ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 55 เขาถึงแล้ว

ตอนที่ 55 เขาถึงแล้ว

“พี่สาม นี่มันเรื่องอะไรกัน?” คุณชายห้าฉิงถึงกับงง จู่ ๆ พี่สามก็โผล่งประโยคนี้ออกมาหมายความว่ายังไง?

“ผู้หญิงในห้องสอบปากคำเมื่อกี้ อย่าให้เธอกลับไป” เย่ซือเฉินทำได้เพียงอธิบายออกมาอย่างมีความอดทน

อันที่จริงเมื่อกี้คุณชายห้าฉิงเลือกมุมได้ดีมาก หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ควรลั่วไหล คนปกติดูไม่ออกว่าเป็นห้องสอบปากคำ แต่ว่าเย่ซือเฉินเห็นแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้ว

“ทำไมครับ?” คุณชายห้าฉิงไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม พี่สามเป็นอะไรไปเนี่ย? ทำไมต้องยื้อผู้หญิงคนนั้นเอาไว้? ผู้หญิงคนนั้นเป็นถึงคนที่พี่ใหญ่แนะนำมา

“ยื้อเธอไว้ก่อน ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร” เย่ซือเฉินไม่ได้อธิบาย เพียงแต่ย้ำความหมายของเขาอีกครั้ง ไม่รอให้คุณชายห้าฉิงได้ถามอะไรอีกก็ตัดสายไป

มองดูโทรศัพท์ที่โดนวางสาย คุณชายห้าฉิงต้นสายปลายเหตุไม่เจอ ใครบอกเขาหน่อยว่าตอนนี้มันเรื่องอะไรกัน?

นี่คือคนที่พี่ใหญ่เชิญมาแท้ ๆ ทำไมพี่สามถึงให้เธออยู่ก่อน”

แต่ว่า เมื่อเห็นสถานการณ์ของห้องสอบปากคำ น่าจะไม่ใช่แค่ครู่เดียวก็สามารถสิ้นสุดได้ อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องคิดหาหนทางยื้อเธอ รอให้พี่สามมาถึงก็รู้แล้วว่ามันเรื่องอะไรกัน

“พี่ห้า นี่คือสาวน้อยที่เพิ่งมาทำงานที่สำนักงานพวกของพี่เหรอ?” ในกลุ่ม จี้หซีอายุน้อยที่สุด ความขี้สงสัยก็เยอะที่สุด

“ไม่ใช่ พี่ใหญ่แนะนำมาให้จัดการคดีนี้” คุณชายห้าฉิงกำลังคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ เมื่อเห็นคำพูดของจี้หซี ก็ตอบไปประโยคนึง ระหว่างพวกเขาหกคนสามารถเชื่อใจกันและกันได้

แน่นอนว่า คุณชายห้าฉิงก็อยากจะลองเชิงท่าทีของพี่ใหญ่ อยากจะรู้ความเป็นไปเป็นมาของผู้หญิงคนนี้ ทำไมเขาเพียงแค่ส่งรูปแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นก็สามารถดึงดูดพี่สามมาได้

“พี่ใหญ่หละ?” คุณชายสี่ถังเดิมทีไม่ได้สนใจแล้ว มองเห็นประโยคนี้ จึงรีบแสดงตัวออกมา

“คนของพี่ใหญ่? คือพี่สะใภ้ใหญ่เหรอ?” สำหรับคำตอบของเรื่องนี้จี้หซีก็ประหลาดใจอย่างมาก เมื่อกี้คุณชายห้าฉิงพูดว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ๆ ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของจี้หซีก็คือความคิดนี้

เย่ซือเฉินเดินออกมาจากลิฟท์พอดีก็เห็นคำพูดแนวนี้ของจี้หซี สีหน้าเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด

“อันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ คงต้องถามพี่ใหญ่ถึงจะถูก” คุณชายห้าฉิงกระตุกมุมปาก ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง ๆ เรื่องนี้ก็คงสนุกแน่ แต่ว่า พี่ใหญ่ไม่มีการตอบเลย

ในห้องสอบปากคำ หลิวต้าลู่ถามคำถามเหมือนตามปกติ เวินลั่วฉิงยังคงนั่งอย่างเงียบสงบอยู่ ไม่ได้พูดอะไร

คุณชายห้าฉิงเลิกคิ้วนิดหน่อย ผู้หญิงคนนี้เก่งขนาดนั้นอย่างที่พี่ใหญ่พูดจริงเหรอ? แต่เขาดูไม่ออกเลยสักนิด

แถมยังบอกว่าจะมาช่วยแก้ไขคดี แต่ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เธอก็นั่งอยู่แบบนั้นตลอด แม้แต่พูดสักประโยคก็ยังไม่มี จนกระทั่งคุณชายห้าฉิงคิดถึงคำเปรียบเทียบที่ว่า “ดูแต่รูปจูบไม่หอม”

คดีนี้จัดการได้ยากเกินไปจริง ๆ เป็นคดีฆาตกรรมหั่นศพหลายราย ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้งหมดคือผู้หญิง พวกเขาพบคราบเลือดบนเล็บของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อคนหนึ่ง หลังจากผ่านการตรวจสอบเลือดพวกนั้นพบว่าไม่ใช่เลือดของเหยื่อ และพบเส้นผมสั้นในศพที่ถูกหั่นของเหยื่ออีกรายหนึ่ง

ผลการตรวจพิสูจน์พบว่าคราบเลือดในเล็บของเหยื่อรายแรกเป็นคนเดียวกับเส้นผมนั่น DNAเหมือนกัน จากนั้นผ่านการตรวจสอบหลากหลายวิธี พวกเขาสือบค้นถึงมู่เส้าป๋าย เพราะว่าDNAของมู่เส้าป๋ายกับผลการตรวจของพวกเขาตรงกัน

แต่ว่ากลับมีหลักฐานว่ามู่เส้าป๋ายไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ และมีคนเป็นพยานว่ามู่เส้าป๋ายไม่อยู่ในที่เกิตเหตุไม่น้อย เวลาที่ผู้หญิงคนแรกที่ได้รับบาดเจ็บ มู่เส้าป๋ายกำลังประชุมอยู่ ในเวลานั้นทุกคนในห้องสามารถเป็นพยานให้เขาได้ ส่วนครั้งที่สอง มู่เส้าป๋ายไปทำงานนอกสถานที่ที่ทวีปยุโรป

เป็นเพราะมีหลักฐานว่ามู่เส้าป๋ายไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แถมหลักฐานก็มากเพียงพอ ดังนั้น พวกเขาทำได้เพียงกักตัวมู่เส้าป๋ายเอาไว้ ไม่สามารถลงบันทึกได

เวลากักตัวนานสุดไม่สามารถเกินยี่สิบวัน ฐานะของมู่เส้าป๋ายก็ไม่ธรรมดา และทนายของมู่เส้าป๋ายยืนยันว่ามีคนใส่ร้ายมู่เส้าป๋าย พวกเขาก็หาหลักฐานอย่างอื่นที่มีประโยชน์ไม่พบ ดังนั้น ครั้งก่อน ในที่สุดพวกเขาก็ต้องปล่อยมู่เส้าป๋ายไป แต่หลังจากที่มู่เส้าป๋ายออกไปได้ครึ่งปี ก็มีเด็กผู้หญิงสองคนถูกฆ่าตายในลักษณะเดียวกัน

ดังนั้นครั้งนี้ เขาก็เชิญมู่เส้าป๋ายกลับมาอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ มู่เส้าป๋ายก็มีหลักฐานว่าไม่ได้ในที่เกิดเหตุอีกเหมือนเดิม แถมครั้งนี้บนตัวของเหยื่อก็ไม่พบหลักฐานอะไรที่เกี่ยวกับมู่เส้าป๋าย

แต่ว่าจากประสบการณ์การทำคดีหลายปีของคุณชายห้าฉิงบอกเขาว่า เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมู่เส้าป๋ายแน่นอน

เมื่อเห็นว่าเวลาสิ้นสุดการกักตัวใกล้จะมาถึงแล้ว คุณชายห้าฉิงร้อนใจ กลัวว่าถ้าหากปล่อยมู่เส้าป๋ายไปแบบนี้อีก ก็จะมีคนที่ตกเป็นเหยื่ออีก ดังนั้นช่วยไม่ได้ที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่ ใครก็รู้ว่าคนมีความสามารถในมือพี่ใหญ่เยอะแยะ

เพียงแต่ว่า คุณชายห้าฉิงคิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะส่งคนแบบนี้มาให้เขา! มองไปที่แผ่นหลังของผู้หญิงในห้องสอบปากคำ คุณชายห้าฉิงแอบส่ายหัว

แต่ไหนแต่ไรมาพี่ใหญจัดการเรื่องได้น่าเชื่อถือ ครั้งนี้หมายความว่างยังไง?

“คุณมู่ชอบสีอะไรคะ?” คุณชายห้าฉิงกำลังครุ่นคิดอยู่ เวินลั่วฉิงที่อยู่ในห้องสอบปากคำจู่ ๆ ก็เอ่ยปากขึ้น

ในที่สุดก็ได้เธอพูดออกมา คุณชายห้าฉิงดีใจก่อน แต่เมื่อได้ยินคำถามที่เธอถามออกมา สีหน้าเคร่งขรึมชั่วขณะ นี่มันอะไรกับอะไร? เวลานี้คือเวลาคุยเรื่องนี้เหรอ?

“สีขาว” มู่เส้าป๋ายก็อึ้งนิดหน่อย แต่ว่าก็ตอบคำถามของเธอ

“สีขาวดีนะ สีขาวสะอาดบริสุทธิ์” เวินลั่วฉิงพยักหน้าอย่างจริงจังมาก “งั้นภรรยาของคุณมู่ต้องเป็นคนที่เงียบสงบ สวยมาก และอ่อนโยนมากแน่ ๆ”

“ฉันไม่มีภรรยา” มู่เส้าป๋ายตื่นตระหนกเล็กน้อย มองไปในตาของเวินลั่วฉิงที่เคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด

ใบหน้าของคุณชายห้าฉิงกลับเคร่งขรึมขึ้นอีก ตอนที่เธอมาพูดว่าสอบปากคำปกติ เขานึกว่าเธอรู้เกี่ยวกับคดีอย่างแจ่มแจ้ง แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว เธอไม่รู้อะไรเลยสักนิด

ถึงแม้ว่ามู่เส้าป๋ายอายุสี่สิบห้าปีแล้ว แต่ก็ยังไม่แต่งงาน จะมีภรรยาได้ยังไง?

แถมมู่เส้าป๋ายชอบผู้ชาย เรื่องนี้ที่เมือง A ถือว่าไม่เป็นความลับอะไรแล้ว

“หา? คุณมู่ยังไม่แต่งงานเหรอคะ? งั้นไม่ทราบว่าคุณมู่ชอบผู้หญิงแบบไหนคะ?” คำพูดของเวินลั่วฉิงฟังดูเป็นกันเองมาก แต่ภายตาดวงตานั้นคือสายตาที่เฉียบแหลมมาก

ความคิดตรงกันข้ามกับคุณชายห้าฉิง ก่อนที่เวินลั่วฉิงจะมาได้ดูรายละเอียดคดีอย่างจริงจังมาแล้ว รู้ถึงรายละเอียดทุกอย่าง เรื่องที่มู่เส้าป๋ายยังไม่แต่งงาน และเรื่องที่ชอบผู้ชาย แน่นอนว่าเธอรู้อยู่แล้ว แต่ว่าจากการลองเชิงของเธอเมื่อสักครู่ ดูแล้วข้อมูลนี้ไม่น่าจะจริง มู่เส้าป๋ายชอบผู้หญิงแน่นอน

ภายนอกห้องสอบปากคำ คุณชายห้าฉิงฟังคำพูดของเธอ มีความรู้สึกอยากจะเอามือปิดหน้า นี่พี่ใหญ่หาคนแบบไหนมา? ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้แต่แรก เขาไม่ควรให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้องสอบปากคำจริง ๆ

แต่ว่า โชคดีที่เขาช่วยพี่สามรั้งเธอไว้ จากความเร็วของพี่สาม เวลานี้น่าจะใกล้ถึงแล้ว

ส่วนเย่ซือเฉินในตอนนี้ได้มาถึงแล้ว……

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset