งขันสองคนเข้า ถวนจื่อเป็นฝ่ายเดินไปอยู่ข้างฝ่ายผู้จัด แล้วเอ่ยขึ้น “แม้ฉันจะบาดเจ็บ แต่ก็ยังแข่งต่อไปได้”
ในเวลานั้น ฝ่ายผู้เข้าแข่งขันที่เข้าถึงรอบชิงเหมือนก็เดินมาพร้อมกับพ่อแม่ของเขา
“ท่านผู้ตัดสินครับ ลูกของเราขอให้ใช้ผ้าพันแผลพันตรงนิ้วโป้งของเขา อย่างนี้แล้วก็จะเหมือนกับผู้เข้าแข่งขันที่บาดเจ็บแล้วครับ การแข่งขันจะได้ยุติธรรมมากขึ้น” พ่อของเด็กชายเอ่ยขึ้น
เด็กชายคนนั้นเป็นคนเข้มแข็ง ได้เห็นการแข่งขันของถวนจื่อในรอบก่อน ก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง จึงอยากสู้กับเขาอย่างยุติธรรมสักรอบหนึ่ง ตอนนี้ในเมื่อเขาบาดเจ็บ ตัวเองเองก็ควรใช้วิธีเดียวกันเข้าแข่งขัน
เด็กชายจดจ้องถวนจื่อด้วยแววตามั่นคง แววตาฉายประกายแห่งความมั่นใจมุ่งมาดปรารถนาแจ่มแจ้ง เขาเชื่อมั่นเหลือเกินว่าแม้ตัวเองจะพันนิ้วหัวแม่มือไว้ อย่างไรก็ยังสามารถคว้าชัยชนะในเวทีนี้ได้อย่างแน่นอน
ในภาพฉากนี้ ทำให้ทุกคนต่างอดไม่ได้พากันยืนขึ้น ราวกับจะแสดงความนับถือให้กับผู้ร่วมแข่งขันคนนี้
แม้นเจียงหยุนเอ๋อก็ยังคาดไม่ถึง แม้เป็นเพียงแค่การแข่งขันกลุ่มเยาวชนรุ่นเล็ก ยังมีเหตุการณ์ให้คนประหลาดใจได้มากถึงขนาดนี้
“ขอบคุณพวกคุณมาก” เจียงหยุนเอ๋อเดินไปยังเบื้องหน้าเด็กชายคนนั้นและครอบครัว เอ่ยขอบคุณด้วยใจจริง
เด็กชายคนนั้นถึงกับส่ายหน้า สายตายังคงอยู่ที่ใบหน้าของถวนจื่อ “คุณไม่มีความจำเป็นอะไรต้องขอบคุณผม เจียงซิ่งหวีเป็นคู่แข่งที่น่าเคารพ ผมหวังว่าจะได้แข่งกับเขาอย่างเต็มความสามารถ”
ถวนจื่อแย้มยิ้มขึ้น พลางจับมือกับเด็กชายคนนั้น “ฉันก็รอคอยที่จะได้แข่งในครั้งนี้กับนายเหมือนกัน”
ตาคำขอของเด็กชายคนนั้น ไม่นานนักก็มีคนมาพันนิ้วหัวแม่มือของเขา เขาทดลองอยู่ในสภาพนั้นชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้น “โอเคแล้ว เริ่มการแข่งขันได้”
ผู้ตัดสินเห็นดังนั้น ก็เชิญพนักงานเบื้องบนเวทีที่ไม่เกี่ยวข้องลงมา ต่อจากนั้นพิธีกรจึงได้ยืนตรงกลางของเวทีพลางประกาศก้อง “ประกาศ การแข่งขันกลุ่มเยาวชนรุ่นเล็กนี้ เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ”
การกระทำของเด็กชายทั้งสองเมื่อครู่ได้ให้บทเรียนอันยิ่งใหญ่กับผู้คนที่อยู่โดยรอบการแข่งขัน ดังนั้นเมื่อถึงวินาทีนี้ การแพ้หรือชนะในการแข่งขันครั้งนี้ต่างไม่ได้มีความสลักสำคัญนัก แม้กระทั่งเจียงหยุนเอ๋อที่ตื่นเต้นอย่างมากในตอนแรก ในเวลานี้กลับรู้สึกสงบลงอย่างประหลาด
“ลี่จุนถิง คุณคิดว่าถวนจื่อจะชนะไหม?” เจียงหยุนเอ๋อยืนตะลึงมองถวนจื่อที่ยืนเฉิดฉายอยู่บนเวที พลางเอ่ยถาม
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ถวนจื่อจะสามารถขึ้นประกวดแข่งขันในเวทีขนาดนี้ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ และยังได้รับคะแนนที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก
เมื่อก่อนเธอยังเคยวาดฝันไว้ เมื่อเห็นถวนจื่อชอบเล่นเกมมาก จนคิดว่าไม่แน่ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะมีโอกาสได้เป็นนักเกมเมอร์มือหนึ่งก็เป็นได้ คิดไม่ถึงเลยว่า… ถวนจื่อจะมีพรสวรรค์ในด้านนี้จริงๆ
