ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 64: การเป็นชายที่ยอดเยี่ยมก็สร้างปัญหาเหมือนกันนะ

หลังจากเก็บเหรียญตราไว้เข้าร่วมกับสำนักอสูรแล้ว เฉินเฉินเรียกจางจีมาด้วย เมื่อเขากำลังเตรียมที่จะวางแผนเก็บเกี่ยวของโอกาส
 
เพียงแค่นั้น เฉินเฉินและจางจีก็ใช้เวลาครึ่งวันในการตามหาสมบัติในภูเขาเทียนหยุน จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม
 
ยังไงก็ตาม พวกเขาทั้งสองไม่มีใครรู้สึกเหนื่อยกันเลยสักนิด มันเป็นเพราะว่าพวกเขาได้รับไอเทมระดับสุดยอดมามากมาย ซึ่งพวกมันมีค่าอย่างน้อยก็ถึงหนึ่งแสนหินวิญญาณ!
 
โชคร้ายที่จางจีไม่รู้ถึงคุณค่าของไอเทมที่เขาหาพบ สิ่งที่เขารู้คือเขามอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเก็บได้ให้กับเฉินเฉิน เหมือนกับผู้ช่วยที่ทำงานโดยที่ไม่คิดอยากได้ของรางวัล เมื่อเขามองไปที่จางจีแล้ว มันทำให้เฉินเฉินรู้สึกปวด
 
‘เขานี่สมกับเป็นผู้ชายที่มีหัวใจที่ซื่อตรงและยุติธรรมระดับตำเนียนเสียจริง…’
 
“น้องชาย พักสักหน่อยไหม ไม่ต้องรีบไปหรอก”
 
เฉินเฉินอดที่จะพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเขาเห็นว่าจางจีกระตือรือร้นมากเพียงใด
 
“เอ่อ…พี่ชาย ไม่ใช่พี่พูดว่ามันเร่งรีบมากเลยงั้นหรือครับ?” จางจีพูดออกมาด้วยท่าทางที่สับสน ก่อนหน้านี้เฉินเฉินได้บอกเขาว่ามันรีบมาก
 
“มันมีของที่ข้าไม่ได้สนใจอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไม่ฝืนร่างกายตัวเองจนทำให้ชีวิตมันพัง เจ้าไม่มีทางหรอกที่จะเก็บรวมรวมสมบัติสวรรค์พวกนี้จนหมดได้”
 
เฉินเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงไปนอนบนผืนหญ้า
 
วินาทีต่อมา เขาดูเหมือนกำลังคิดถึงบางอย่างออก ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
 
“พี่ชาย พี่หัวเราะอะไรกัน?” จางจีสับสน
 
“นี่คือเขาสวรรค์เงียบสินะ ข้าเริ่มหิวน้อยแล้ว เจ้าไปตักน้ำจากน้ำตกให้ข้าสักหน่อยได้ไหม?” เฉินเฉินพูดมาด้วยน้ำเสียงสองแง่สองง่าม โดยที่เขามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
 
จางจีไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับคำถามของเฉินเฉิน เขาเดินมุ่งตรงไปที่น้ำตกของยอดเขาสวรรค์เงียบด้วยขวดน้ำในมือ
 
ด้วยสายตาที่มีเลศนัย เฉินเฉินจ้องไปที่แผ่นหลังของจางจีที่เดินจากไป ตามระบบที่เขาได้ฟังมา เขาสามารถที่จะพบเห็นกลุ่มของศิษย์ภายนอกอาบน้ำอยู่ที่น้ำตกเขาสวรรค์เงียบได้
 
จางจีนั้นหัวทื่อมากเกินไปและเขาจะต้องได้รับประสบการณ์น่าตื่นเต้นกับเขาบ้าง
 
เมื่อมีความคิดแบบนี้แล้ว เฉินเฉินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
 
ยังไงก็ตาม วินาทีต่อมา เขาอดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้ เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์อีกเหตุการณ์ที่ระบบพูดถึง
 
จ้าวเสี่ยวหยาจะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่คืนนี้ ถ้าเฉินเฉินได้ไปช่วยเธอแล้ว เธอจะประทับใจในตัวเขา นี่มันทำให้เขาตกอยู่ในความลังเลใจ
 
ถ้าเธอตกหลุมรักเขา หลังจากที่เขาไปช่วยเธอละ?
 
