เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว เฉินเฉินพูดไม่ออก เขารู้สึกเหมือนกับเขาติดกับดัก
โจวเหรินหลงไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เขาหันไปพูดกับมุมมืดของห้อง “โจวเฟิง พาเขาไปที ข้าเหนื่อยนิดหน่อย”
เพียงเวลาไม่นานที่เขาพูดจบ ชายหนุ่มในชุดดำปรากฏขึ้นจากเงามืดและยืนอยู่ด้านหน้าเฉินเฉิน
“ทางนี้” เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา
เขาเดินนำทางไปอย่างเงียบงัน ในขณะที่เฉินเฉินเดินตามเขาไป เขานั้นรู้ประหลาดใจ
ถ้าเขาสัมผัสได้ถูกต้องแล้ว ชายในชุดดำนี้จะต้องอยู่ในขั้นก่อกำเนิดวิญญาณหรือสูงกว่านั้น!
เพียงแค่เขาเป็นลูกศิษย์ของสาขาแรกเพียงคนเดียว นั่นไม่ได้หมายความว่าสาขาแรกจะอ่อนแอ แต่มันมีแค่ลูกศิษย์เป็นทางการน้อยแค่นั้นเอง
“ศิษย์พี่โจว ทำไมถึงมีลูกศิษย์ในสาขาขัดเกลาร่างกายน้อยจังครับ?” เฉินเฉินถาม หลังจากที่ลังเลไปสักพัก
“ที่จริงแล้วเคยมีกันอยู่สามคน แต่พวกเขาตายกันไปกว่าสิบปีแล้ว” โจวเฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย เขายังคงนิ่งเงียบต่อไป หลังจากที่ตอบคำถามเสร็จ
เฉินเฉินไม่ได้ถามอะไรต่อไป มันมีความลับหลายอย่างมากเกินในไปสำนักอสูรและเขาไม่เข้าใจพวกมันทั้งหมดได้อย่างทันที ซึ่งมันเป็นปัญหาใหญ่มาก
สิ่งที่เขาต้องการทำมากที่สุดตอนนี้ ไม่ใช่การค้นหาคำตอบของคำถามนี้ แต่มันคือการเอาเหรียญตราสื่อสารออกมาเพื่อรายงานว่าเขายังปลอดภัยดี
ยังไงก็ตามเขายังไม่กล้าที่จะทำมัน ก่อนหน้านี้ อาจารย์ของเขา เซี่ยวอู่โยวซึ่งอยู่ระดับสูงสุดของขั้นแก่นทองคำ เขาสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนของยอดเขาหลักที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรได้เลย มีเพียงแค่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้ว่าโจวเหรินหลงจะสัมผัสได้ไกลขนาดไหน
เขาจะหาโอกาสที่จะออกไปจากสาขาแรกของสำนักอสูรเพื่อที่จะหยิบแหวนเก็บของออกมาได้อย่างสบายใจ
ในช่วงเวลาเดียวกัน เขาก็ยังต้องตรวจสอบด้วยว่าไข่เต่าดำกำลังทำอะไรอยู่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินเฉินก็ได้เดินมาถึงภูเขากับโจวเฟิงโดยที่ไม่รู้ตัว
ด้านบนยอดเขาที่ถูกตัดนั้นมีพื้นสนามขนาดใหญ่อยู่
มันมีคนนับร้อยคนที่รวมตัวกันอยู่พื้นสนาม
คนที่สวมชุดดำและเขาดูมีใบหน้าที่จริงจัง พวกเขายืนกันอย่างเงียบงัน ในขณะที่มีคนหลายคนต่อสู้กันอยู่บนสังเวียนใจกลางพื้นสนาม
เฉินเฉินคุ้นเคยกับหนึ่งในพวกเขา ซึ่งก็คือหยวนฉิงเทียนที่หายตัวไปและปรากฏตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ผู้อาวุโสโจวเฟิงสามารถที่จะโดนรุมสองคนโดยฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันได้ด้วยหรอครับ?” เฉินเฉินถาม เขาชี้ไปบนสังเวียนด้วยท่าทางที่สับสน
ในเวลานี้เอง มีคนหลายคนที่สวมชุดเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาทั้งหมดต่างรุมกระทืบใส่หยวนฉิงเทียน
โจวเฟิงตอบกลับอย่างเย็นชา “นี่คือเล่ห์กลมายาของสาขาที่สาม นายน้อยเฟิงฮวน ซึ่งเขามีพรสวรรค์ในการใช้มนต์มายา
เฉินเฉินพยักหน้าเล็กน้อยและหลังจากนั้นเขาก็ตระหนักขึ้นได้ว่าพวกเขาทั้งหมดต่างมีดวงตาสีฟ้าที่ดูดุดันกันทุกคน
เมื่อเห็นการต่อสู้มันดุเดือดมาขึ้นเรื่อยๆ หยวนฉิงเทียนคำรามออกมา “เฉินเฉิน! ไอ้เวร!”
หลังจากนั้นเองเขาก็ระเบิดพลังปราณออกมาและฟาดฝ่ามือเข้าใส่หนึ่งในนั้น
ชั่วขณะต่อมา คนหลายคนก็หายไปพร้อมกันและเฟิงฮวนก็โดนส่งกระเด็นออกไปนอกสังเวียน
เมื่อเห็นดังนี้ ใบหน้าของเฉินเฉินเฉยเมยมาก เมื่อเขาเตือนตัวเองว่าอย่าไปยุ่งกับเจ้าโง่นี่
“ฮ่าๆ ใครที่จะกล้าต่อสู้กับข้าอีก?!”
หยวนฉิงเทียนหัวเราะออกมาอย่างยาวนาน หลังจากชนะการต่อสู้ที่ยากลำบาก เขาเย่อหยิ่งและดูเด็กน้อยมาก เหมือนกับเด็กน้อยที่พึ่งจะได้รับลูกอมมายังไงยังงั้น
“จางเฉิน ลูกศิษย์ของสาขาแรกต้องการที่จะเข้าร่วมบททดสอบนี้กับหยวนฉิงเทียน”
ในเวลานี้เอง โจวเฟิงพูดออกมาดังก้อง น้ำเสียงของเขาดังกระจายไปทั่วบนพื้นสนาม
เพียงเวลาไม่นาน เฉินเฉินก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครหลายคนจับจ้องมาที่เขา
ยังไงก็ตาม คนจากสำนักอสูรไม่ได้ชื่นชอบที่จะพูดกันสักเท่าไหร่ หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง พวกเขาก็มีท่าทางที่ดูประหลาดใจ ก่อนที่จะกลับมานิ่งเฉยอีกครั้งหนึ่ง
เฉินเฉินก็หันไปสังเกตพวกเขาและยิ่งเขามองไปที่พวกเขามากเท่าไหร่ เขายิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเท่านั้น
สาขาที่สามของสำนักอสูรเป็นที่รู้จักกันดีในสาขาของมนต์มายา ตาสีน้ำเงินของเฟิงฮวนนั้นน่าตื่นตกใจมาก
ยิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือชุดของผู้หญิงของสาขาที่สี่นั้นฉาบฉวยมาก เธอแต่งตัวโป๊อย่างมาก ร่างกายของเธอถูกปกคลุมด้วยผ้าผืนเดียวเท่านั้น
“สาขาที่สี่นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามสาขาของอสูร ซึ่งมันจะเต็มไปด้วยผู้ชายที่ฝึกฝนวิชาหยินหยาง ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีเสน่ห์อย่างเหลือล้นแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังอยู่บนๆของทั้งสามสิบหกสาขาอีกด้วย” โจงเฟิงบอกเขาอย่างเย็นชา
เมื่อมองไปยังผู้หญิงคนนั้นแล้วเฉินเฉินอดที่จะตัวสั่นไม่ได้ เขาเหมือนที่จะเคยเห็นมรดกของสาขาสี่ในดินแดนลึกลับมาก่อนหน้านี้
สาขาที่ห้าคือสาขาอาวุธและพวกเขาต่างเก่งกาจในด้านการทำอาวุธ นายน้อยของสาขานี้คือชายหนุ่มร่างบึกบึนที่แบกดาบยาวแปดเล่มไว้บนหลังของเขา ซึ่งมันทำให้มันดูเหมือนกับปีกนกอย่างมาก
สาขาหกคือสาขาพิษ นายน้อยของสาขาสวมชุดคลุมดำ ยังไงก็ตาม จุดที่เขายืนอยู่นั้นมืดสนิท
สาขาที่เจ็ดคือสาขาหุ่น นายน้อยของสาขามีขาสี่ขาและเขาดูไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป
สาขาที่แปดคือสาขาแม่มดและลูกศิษย์คนนี้คือผู้อาวุโสที่บอกกันว่ามีอายุแค่ 23ปีเท่านั้น
…
สาขาที่สิบสองคือสาขาแห่งศพ นายน้อยของสาขานั้นปล่อยกลิ่นเหม็นออกมาทั่วรอบตัวเขา
…
สาขาที่สามสิบหกคือสาขาของยารักษาและนายน้อยของสาขานั้นดูเหมือนจะมีอายุแค่สิบเอ็ดหรือสิบสองปี เขาแบกกล่องยามาพร้อมกับดูท่าทางเหนื่อยล้ามาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและเหมือนกับว่าเขายังไม่ได้เข้าสู่การฝึกตนเลยด้วยซ้ำ
เมื่อมองไปยังกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว เฉินเฉินเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผากของเขา
เมื่อเทียบกับผู้สืบทอดทั้งสามสิบหกสำนักของรัฐจินแล้ว นายน้อยของสาขาทั้งสามสิบหกของสำนักอสูรต่างดูแปลกประหลาดมาก
“อ๊า ข้าหล่อเกินไปจนไม่เข้ากับพวกนี้เลย”
เฉินเฉินกังวล ปกติแล้วเขานั้นชินกับการเล่นมุกตลกแบบนี้แล้ว แต่ครั้งนี้มันคือเรื่องจริง
โชคยังดีที่เขาใส่หน้ากากน่ารังเกียจมาก่อนหน้านี้ ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงจะอับอายมากที่จะบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของสำนักอสูร
โจวเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เฉินเฉินคิดและพูดอย่างใจเย็น “หน้าตาของพวกเขาอาจจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ในด้านความแข็งแกร่งแล้ว นอกจากเด็กนั่นที่อยู่ในสาขายารักษาแล้ว คนอื่นต่างเทียบเท่ากับผู้สืบทอดของรัฐจินที่อยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นสร้างรากฐาน
“คนจากสาขาศพและหุ่นนั้นสามารถที่จะควบคุมผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานที่อยู่ในระดับสูงสุดได้หกคนพร้อมกัน แม้แต่คนที่อยู่ขั้นแก่นทองคำธรรมดาทั่วไปยังยากที่จะต้านทานกับเขาเลย
เฉินเฉินพยักหน้าหลังจากที่ทำความเข้าใจแล้ว
ยังไงก็ตามโจวเฟิงยังคงพูดต่อ
“นอกจากนี้แล้วมันยังมีเจ้าสำนักถึงยี่สิบสามรุ่นและนายน้อยของสาขามนต์มายา สาขาศพ พิษและอสูรต่างเคยเป็นเจ้าสำนักกันมาก่อนด้วย”
“ทรงพลังขนาดนี้เลย?”
เฉินเฉินประหลาดใจ สำนักอสูรนั้นมีความสามารถที่ชนะกันเองและจัดการได้ยากด้วย ยกตัวอย่างเช่น พิษนั้นเป็นดั่งกับภัยพิบัติต่อหุ่น
ยังไงก็ตาม พวกเขายังคงน่าหวาดกลัวอย่างมากอยู่ดี ตั้งแต่ที่พวกเขาสามารถที่จะกลายเป็นเจ้าสำนักได้เลย!
ในขณะที่พวกเขาพุดกัน ‘ผู้หญิง’ จากสาขาอสูรเดินเข้าไปในสังเวียนและต่อสู้กับหยวนฉิงเทียน
คุณหนูจากสาขาอสูรนั้นต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม เธออาจจะเก่งกว่าหลินจินและฉีปู่ฝานเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเสื้อผ้าของเขายังหายไปตามกาลเวลาที่ต่อสู้กันด้วย
เมื่อเห็นดังนี้แล้วนายน้อยหลายต่อหลายคนขมวดคิ้ว
เฉินเฉินหันหน้าหนีและไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป นี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นการต่อสู้แบบนี้
ยังไงก็ตามหยวนฉิงเทียนดูจะเสียความทรงจำไปอย่างสมบูรณ์ เขาดูไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันหมายความว่าอะไร เพียงเวลาไม่นานเขาก็พูดประโยคเดิมและส่งคุณหนูกระเด็นออกไป
“เจ้าไม่มีความใจดีต่อผู้หญิงสักนิดเลยสินะ! ฮึ่ม!”
เธอพูดเสร็จ คุณหนูจากสาขาอสูรก็สวมชุดและพันรอบตัวเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในฝูงชน
เมื่อเห็นชายที่ร่างบึกบึนกำลังจะเดินเข้าไปในสังเวียน เฉินเฉินยืนขึ้นและพูดออกมาอย่างเย็นชา “พอแล้ว เลิกเสียเวลาได้แล้ว ข้าจะเป็นคนทำเอง”
เมื่ออยู่ในสำนักอสูรและสวมหน้ากากที่น่ารังเกียจเช่นนี้แล้ว เฉินเฉินก็มีออร่าของคนที่เป็นลูกศิษย์อสูร
เมื่อเขาสังเกตมาสักพักหนึ่ง เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับสำนักอสูรได้ระดับหนึ่ง
ถ้าเขาต้องการที่จะอยู่ที่นี่ได้อย่างดีแล้ว เขาจะต้องทำตัวเย่อหยิ่ง โอหังและมีความกล้าหาญที่จะต่อสู้!
ตราบเท่าที่เขามีหน้ากากนี่อยู่แล้ว เขาจะกลายเป็นคนแบบนั้น!
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 114: สามสิบหกสาขาของสำนักอสูร
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”