บทที่ 274 ลูกทั้งสองคนมาหาถึงที่ … พ่อของหนูคือท่านประธานของพวกคุณ (2)
“ตอนนี้ เกรงว่าท่านประธานกำลังประชุมอยู่ ไม่ดีมั้งถ้าจะรบกวนท่านประธาน?”เลขาหรวนค่อนข้างระมัดระวัง กลัวรบกวนท่านประธานแล้วท่านประธานจะโกรธ
“แล้วจะทำยังไงกับเด็กสองคนนี้ล่ะ?” พนักงานต้อนรับถอนหายใจเล็กน้อย ยังคงไม่อยากให้เด็กที่น่ารักทั้งสองนี้จากไป เธอมองไปยังเลขาหรวนเพื่อปรึกษา : “ฉันไม่มีเบอร์โทรของท่านประธาน คุณเอาเบอร์โทรท่านประธานให้ฉัน เดี๋ยวฉันโทรไปเอง”
“พี่ชายหนูมีเบอร์โทรของท่านประธานพวกคุณ สามารถบอกคุณได้” ไม่รอให้เลขาหรวนตอบออกมา ถังจื่อซีก็รีบเอาโทรศัพท์มือของถังจื่อโม่ออกมาเปิดดู แล้วหาเบอร์โทรของเย่ซือเฉิน ยื่นให้พนักงานต้อนรับ
เลขาหรวนมองตากันกับพนักงานต้อนรับ จากนั้นก็มองไปที่เบอร์โทรในโทรศัพท์มือถือถังจื่อซีทันที
เลขาหรวนมองอย่างละเอียดหนึ่งรอบ แล้วขมวดคิ้ว : “นี่ไม่ใช่เบอร์โทรที่ท่านประธานใช้อยู่ประจำนะ”
แต่เบอร์โทรนี้เธอเคยเห็นมาก่อน เหมือนเคยเห็นเลขาหลิวโทรหา ตอนนั้นเลขาหลิวหาท่านประธานไม่เจอ เลยโทรหาด้วยเบอร์โทรนี้ เธอเป็นคนความจำดีมาก โดยเฉพาะเรื่องตัวเลข พูดได้ว่าเพียงแค่เห็นผ่านตาก็จำได้ไม่ลืม
ฉะนั้นเธอมั่นใจว่าเป็นเบอร์โทรเดียวกัน
ตอนนั้น ท่าทางของเลขาหลิวดูน้อบน้อมมาก เมื่อโทรศัพท์เสร็จแล้ว ก็รีบจัดการธุระทันที
ดังนั้น เธอคิดว่าเบอร์โทรนี้น่าจะเป็นเบอร์โทรส่วนตัวของท่านประธาน
เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของท่านประธาน คนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้แน่นอน แล้วเด็กสองคนนี้มีเบอร์โทรนี้ได้ยังไงกัน?
หรือว่า เด็กสองคนนี้จะเกี่ยวข้องกับท่านประธานจริง ๆ ?
เลขาหรวนมองไปที่ถังจื่อโม่อีกครั้ง ค่อย ๆ มองอย่างละเอียด แล้วพบว่าเมื่อมองอย่างละเอียดนั้น เด็กชายคนนี้ค่อนข้างคล้ายกับท่านประธานอยู่เหมือนกัน
ฉะนั้น เด็กสองคนนี้จะเป็นลูกของท่านประธานจริง ๆ น่ะเหรอ?
ขณะนี้ เวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว คุณชายสามเย่ที่จริง ๆ ควรจะประชุมอยู่นั้นได้กำลังนอนกอดภรรยาแสนสวยของตัวเองอยู่ ไม่ได้ไปทำงาน และก็ไม่ได้ไปทำงานนอกสถานที่ด้วย
นอนไม่สบายตัวอีกคืนแล้ว เวินลั่วฉิงที่เพิ่งหลับได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์
เย่ซือเฉินขมวดคิ้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โทรศัพท์ของใครกัน?
เวินลั่วฉิงขยับตัว รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ปวดยิ่งกว่าเมื่อวานอีก
ไอบ้าเย่ซือเฉินนี่ไม่ใช่คนหรือยังไงกัน เวินลั่วฉิงแอบด่าในใจ จากนั้นก็ยื่นมือไปควานหาโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด
ที่จริงโทรศัพท์อยู่ไม่ห่างจากเธอเลย แต่เธอเหนื่อยมาก ปวดเมื่อยไปทั้งตัว เลยควานหาโทรศัพท์อยู่ครู่ใหญ่ถึงจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เมื่อหยิบโทรศัพท์ได้แล้ว เวินลั่วฉิงเห็นหน้าจอโทรศัพท์ก็สะดุ้งตื่นตาสว่างทันที
เธอแอบถอนหายใจ ค่อย ๆ หันไปดูเย่ซือเฉินที่นอนอยู่ข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง
เย่ซือยังไม่ตื่นนอน คุณชายสามเย่รู้สึกเหนื่อยมาก คืนก่อนก็นอนไม่หลับ วันถัดมายังไม่ทันหกโมงเช้าก็ต้องรีบไปขึ้นเครื่องบิน เมื่อคืนได้ยินเรื่องที่เล้งหรงไปพูดเรื่องแต่งงานที่บ้านตระกูลเวิน ยังไม่ทันจะได้พักผ่อนก็รีบกลับมาทันที เมื่อคืนก็จัดหนักทั้งคืนอีก
คุณชายสามเย่ในตอนนี้ถ้าไม่เหนื่อยก็คงจะแปลกมาก ฉะนั้นแม้โทรศัพท์จะดังแค่ไหนก็ไม่ทำให้เขาตื่นได้
เวินลั่วฉิงเห็นเขาหลับลึก ก็เม้มปาก จากนั้นก็เอามือที่พาดเอวเธออยู่นั้นออก แล้วค่อย ๆ ลุกจากเตียง
เธออยากไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียง
แต่ทันใดนั้น เอวของเธอก็ถูกดึงไปโอบอีกครั้ง แล้วเธอก็ถูกเขาดึงกลับไปกอดแน่น ๆ อยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง
“จะไปไหน?” เย่ซือเฉินลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองไปที่เธอ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงเมื่อกี้หยุดดังแล้ว แต่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันจะไปรับโทรศัพท์” เวินลั่วฉิงจับโทรศัพท์อยู่ แล้วขยับตัวอยากจะลุกออกไป
“ก็รับสายที่นี่” เย่ซือเฉินขมวดคิ้วด้วยท่าทีไม่พอใจ มือโอบเอวเธอแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
รับโทรศัพท์ก็ต้องแอบรับสายไม่ให้เขารู้เหรอ? ใครโทรเข้ามากันแน่?
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ นายคนนี้นี่ยิ่งอยู่ยิ่งบ้าอำนาจเข้าเรื่อย แค่เธอรับโทรศัพท์เขาก็ต้องคอยคุม
ที่สำคัญคือเป็นคุณปู่โทรเข้ามา เมื่อคืนเย่ซือเฉินอยากไปบ้านตระกูลเวิน แต่คุณปู่ไม่อยู่บ้าน สุดท้ายเลยไม่ได้เข้าไป ถ้าหากตอนนี้เธอรับสายคุณปู่ตรงนี้ เธอกลัวว่าเย่ซือเฉินจะพูดอะไรที่น่าตกใจออกไป
ถ้าหากคุณปู่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่ซือเฉินล่ะก็ เธอไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมาเลย
“นายปล่อยฉันก่อนสิ นายกอดอยู่แบบนี้ฉันจะรับสายยังไง?” เวินลั่วฉิงยังคิดที่จะหลบหลีกเขา เพื่อหาที่เงียบ ๆ รับโทรศัพท์
“ไม่อยากรับก็ตามใจ พวกเราหาอย่างอื่นทำกันดีกว่า” เย่ซือเฉินพลิกตัว เอาหน้าซุกไปที่คอของเธอ จากนั้นก็พรมจูบไปทั่ว
โทรศัพท์เวินลั่วฉิงเงียบไปอีกครั้ง เวินลั่วฉิงถอนหายใจออกมา แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก ยังคงเป็นคุณปู่เวินที่โทรมา
เวินลั่วฉิงกำโทรศัพท์แน่น เย่ซือเฉินเงยหน้าขึ้นมาทันที ปรายตามองเธอ จากนั้นก็มองไปที่จอโทรศัพท์เห็นเป็นชื่อคุณปู่
คุณปู่! เห็นชัดว่าเป็นคุณปู่เวิน
สายเรียกเข้าจากคุณปู่เวิน เธอต้องแอบรับสายด้วยเหรอ?
ฉลาดอย่างเขา เข้าใจความคิดเธอได้ดี แค่กลัวคุณปู่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเย่ซือเฉินก็มืดลง เขามันน่าอับอายขนาดนั้นเลยเหรอ?
เธอถึงได้กลัวคุณปู่เวินรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาขนาดนี้?
“ทำไม? เหนื่อยมากเกินไปรึไง ถึงไม่มีแรงรับสาย หรือจะให้ฉันช่วยรับสายให้เธอ?” เย่ซือเฉินรั้งตัวไว้ ดวงตาคู่นั้นหรี่ลง มองไปยังเธอ น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มแต่เหมือนแอบแฝงไปด้วยคำขู่
เขาแสดงออกอย่างชัดเจนมาก ว่าถ้าเธอไม่รับสาย เขาก็จะรับสายเอง!!
เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าเรื่องแบบนั้น เขากล้าทำมันแน่นอน
อีกทั้งตอนนี้คุณปู่โทรเข้ามาไม่หยุด ถ้าหากเธอไม่รับสาย เรื่องก็คงไม่จบง่าย ๆ แน่ เวินลั่วฉิงคิดว่าคุณปู่คงมีเรื่องด่วนอะไร ถ้าหากเธอไม่รับสาย คุณปู่จะเป็นห่วงเอาได้
และเวินลั่วฉิงก็รู้ดีว่า เย่ซือเฉินไม่ยอมปล่อยให้เธอไปไหนแน่ เย่ซือเฉินต้องการให้เธอรับสาย และจำเป็นต้องรับสายอยู่ตรงนี้ด้วย
ถ้าหากเธอไม่รับสาย เย่ซือเฉินไม่ยอมแน่
คนพวกนี้ทำให้เธอปวดหัวเสียจริงเชียว!
เวินลั่วฉิงฝืนยกหัวขึ้นมากดรับสาย
ครึ่งตัวของเย่ซือเฉินทับอยู่บนตัวเธอ เมื่อเห็นเธอรับโทรศัพท์แล้วก็ยิ่งเข้าใกล้เธอมากยิ่งขึ้น
เวินลั่วฉิงตัวแข็งทื่อ ตกใจจนเหงื่อแตก โชคดีที่เย่ซือเฉินไม่ได้ทำอะไรอีก
“ฉิงฉิง ทำไมเพิ่งรับโทรศัพท์ ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?” เมื่อรับสาย น้ำเสียงเป็นห่วงของคุณปู่เวินก็ดังออกมา
“คุณปู่ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” เวินลั่วฉิงพยายามไม่ให้น้ำเสียงตัวเองผิดปกติ แต่ตอนนี้เย่ซือเฉินทับตัวเธออยู่ อีกทั้งนิ้วของเขายังลูบไปตามผิวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่
“อืม ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ปู่โทรหาหนูเพราะมีเรื่องจะบอกหนู ปู่มีเรื่องด่วนต้องไปทำ จะไม่อยู่ที่เมือง A สักระยะหนึ่ง หนูต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
คุณปู่เวินบอกว่าจะไม่อยู่เมือง A ซักระยะหนึ่ง นั่นหมายความว่าจะไม่อยู่หลายวัน!!