ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 102: ผู้ฝึกตนชั้นยอดในรัฐจิน

เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้วเฉินเฉินยิ้มและพูดออกมาอย่างใจเย็น “ข้าจะกลับไปทำความสะอาดก่อนที่จะไป ข้าคงไปยังพระราชวังพร้อมกับเลือดติดตัวแบบนี้ใช่ไหม?”
 
เสียงไกลที่ดังออกมาไม่ได้ตอบกลับ เพื่อยืนยันสถานะของเฉินเฉิน
 
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว เฉินเฉินตัดสินใจที่จะไม่ยืนนิ่งอีกต่อไป เขารีบเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานพร้อมกับถือหัวฉีปู่ฝานไปด้วย
 
ตาของคนที่มองจากระยะไกลกระตุกกับสิ่งที่พวกเขาเห็น
 
มีเพียงแค่ตอนที่เฉินเฉินหายไปในความมืดเท่านั้นที่พวกเขาถึงกล้าพูดกัน
 
“โอ้ พระเจ้า! มันนานแค่ไหนแล้วนะที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองหลวง! มันน่าตื่นเต้นชะมัด!”
 
“ข้ากลัวแทบตายแหนะ ข้ากลัวมากเลย ข้าไม่กล้าที่จะหายใจเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมมากเลย”
 
นอกจากเสียงพูดคุยของคนที่ประหลาดใจกันแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่เหมือนกับรู้สึกว่าพึ่งจะหลบหนีเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติมาได้
 
ในตอนเย็น ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพนันเงินทั้งหมดกับชัยชนะของฉีปู่ฝาน พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะชนะอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดกับการกระทำของเฉินเฉินเลย
 
ในตอนนี้ฉีปู่ฝานตายไปแล้ว การพนันของพวกเขาก็เป็นโมฆะ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหลบหนีโชคชะตาที่จะเสียเงินจนหมดตัวไป
 
“ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนช่างอ่อนโยนเสียจริง”
 
“ข้าจะไม่ไปพนันอีกแล้ว มันโคตรน่ากลัวเลย”
 
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเหงื่อไหลพรากออกมา พวกเขาต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
 

 
เฉินเฉินกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานและเห็นผู้อาวุโสจ้าวยืนรออยู่หน้าประตู
 
เมื่อเห็นเฉินเฉิน ผู้อาวุโสจ้าวโล่งอก แต่เมื่อเขาเห็นหัวของฉีปู่ฝานแล้ว ตาของเขาก็ดูมืดหม่นลงอีกครั้งหนึ่ง
 
“ผู้สืบทอด…ท่าน!”
 
“มันไม่เป็นไรหรอก มอบหัวนี้ให้กับจางจีและบอกเขาว่าข้าล้างแค้นให้เขาแล้ว สำหรับคนที่ทำร้ายเขา เขาถูกเผาไหม้จนกลายเป็นจุลและไม่มีทางกลับมาได้อีกแล้ว”
 
เฉินเฉินยิ้มและโยนหัวให้กับผู้อาวุโสจ้าว ก่อนที่จะหยิบชุดไหมทองออกมาจากแหวนเก็บของ เขาเปลี่ยนชุดคลุมเปื้อนเลือดและสวมชุดไหมทองคำไป
 
“ข้าจะไปยังพระราชวังก่อน ฉงเย่ต้องการที่จะพบกับข้า” เฉินเฉินพูดอย่างสบายๆ หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ
 
ยังไงก็ตาม ผู้อาวุโสจ้าวกลับกังวลอย่างมาก
 
“มันจะมีอะไรดีหรอครับกับการไปยังที่แห่งนั้น? ผู้สืบทอด ท่านจะให้ข้าช่วยหลบหนีงั้นเหรอ?”
 
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้วละ มันมีผู้ฝึกตนที่อยู่ขั้นก่อกำเนิดวิญญาณในเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะหนีไปไหนได้กัน? แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าฉงเย่ต้องการฆ่าข้าจริง เขาคงทำมันไปแล้วละ เขาจะเชิญข้าไปยังเมืองหลวงอีกทำไม? ข้าไม่ได้เป็นคนดังใหญ่โตอะไร เขาไม่ได้พยายามที่จะหลอกข้าไปยังพระราชวังเพื่อฆ่าข้าหรอก”
 
หลังจากพูดจบ เฉินเฉินเมินสายตาที่ซับซ้อนของผู้อาวุโสจ้าวและซุนเทียนกังไป เขาหันหลังเดินออกจากโรงเตี๊ยมหยีหลานออกไปอีกครั้งหนึ่ง
 

 
ในพระราชวังรัฐจินมันมืดหม่นมาก มีเพียงแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สว่างสดใสและมันดูหม่นหมองเล็กน้อย
 
ราชาองค์ใหม่ ฉงเย่ได้ฝึกวิชาเต๋าหวังฉิงระดับสุดยอด ซึ่งมันทำให้เขาไร้อารมณ์และเมินเฉยต่อความต้องการทางเพศ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีนางสนมและคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในพระราชวังก็ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรสักเท่าไหร่
 
ห้องโถงไร้หัวใจในใจกลางของพระราชวังเป็นที่ที่ฉงเย่ฝึกตน
 
ในจุดนี้นี่เอง เขาก็ยังคงฝึกตนอยู่ด้านใน แต่มันยังมีโต๊ะอีกแห่งหนึ่งอยู่ด้านหน้าเขาซึ่งมีถ้วยที่เปล่งพลังปราณออกมา
 
เสียงที่แหบแห้งดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู
 
“ฝ่าบาท เฉินเฉินผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนอยู่ที่นี่แล้ว”
 
“ให้เขาเข้ามา” ฉงเย่สั่ง ในขณะที่เปิดตาออกกว้าง เขาดูไม่มีอารมณ์อะไรสักอย่างเลย
 
ชั่วขณะต่อมา เฉินเฉินเดินไปยังใจกลางของห้องโถงหลัก
 
“นั่ง” ฉงเย่สั่ง
 
เฉินเฉินไม่รีรอและนั่งลงไปตรงข้ามอีกฝั่งฉงเย่
 
บรรยากาศดูตึงเครียดมากขึ้น เมื่อห้องโถงมันเงียบสงัด
 
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ฉงเย่พูดขึ้น
 
“เจ้ารู้ไหมว่าฉีปู่ฝานมันคือคนของข้า?”
 
“ข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่าเขาโจมตีคนของข้า” เฉินเฉินเมินเฉยทันทีที่เขาพูด
 
ฉงเย่พูดไม่ออก เขาคิดต่อ ‘เจ้าไม่รู้หรือไง? เหมือนกับว่าข้าจะเชื่อเจ้านั่นละ!’
 
ยังไงก็ตามเขาไม่ได้เปิดเผยเฉินเฉิน เขากลับชี้ไปที่แก้วเหล้าสองแก้วบนโต๊ะ
 
“เหล้านี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยสำนักอู๋ซิ่น เจ้ากล้าที่จะดื่มแก้วเหล้ากับข้าไหม?”
 
ฉงเย่หยิบแก้วเหล้าขึ้นและดื่มขึ้นรวดเดียว เขาวางแก้วเหล้าที่ว่างเปล่ากลับไว้บนโต๊ะ เขามองไปที่เฉินเฉินด้วยสายตาที่ดุดัน
 
“ทำไมจะไม่ละ?”
 
เฉินเฉินไม่ยอมเช่นกัน เขายกแก้วเหล้าขึ้นและดื่มมันลงไป
 
เมื่อเห็นดังนี้แล้ว สายตาของฉงเย่ดูซับซ้อนมากขึ้น
 
ตั้งแต่ที่เขาฝึกวิชาเต๋านี้แล้ว เขาก็สามารถสัมผัสถึงอารมณ์คนอื่นได้อย่างง่ายดาย
 
ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน เฉินเฉินมัน…พิเศษมาก
 
เขาไม่ได้ละโมภ ไม่เย่อหยิ่ง ไม่หื่นกาม ไม่แค้น ไม่รังเกียจหรือหวาดกลัว
 
มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่เขาไม่เจอข้อผิดพลาดอะไรกับเฉินเฉินเลย
 
ใครก็ตามที่ฝึกวิชาเต๋าฉิงเต๋าขั้นสุดยอดได้ถึงขั้นสูงสูดแล้วก็สามารถที่จะตรวจสอบร่องรอยความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ โชคร้ายที่เขายังไม่ถึงขั้นนั้น
 
‘ชายคนนี้เป็นศัตรูที่น่ากลัวมาก ถ้าเขาไม่สามารถให้เขารับใช้ข้าได้ เขาจะต้องถูกสังหารทิ้ง’ ฉงเย่ตัดสินใจอย่างเงียบงัน
 
หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างนุ่มนวล “ศิษย์น้องเฉิน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกตนชั้นยอดที่แท้จริงในรัฐจินไหม?”
 
“หลินจินสำนักมังกรมรกต เย่หวู่เชิงสำนักพยัคฆ์ขาว เซี่ยวฮวงสำนักวิหคสีชาดและท่าน ศิษย์พี่ฉงเย่ก็เป็นผู้ฝึกตนชั้นยอดใช่ไหม?” เฉินเฉินตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกเหมือนว่าเขาเคยเห็นภาพที่เกิดขึ้นแบบนี้มาก่อนแล้ว
 
เมื่อได้ยินดังนี้แล้วฉงเย่ส่ายหัวและตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “หลินจินอาจจะเป็นครึ่งอสูรและแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เขาดูแตกต่างออกไปเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขามีอารมณ์ที่ไม่นิ่งสงบ ดังนั้นเขาจึงไม่นับว่าเป็นคนชั้นยอด”
 
“เย่หวู่เชิงซ่อนตัวเองอยู่ในเกราะอยู่ทุกวัน ดังนั้นเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ยังไงกัน? ถ้าเขาหลุดออกมาจากเกราะได้แล้ว ถ้าอย่างงั้นเขาก็จะเป็นผู้ฝึกตนชั้นยอด”
 
“สำหรับเซี่ยวฮวง…เธออ่อนแอเกินไปและไม่มีค่าให้พูดถึงหรอก แม้แต่ฉีปู่ฝานที่ตายไปแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอหรอก”
 
“ฮ่าๆ! ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่” เฉินเฉินยิ้ม ในตอนนี้เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเห็นฉากนี้มาที่ไหน มันกลับกลายเป็นว่ามันมาจาก “สามก๊ก” ที่เขาเคยดูมาก่อน
 
ฉงเย่กำลังทดสอบเขาอยู่
 
มันเป็นไปตามที่คาดคิด ตาของฉงเย่โฟกัสมากขึ้น มันแสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งและความมั่นใจของตัวเองในดวงตาของเขา
 
“ศิษย์น้องเฉิน เจ้าและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ฝึกตนชั้นยอดในรัฐจิน”
 
ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านั้นออกมา ออร่าที่มองไม่เห็นก็ระเบิดออกมาจากฉงเย่และพุ่งตรงเข้าหาเฉินเฉิน
 
เฉินเฉินวางแก้วลง ในขณะที่ชุดไหมทองพริ้วไหวไปตามสายลม ออร่าทรงพลังในห้องโถงไร้หัวใจปะทะกันเอง โต๊ะเหล้าถูกวางอยู่ตรงใจกลางของห้องโถง
 
ไม่กี่วินาทีต่อมา
 
แรงกดดันหายไปและโต๊ะเหล้าก็แตกหายไปเป็นเศษซาก
 
ฉงเย่ยืนขึ้นและมองออกไปด้านนอกพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น
 
“ศิษย์น้องเฉิน ข้าไม่สามารถที่จะสังหารผู้ฝึกตนชั้นยอดแบบเจ้าได้และสำนักเทียนหยุนไม่เคยฝ่าฝืนกฏมาก่อน ดังนั้นข้าจะให้โอกาสกับเจ้า”
 
“เย่หวู่เชิงและคนอื่นกำลังรอข้าให้เคลื่อนไหวก่อนที่จะเข้าไปในสังเวียนและพวกเขาจะต่อสู้อย่างสุดกำลังในการประลองจัดอันดับวันนี้”
 
“ถ้าเจ้าเข้าไปในสังเวียนและจัดการเขาได้จนสามารถไล่สำนักพยัคฆ์ขาวออกไปจาก 36 สำนักได้แล้ว ข้าจะยอมรับว่าสำนักเทียนหยุนภักดีต่อสำนักอู๋ซิ่นของข้าและทั่วทั้งรัฐจิน”
 
“ไม่อย่างงั้นแล้ว…ฮ่า! เจ้าและสำนักเทียนหยุนจะมีชะตากรรมเดียวกันกับโต๊ะนี้ละ”
 
หลังจากพูดจบ ฉงเย่สะบัดแขนเสื้อและเดินจากไปจากห้องโถง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset