บทที่ 272 แม่หญิงแห่งตระกูลเวินที่เก่งกาจไร้เทียมทาน
เวินลั่วฉิงจ้องไปที่เขา แล้วหัวเราะออกมา หัวเราะออกมาเพราะความโกรธ ดวงตาเธอเป็นประกาย แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า : “ทำไมจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน เกี่ยวข้องกันอย่างมากเลยแหละ เล้งหรงไปขอแต่งงาน คน ๆ นั้นก็คือฉัน ฉันก็ต้องกลับไปสิ…”
เวินลั่วฉิงรู้ดี ว่าการที่เธออธิบายอะไรตอนนี้ เย่ซือเฉินก็ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น ถึงขนาดไม่เปิดโอกาสให้เธออธิบายอะไรเลย
ทุกครั้งที่เธอเอ่ยพูด พูดได้ไม่ถึงครึ่ง ก็ถูกเขาขัดจังหวะขึ้นมา เธอรู้สึกว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้ทำตัวเหมือนเด็กอายุสามขวบ พูดอะไรไปก็ไม่ฟัง ไร้เหตุผลสิ้นดี ไม่ว่าเธอพูดอะไรไปเขาก็ไม่ยอมรับฟัง ซ้ำยังเอาสิ่งที่เขาคิดมาทับถมในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาอีก
ฉะนั้น ตอนนี้เธอจึงต้องทำตรงกันข้ามกับเขา
ปรากฏว่าครั้งนี้ เย่ซือเฉินไม่พูดขัดจังหวะเธอแล้ว แต่บีบมือเธอจนแน่นยิ่งขึ้นไปอีก ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม่นไปที่เธอ เขาโกรธจนดูบ้าราวกับจะกลืนเธอเข้าไปทั้งตัว
เวินลั่วฉิงแอบคิดในใจ ถ้าหากใช้สายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้เธอน่าจะถูกสายตาของเย่ซือเฉินจ้องจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว
เธอคิดว่าถ้าเป็นคนอื่น คงถูกขู่ให้กลัวจนล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว
โชคดีที่เธอใจกล้า
ในขณะที่ความบ้าของเย่ซือเฉินกำลังจะปะทุออกมานั้น เวินลั่วฉิงก็จ้องไปที่เขา แล้วยิ้มออกมา ครั้งนี้เธอฉีกยิ้มกว้างมาก : “แต่ว่าฉันไม่ตอบตกลงอยู่แล้ว เพราะเล้งหรงแก่กว่านาย หล่อสู้นายไม่ได้ ไม่มีเงินมากเท่านาย ไม่ได้เก่งกาจเหมือนนาย แล้วทำไมฉันต้องตอบตกลงด้วย นายคิดสิ คุณสามี”
เย่ซือเฉินอึ้งไป ดวงตาที่จ้องเขม่นเธอเอาเป็นเอาตายกลับเปลี่ยนเป็นกระพริบตาปริบ ๆ ดูซื่อ ๆ บื้อ ๆ น่ารักขึ้นมาทันที
จากนั้น สีหน้าของคุณชายสามเย่ที่ดูขึงขังก็ดูอบอุ่นขึ้นทันที สายตาที่ดูคลั่งจนน่ากลัวนั้นก็ดูจะหายไปในชั่วพริบตา ความกดดันภายในรถดูท่าจะสลายหายไปกลับสู่สภาวะปกติ
“เหอะ” คุณชายสามเย่ยังคงทำท่าทีหยิ่งผยองพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่มุมปากก็ยกขึ้นด้วยท่าทีที่สงสัยอยู่เล็กน้อย ถือว่าเธอมีสายตาเฉียบแหลม
เวินลั่วฉิงเป็นพวกรู้จักสังเกตได้ดีมาก เธอรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้คุณชายสามเย่รู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว
เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
ความฉลาดของเวินลั่วฉิงคือเธอรู้ดีว่าไม่ควรต่างฝ่ายต่างแข็งใส่กัน เธอรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
เรื่องนี้ถ้าหากเป็นคนอื่นนั้น ไม่รู้จะอาละวาดโวยวายขนาดไหน แต่สำหรับเวินลั่วฉิงนั้น ถึงแม้คุณชายสามเย่จะไร้เหตุผลขนาดไหน แต่เธอก็สามารถเอาอยู่
“ที่รักคะ พวกเราจะจอดรถอยู่ตรงนี้อีกนานแค่ไหน?” เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าจอดรถอยู่ตรงนี้ตลอดคงไม่เหมาะเท่าไหร่ ตรงนี้อยู่ใกล้กับบ้านตระกูลเวินมาก อีกอย่างเล้งหรงก็ยังอยู่ด้านนอกนั่น
แต่เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าให้ออกไปจากที่นี่
คุณชายสามเย่ถูกเวินลั่วฉิงปลอบประโลมไปไม่น้อยแล้ว แต่อยู่ ๆ เขาก็นึกถึงตอนที่เวินลั่วฉิงกำลังจะขึ้นรถ คำพูดที่เล้งหรงพูดออกมานั้น ทำให้สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง : “เธอกับเล้งหรงสัญญาอะไรกันไว้?”
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ นายคนนี้ไม่จบไม่สิ้นหรือไง?
เธอกับเล้งหรงสัญญาอะไรกันไว้น่ะเหรอ เป็นเธอที่อยากหลีกหนีเล้งหรงซะมากกว่า
เย่ซือเฉินที่ปกติเป็นคนฉลาดหลักแหลมคนนั้นหายไปไหนแล้ว? ถึงขนาดดูไม่ออกว่าเล้งหรงจงใจพูดให้เขาเข้าใจผิด หรือว่าวันนี้เย่ซือเฉินลืมเอาสมองออกมาจากบ้าน?!
ดังนั้นคุณชายสามเย่ในวันนี้เลยทำตัวเหมือนเด็กสามขวบ
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าจะรับมือกับสามเย่ที่ทำตัวเป็นเด็กสามขวบนั้น คงจะใช้ไม้อ่อนเฉย ๆ ไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งกับเขา
เวินลั่วฉิงแกล้งชักสีหน้า แสดงสีหน้าโกรธออกมา : “เย่ซือเฉิน เล้งหรงเป็นเมียนาย หรือฉันเป็นเมียนายกันแน่”
“ก็เธอน่ะสิ” เย่ซือเฉินตาเป็นประกายเล็กน้อย ภรรยาของเขาก็ต้องเป็นเธอสิ เธอถามอะไรแปลกพิกล ตอนนี้เขาเกลียดไอเจ้าเล้งหรงนั่นจนแทบอยากกำจัดให้สิ้นซาก
แต่คุณชายสามเย่ก็มองออกว่าตอนนี้ภรรยาตัวเองโกรธขึ้นมาแล้ว
เมื่อเห็นภรรยาตัวเองโกรธ คุณชายสามเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก สีหน้าขึงขังก็ค่อย ๆ หายไป
“งั้นนายเชื่อคำพูดของคนนอกอย่างเขา หรือเชื่อคำพูดฉัน?” เวินลั่วฉิงมองท่าทางของเขา แอบหัวเราะอยู่ในใจ แต่ยังคงแกล้งชักสีหน้าอยู่อย่างนั้น กลั้นไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมา
“เชื่อเธอไง เชื่อคำพูดของเมียฉันไง” ในขณะนี้ คุณชายสามเย่ตอบด้วยความเชื่อฟัง อืม เธอไม่ได้มองผิดไป เขาเชื่อฟังจริง ๆ !
