บทที่114 พ่อลูกพบหน้า มีเรื่องให้พูดคุยกัน (2)
“เอาล่ะ ดึกมากแล้ว เธอควรนอนซะที พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอนุบาลอีกนะ” ถังจื่อโม่เห็นว่าน้องสาวทำหน้าเป็นเด็กขี้สงสัยอีกแล้ว รู้ได้เลยว่าต้องมีเรื่องจะถามแน่นๆ เขาจึงได้ทำลายความคิดของเธอซะ
ถึงแม้ถังจื่อซีจะดื้อในบางครั้ง แต่ก็เชื่อฟังพี่ชายที่สุด และเธอก็รู้ว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วคลานไปที่เตียงนอนของตัวเองอย่างว่าง่าย
วันรุ่งขึ้น ตระกูลเย่ได้ออกประกาศ เกี่ยวกับเรื่องการลุงทนจิวเวลรี่ของตระกูลเย่
ประมาณว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนคุณปู่บ้านของตระกูลเย่กับเย่ซือเฉินได้ลงมาติกันแล้ว
ว่าตระกูลเย่จะเลือกบริษัทจิวเวลรี่ที่มีความสามารถมากที่สุดมาร่วมลงทุน เนื่องจากต้องการที่มีความสามารถมากที่สุด เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการเรื่องแข่งขันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ว่าบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ได้เน้นอย่างชัด ว่ากิจกรรมครั้งนี้จะดูแค่การออกแบบผลงานเท่านั้น
สำหรับดูผลงานกันยังไง บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปนั้นไม่บอกไว้ แล้วสำหรับรายละเอียดการแข่งนั้น บริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ก็ไม่ได้บอกไว้เหมือนกัน
บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปแค่ระบุอย่างชัดเจนว่าผลการสุดท้ายนั้นมีท่านประธานของพวกเขามาตัดสินด้วยตัวเอง และนอกจากนี้ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องถูกตาถูกใจท่านประธานของเขานั้นเอง
ทันที่ที่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปได้ประกาศออกไป บริษัทที่ทำธุรกิจด้านจิวเวลรี่ต่างๆก็เริ่มเตรียมการ การได้ร่วมงานกับบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปนั้นช่างเป็นอะไรที่น่าใฝ่ฝันยิ่งนัก และครั้งนี้บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปก็อธิบายอย่างชัดเจนว่าเป็นการร่วมลงทุนด้วย
เรื่องแบบนี้ใครไม่อยากได้
ใครไม่อยากได้ก็เป็นคนโง่แล้วล่ะ
แต่ว่า ใครก็รู้ว่าคุณชายสามเย่นั้นเป็นนักธุรกิจที่เก่งจนเปรียบไม่ได้และเป็นนักธุรกิจแนวหน้าอีกด้วย ผลงานที่ทำให้เขาต้องตาได้นั้น จะต้องโด่งเด่นเอามากๆ
ทว่า ถ้าเป็นแบบนี้ บริษัทใหญ่ บริษัทเล็กพวกบริษัทจิวเวลรี่ทั้งหลายก็รู้ว่ามีโอกาสเท่าเทียบกัน เพียงแค่เอาผลงานที่ดีที่สุดออกมาได้ก็พอ
บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าออกกิจกรรมต่างจากทุกครั้ง ถ้าเป็นไปได้โอกาสนี้ตกมาทับหัวตัวเองล่ะ
ทันที่ที่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปได้ออกประกาศ ก็เหมือนได้สร้างคลื่นที่สั่นสะเทือนให้กับธุรกิจด้านจิวเวลรี่ และได้ทำให้ทั่วทั้งจิวเวลรี่ได้คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนแรกนั้น หลายบริษัทเล็กนั้นก็มีความกังวลอยู่บ้าง จากเดิมที่แค่อยากจะมาดูเพื่อสนุกเท่านั้น
เพราะเห็นว่าพนักงานบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปนั้นปฏิบัติเท่าเทียบกัน และบริการพวกบริษัทเล็กนั้นอย่างดีเยี่ยม จึงทำให้บริษัทจิวเวลรี่ทั้งหลายแข่งกันมาลงทะเบียนที่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ป
ลองแล้วถึงจะมีโอกาส แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่มีโอกาสอย่างแน่นอน
ในขณะที่ ทั่วทั้งสื่อเมืองAได้รายงานข่าวเรื่องนี้ แน่นอน สิ่งที่ทุกคนรอดูคือสุดท้ายแล้วบริษัทไหนจะได้ชนะกันแน่น
แน่นนอน เรื่องนี้ถูกคาดเดากันไปต่างๆนานมากมาย
ในเวลาประมาณบ่ายสี่ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียวได้ถูกนักข่าวรุมล้อมมาสัมภาษณ์ในที่ทำงานของเธอ
“คุณเฉียว ได้ข่าวว่าช่วงก่อนท่านประธานคุณชายสามเย่ของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปเคยเสนอจะลงทุนกับตระกูลเฉียว จิวเวลรี่ เป็นเรื่องจริงไหมคะ “นักข่าวคนหนึ่งได้เบี่ยงตัวเองขึ้นมาข้างหน้า แล้วยื่นไมค์มาให้เธอข้างหน้า
เฉียวหยูหนานมองไปยังนักข่าวท่านนั้น แล้วยิ้มเบาๆ : “พี่ซือเฉินเคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่ว่าฉันอยากใช้ความสามารถในการชนะมากกว่าค่ะ”
คำพูดนี้ของเธอตอบได้งุนงง เธอยอมรับเรื่องนี้ก่อน จากนั้นแล้วค่อยเติมไปอีกคำ กลับยิ่งทำให้คนอื่นสงสัยมากขึ้น
“ถ้าหากคุณชายสามเย่เคยเสนอลงทุนกับตระกูลเฉียว มาก่อน แล้วทำไมถึงได้จัดกิจกรรมนี้อย่างเปิดเผยค่ะ” นักข่าวตามถามคำถามต่อ
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ชัดอะไรค่ะ มันเป็นการตัดสินของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ป สิ่งที่ฉันต้องทำนั้นคือทำสุดความสามารถของตัวเองค่ะ”ใบหน้าเฉียวหยูหนานยังคงมีรอยยิ้มเช่นเดิม แล้วตอบคำถามได้อย่างเหมาะสม
” ใครๆก็รู้ว่าคุณเฉียวเป็นอัจฉริยะด้านดีไซน์ ด้วยเหตุนี้ การแข่งขันครั้งนี้สุดท้ายแล้วคนที่ชนะก็คือคุณเฉียว” นักข่าวอีกท่านได้ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว
“ใช่ค่ะ พรสวรรค์ด้านดีไซน์ของคุณเฉียวนั้น เป็นที่รู้แจ้งกันทั่ว กิจกรรมครั้งนี้ของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปนั้นคุณเฉียวจะต้องโด่งเด่น จนคว้าชัยชนะมาได้แน่ จากผลงานดีไซน์ของคุณเฉียวแล้วคงไม่มีใครชนะคุณเฉียวได้แน่ค่ะ”และแล้วก็เริ่มคนเริ่มประจบประแจงขึ้นมา
“พวกคุณอย่าพูดไปเรื่อย เหนือฟ้ายังมีฟ้านะคะ……”เฉียวหยูหนานยิ้มด้วยสีหน้าอย่างถ่อมตัว
“คุณเฉียวอย่าถ่อมตนไปเลยค่ะ คุณเฉียวนั้นเป็นถึงนักเรียนดีเด่นของ มหาวิทยาลัย RประเทศM มหาวิทยาลัยR ประเทศMนั้นเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดี่ที่สุดในโลก ไม่ใช่ทุกคนก็สามารถเรียนที่ มหาวิทยาลัยR ก็ได้เรียน นักเรียนในมหาวิทยาลัยR ช่างเก่งกาจทุกคน ดีเยี่ยมทุกคนเลย”มีนักข่าวท่านหนึ่งไม่รอให้คุณเฉียวพูดจบ ก็พูดแทรกขึ้นมา
“ใช่ ใช่ คุณเฉียวเหมือนจะเป็นผู้หญิงคนแรกของเมืองAที่สอบเข้ามหาวิทยาลัย Rใช่ไหม” นักข่าวที่เพิ่งประจบเฉียวหยูหนานได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ พวกเธอพูดผิดแล้ว ที่จริงแล้วยังมีอีกคน ก็เป็นคุณหนูไฮโซเช่นกัน ซึ่งไฮโซคนนี้ก็ได้เรียนออกแบบเหมือนกันด้วย” นักข่าวที่ยื่นข้างๆ
เฉียวหยูหนานจากที่ไม่เคยพูดอะไรจู่ๆก็ได้เอ่ยขึ้นมา
“คือใคร ยังมีใครอีก” ทุกคนที่อยู่ในนั้นเริ่มหันไปมองนักข่าวท่านนั้น
ใบหน้าของเฉียวหยูหนานยังคงมีรอยยิ้มอ่อนๆอยู่ อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นการยิ้มอย่างมารยาท หาท่าท่าอย่างอื่นจากใบหน้าเธอไม่ได้
นักข่าวท่านนั้นเงยหน้านึกคิดแล้วรอบหนึ่ง แล้วค่อยเอ่ยชื่อหนึ่งขึ้นมา” คือคุณหนูใหญ่เวินลั่วฉิงแห่งตระกูลเวิน”
” อะไรนะ คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินเหรอ คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินนี้ได้เป็นเด็กปัญญาอ่อนตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงเรียนที่มหาวิทยาลัย Rได้ แถมยังเรียนออกแบบได้อีก”
“ได้ข่าวว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเวินนั้นเรียนมัธยมตั้งห้าปีถึงจะจบ และยังได้ยินมาว่าผลคะแนนสอบมัธยมโดยรวมของเธอนั้นได้แค่สองหลัก แล้วเขาจะเรียนที่มหาวิทยาลัย Rได้ไง”
“ได้ข่าวเธอหายจากอาการป่วยแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ถึงจะหายป่วยแล้ว อย่างมาก ก็คงไม่โง่เหมือนแต่ก่อน และคงไม่ฉลาดไปมาก เธอเรียนที่มหาวิทยาลัย Rจริงเหรอ”
ผู้คนต่างตะลึง แน่นอนว่าทุกคนต่างไม่เชื่อ และไม่เชื่ออย่างแน่วแน่
” เป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องอย่างแน่นอน ทีแรกฉันอยากทำการสัมภาษณ์คุณเฉียวโดยเฉพาะ ถึงได้ไปที่มหาวิทยาลัย Rรวบรวมข้อมูล แล้วสังเกตเห็นเรื่องนี้อย่างไม่ตั้งใจ คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินเรียนที่มหาวิทยาลัย Rมาห้าปีแล้ว “
นักข่าวท่านนั้นเล่าด้วยใบหน้าใสซื่อ เหมือนว่าพบเห็นเรื่องนี้โดยบังเอิญ
เขาพูดโดยหยุดนิ่งแล้วครั้งหนึ่ง แล้วค่อยๆเล่าเพิ่มอีกว่า”แต่ว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินยังไม่ได้รับใบประกาศนียบัตร”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง ทำไมเธอเรียนแล้วห้าปียังไม่ได้รับใบประกาศนียบัตรอีก”
“สาเหตุของคุณหนูใหญ่ตระกูลเวินนั้นเหมือนกับตอนมัธยมนั่นแหละ “นักข่าวท่านนั้นได้ค่อยๆกัดปาก แล้วส่ายหัวเบาๆ
ถึงแม้ว่าเธอจะบอกไม่สาเหตุโดยตรง แต่คำพูดนี้ก็ได้บอกความหมายทุกอย่างไปชัดเจนแล้ว และทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รับรู้อย่างเข้าใจ
เวินลั่วฉิงตอนนี้กำลังเซิร์ฟเน็ตอยู่ ก็ได้เห็นถ่ายทอดสดนี่เข้า ปากของเธอค่อยๆกระตุกขึ้นมา เขาดูออกตั้งแต่แรกว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของเฉียวหยูหนาน คำพูดพวกนี้ต้องเป็นเฉียวหยูหนานสั่งให้นักข่าวพูดแน่นอน
เฉียวหยูหนานยังไม่หยุดอีกใช่ไหม