ลี่จุนถิงยักคิ้วขึ้น พลางหันมองมาแย้มยิ้ม “เธอถามฉันหลายครั้งมากแล้ว คำตอบของฉันทุกครั้งก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“เธอต้องตอบเพื่อปลอบฉันแน่ๆ… หรือเธอเชื่อมั่นในตัว ถวนจื่อมากขนาดนั้นจริงๆ?” เจียงหยุนเอ๋อบ่นอุบอิบเสียงเบา
“ทำไมฉันจะต้องปลอบเธอด้วยหล่ะ?พูดไปแล้ว ฉันเข้าใจเกมนี้มากกว่าเธอเสียอีก ความสามารถของถวนจื่อเป็นอย่างไร ฉันก็เข้าใจดี” ลี่จุนถิงตอบอย่างตั้งใจ
ดูท่าทางมั่นใจที่ฉายชัดของเขา ในใจเจียงหยุนเอ๋อเริ่มรู้สึกแปลกๆ “อะไรกัน?ทำไมทำราวกับเธอเข้าใจถวนจื่อมากกว่าฉันอย่างนั้นแหละ”
ลี่จุนถิงยิ้มหัวเราะ เธอก็ไม่นับว่าปฏิเสธ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “ฉันรู้สึก… ราวกับมีพรหมลิขิตอะไรแปลกๆ กับถวนจื่อ”
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่าทั้งสองคนต่างพันหัวแม่มือด้วยผ้าพันแผล แต่ว่าการแข่งขันกลับไม่ลดความตื่นเต้นลงเลย ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด
บรรยากาศรอบๆ สนามแข่งขันเริ่มปะทุดุเดือดขึ้น เจียงหยุนเอ๋อที่กว่าจะสงบลงได้บ้าง กลับเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
เธอยืนอยู่ข้างๆ ลี่จุนถิง รู้สึกว่าควรพูดคุยกับลี่จุนถิงบ้างเพื่อละการจดจ่อมากเกินไป
“ลี่จุนถิง เธอคิดว่าการแข่งขันรอบนี้จะนานเท่าไหร่?” เจียงหยุนเอ๋อจัดการอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ จึงอดไม่ได้เริ่มคุยกับลี่จุนถิง
เมื่อครู่เธอต้องตั้งใจฟังการอธิบายอยู่ แต่ก็พูดเกี่ยวกับท่าท่าง ความสามารถของทั้งสองคนตลอด ตีมาโต้กลับข้อได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละคน คนที่ไม่ค่อยเข้าใจเกมการแข่งขันอย่างเธอ ก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร
ในที่สุด ก็ยังเป็นถวนจื่อที่ใช้ความสามารถอันเข้มแข็งของเขาเอาชนะการแข่งขันในรอบนี้ไปได้คว้ารางวัลชนะเลิศ
เมื่อผู้ตัดสินประกาศผลการแข่งขันอยู่นั่นเอง ทั่วทั้งสนามต่างโห่ร้องขึ้น เพียงครู่เดียวถวนจื่อก็กลายเป็นดาราขึ้นมา ส่องแสงเจิดจรัสไปทั่ว
นอกไปจากนั้นผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ได้ชัยชนะในการแข่งขันนี้ แต่ก็ได้เดินเข้ามากอดถวนจื่อ “ยินดีด้วยนะ”
ถวนจื่อส่ายหน้า พูดขึ้นอย่างจริงใจ “ถ้าไม่เป็นเพราะนายร้องขอให้พันนิ้ว ไม่แน่ว่าผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้อาจจะเป็นนายก็ได้นะ”
เด็กชายคนนั้นหัวเราะขึ้น ราวกับไม่เสียใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก ชัยชนะอย่างนั้นนับว่าไม่ขาวสะอาด แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ยุติธรรมที่สุดแล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อมองไปยังถวนจื่อใต้ลำแสงที่สาดส่องอย่างตื่นตะลึง ใจเต้นขึ้นมาอย่างประหลาด พลางหันมามองยังลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงก็กำลังตั้งใจมองไปยังถวนจื่อที่กำลังรับรางวัลอยู่กลางเวที พลันเอ่ยขึ้นเสียงเบา “นิสัยของเด็กคนนี้ เหมือนฉันไม่มีผิด”