“อืม งั้นก็ดี” เวินลั่วฉิงโล่งอกไปที เรื่องนี้น่าจะผ่านไปได้แล้วมั้ง
ตายแล้ว ๆ ทำไมเธอรู้สึกว่าคุณชายสามเย่ยังเอาใจยากยิ่งกว่าเด็กซีที่บ้านเธออีกนะ! ส่วนเด็กโม่ที่บ้านเธอนั้น ยิ่งเทียบไม่ติดเลยหล่ะ
แต่คุณชายสามเย่ที่ว่านอนสอนง่ายนั้นเชื่อฟังได้ไม่ถึงสามวินาที ทันใดนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด จับเธอจูบอย่างดุเดือด
เขาที่จูบเธออย่างดูดดื่มในตอนนี้ดูบ้าบิ่นอย่างมาก มือของเขาบีบคลำไปที่หน้าอกของเธออย่างแรง เขาบีบแรงจนเวินลั่วฉิงรู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงรู้สึกตกใจ เมื่อกี้ไม่ใช่ดีขึ้นมาแล้วเหรอ? ทำไมอยู่ ๆ บ้าขึ้นมาอีกเนี่ย?
เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้ที่เวินลั่วฉิงปลอบประโลมเขานั้น ปลอบได้เพียงแค่อารมณ์โกรธของเขา แต่ไม่ได้รวมถึงเรื่องอื่น
แต่ก็ถือว่าเย่ซือเฉินในตอนนี้ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขารู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่บนรถ เล้งหรงและเลขาหลิวก็อยู่ด้านนอกนั่น ดังนั้นเขาจึงไม่ทำอะไรเธอบนรถแน่นอน
ชั่วครู่หนึ่ง เขาก็ปล่อยเธอ เก็บกดความต้องการของตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็โทรหาเลขาหลิว : “ขึ้นมาขับรถ”
เลขาหลิวรับคำสั่ง ก็รีบเปิดประตูขึ้นรถทันที
เมื่อประตูรถเปิดออก เล้งหรงมองเห็นเวินลั่วฉิงที่นั่งอยู่เบาะหลังผ่านประตูรถ เมื่อเห็นเวินลั่วฉิงไม่มีอะไรผิดปกติ เสื้อผ้ายังเรียบร้อยอยู่ ดูนิ่งสงบ ราวกับว่าขึ้นรถแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
เล้งหรงนิ่งอึ้งไป แววตาเป็นประกาย รู้สึกสับสนว่าเมื่อสักครู่บนรถนั้น ตกลงเย่ซือเฉินได้ทำอะไรกับเธอหรือเปล่า?
แต่คำถามพวกนี้ก็ไม่มีใครตอบ จากนั้นเลขาหลิวก็ปิดประตูรถ
“ท่านประธาน จะกลับเลยเหรอ?” เลขาหลิวลองแกล้งถามดู
“ไปบ้านตระกูลเวิน” เย่ซือเฉินตอบกลับอย่างรวดเร็ว ชัดเจนว่าเขาไม่ได้เพิ่งตัดสินใจ แต่เขาคิดเอาไว้นานแล้ว
เล้งหรงไปพูดเรื่องแต่งงานถึงบ้านตระกูลเวินแล้ว ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรบ้าง ภรรยาของเขาคงถูกคนอื่นแย่งไปแน่
“ไปบ้านตระกูลเวิน? ทำไม? ทำไมต้องไปบ้านตระกูลเวิน?” เวินลั่วฉิงตกใจมาก ทำไมต้องไปบ้านตระกูลเวิน เขาจะไปทำอะไรที่บ้านตระกูลเวินตอนนี้?
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” เย่ซือเฉินปรายตามองเธอนิ่ง ๆ เห็นท่าทีของเธอแล้ว เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“สามีขา ดึกแล้วนะ พวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ” เวินลั่วฉิงเข้าไปซบเขา ซบที่อกของเขา ออดอ้อนเขา
เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าการที่เขาไปพบกับคุณปู่นั้นจะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้น เธอจะให้เย่ซือเฉินไปบ้านตระกูลเวินไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่ต้องรีบหรอก ไปบ้านตระกูลเวินใช้เวลาไม่นาน” คุณชายสามเย่ยื่นมือไปโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด ดื่มด่ำกับการออดอ้อนออเซาะของเธอ แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