เขาอาจจะไม่ได้ตกหลุมรักกับเธอหรือจะรับผิดชอบความรักนี้กับเธอในอนาคตก็ได้
 
“อ๊า นี่มันช่างเป็นปัญหาเสียจริง การเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแบบข้าเนี่ย ถ้าข้าไม่ได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ รวมทั้งเป็นคนที่เคร่งครัดในตัวเองแล้ว ข้าคงจะไม่ตกอยู่ในปัญหามากมายถึงเพียงนี้หรอก เฮ้อ!”
 
เฉินเฉินถอนหายใจออกมาอย่างเบาบาง เขาตัดสินจที่จะไปช่วยเธอ สุดท้ายแล้วเธอก็ได้รับมอบโสมแดง
 
นอกจากนี้แล้ว เขายังไม่มีทางที่จะปล่อยเธอทิ้งไว้ในสภาพเช่นนั้นได้ เพราะเขากลัวที่เธอจะตกหลุมรักเขาแบบนั้น
 
ในเวลาเดียวกันที่เฉินเฉินตกอยู่ในห้วงความคิด จางงจีก็เดินกลับมาพร้อมกับขวดน้ำ แต่ดวงตาของเขากลับบวมเป่งเสียอย่างงั้น
 
เมื่อเฉินเฉินเห็นมัน เขาลุกขึ้นนั่งและถามทันที “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าโดนทำร้ายมาโดยการถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำหรอ?”
 
จางจีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเล็กๆ “พี่ใหญ่ พี่รู้ได้ยังไงเนี่ย…”
 
“เจ้าก็มีระดับฝึกตนอยู่บ้างแล้วนี่ เจ้าถูกพบได้ไง?” เฉินเฉินถามอย่างสงสัย
 
เขาส่งจางจีไปที่น้ำตก เนื่องจากว่าเขาต้องการช่วยเขาและมอบของขวัญให้กับเขาบ้าง ไม่ใช่ทำร้ายจางจีแบบนี้
 
เมื่อได้ยินมัน จางจีก็ลูบตาตัวเองด้วยสายตาที่เศร้าหมอง
 
“ข้าแอบมองไป…..และข้าคงคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับศิษย์พี่สาวที่จะอาบน้ำด้านนอก เนื่องจากว่าอาจจะมีคนอื่นแอบมองด้วยเหมือนกัน ข้าจึงตะโกนเตือนเธอ แต่เธอกลับทุบตีข้าเสียอย่างงั้น”
 
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว เฉินเฉินพูดไม่ออก หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็หายใจเข้าลึกๆ
 
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุสิบหกปีตามร่างกายปัจจุบันนี้ก็ตามที แต่อายุทางจิตใจของเขานั้น 40 แล้ว ในอีกด้านหนึ่ง จางจีนั้นมีอายุ 18 ทั้งด้านนอกและด้านในและไม่เคยที่จะยุ่งกับผู้หญิงมาก่อน
 
“น้องชาย ข้าละอิจฉาเจ้าจริง เจ้าไม่มีทางที่จะกลายเป็นเศษขยะแบบข้าได้…อา ข้าวิ่งไปเก็บของก่อน เดี๋ยวข้ากลับมานะ”
 
เฉินเฉินถอนหายใจ เขาหันตัวกลับและวิ่งตรงเข้าไปในประตูด้านในของยอดเขาดาบสวรรค์
 
เมื่อเห็นเฉินเฉินเดินอย่างดูเหนื่อยล้า จางจีอดถามออกมาไม่ได้ “พี่ชาย มีอะไรให้ข้าช่วยไหมครับ?”
 
“ไม่ได้ มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อเจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเกินไป ข้ามีหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องโดนก่นด่าเอง ข้าต้องการจัดการให้มันเรียบร้อยดี”
 
น้ำเสียงของเฉินเฉินดังก้องไปทั่วท้องฟ้าตอนกลางคืน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
 
ถึงแม้ว่าจางจีจะไม่เข้าใจคำพูดของเฉินเฉินเลยสักนิด เขาก็ยังคงประหลาดใจและนับถือเขาอยู่ดี
 

 
ในเวลาเดียวกัน ภายในสวนบนยอดเขาดาบสวรรค์ จ้าวเสี่ยวหยากำลังคุกเข่าและฝึกตนอยู่ เมื่อเธอเป็นศิษย์พี่ในสำนักแล้ว เธอก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับผู้อาวุโสและตอนนี้เธอก็กำลังจะเลื่อนขึ้นกลายเป็นขั้นฝึกรากฐานระดับกลางแล้ว
 
แต่ว่ามันกลับมีความผิดปกติในความคิดของเธอ เมื่อเธอกำลังจะเลื่อนขั้น
 
ปัญหานี้มันเกิดขึ้นมาเพราะว่าเธอนั้นถูกเคล็ดวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนครอบงำ
 
ขั้นฝึกรากฐานระดับกลางเป็นอุปสรรคที่เธอจำเป็นต้องข้าม เมื่อเธอก้าวข้ามเข้ามาสู่ระดับกลางแล้ว เธอจะไม่มีวันกลับไปฝึกฝนวิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนได้อีก จนกระทั่งเธอต้องกำจัดระดับการฝึกตนของเธอทิ้งไปก่อน
 
ความหมกมุ่นของเธอมันทำให้จิตใจที่จะก้าวข้ามระดับหวั่นไหวและเพียงเวลาไม่นานพลังปราณในจุดตันเถียนของเธอก็ระส่ำระสาย
 
พลังปราณเป็นพลังที่มีต้นกำเนิดมาจากสวรรค์และผืนปฐพีและเมื่อมันบ้าคลั่งแล้ว มันมีพลังทำลายล้างสูงมาก ทันทีที่จ้าวเสี่ยวหยาตระหนักได้ว่าเธอนั้นทำพลาดไป มันก็สายเกินไปเสียแล้ว พลังปราณของเธอได้บ้าคลั่งไปทั่วทั้งร่าง มันทำลายจุดตันเถียนทั้งแปดของเธอลง.
 
อั๊ก!
 
จ้าวเสี่ยวหยากระอักเลือกออกมาคำโต ใบหน้าของเธอซีดขาวและร่างกายของเธออ่อนแอมาก
 
แต่พลังปราณที่อยู่ในร่างของเธอไม่ได้มีท่าทีอ่อนแอตามไปด้วย จุดตันเถียนของเธอเกือบที่จะถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
 
ถ้าจุดตันเถียนของเธอพังลง เธอก็จะตายทันที เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ความตื่นตระหนกนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในดวงตาของจ้าวเสี่ยวหยา เธอพยายมที่จะหยิบเหรียญสื่อสารออกมาจากกระเป๋าหน้าอกของเธอ เพื่อที่จะบอกปู่ของเธอ ผู้อาวุโสซิงฟา
 
แต่เธอตกอยู่ในสภาพเลวร้ายนี้ เธอไม่สามารถที่จะปล่อยลมปราณออกมาได้เลยสักนิด เหรียญสื่อสารมันจึงไม่ทำงาน
 
หลังจากที่ตระหนักได้ว่าเธอตกอยู่ในปัญหาแล้ว ความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่จ้าวเสี่ยวหยาอย่างเต็มกำลัง
 
การเลื่อนขั้นจากขั้นต้นไปขั้นกลางของระดับการฝึกตนมันไม่ได้ยากอะไร ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจ เธอไม่ได้ให้ใครสักคนดูเธอด้วยซ้ำ เนื่องจากเธอเชื่อว่าเธอสามารถที่จะข้ามผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหาอะไร…
 
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าอาจจะไม่สามารถล้างแค้นให้ท่านได้อีกแล้ว…”
 
จ้าวเสี่ยวหยาพึมพำในหัวใจของเธอ เธออดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้
 
เธอไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่าปู่ของเธอจะรู้สึกเสียใจมากเพียงใด เมื่อเขามาพบเธอเป็นศพในเช้าวันต่อมา
 
“ไม่…มันจะต้องไม่เป็นแบบนี้..ข้า…ข้าต้องการมีชีวิตอยู่”
 
เมื่อคิดถึงปู่ของเธอแล้ว จ้าวเสี่ยวหยาก็มีความต้องการอันแรงกล้าในการมีชีวิตรอด เธอล้มลงกับพื้นและคลานไปที่ประตูอย่างยากลำบาก
 
เธอคิดว่าตราบเท่าที่เธอคลานไปถึงประตูและตะโกนขอความช่วยเหลือ มันคงมีใครสักคนคงจะได้ยินเสียงของเธอ
 
เมื่อถึงจุดนี้แล้ว เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะยังมีสถานการณ์ฝึกตนต่อ เธอหวังเพียงแค่จะมีชีวิตรอด ดังนั้นปู่ของเธอจะได้ไม่เศร้าหมอง
 
แต่เธอขาดเรี่ยวแรง เนื่องจากเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเธอจะคลานไปถึงประตูแล้วก็ตาม เธอก็ไม่มีแรงพอที่จะเปิดประตูด้วยซ้ำ
 
เมื่อมองไปที่ประตูที่อยู่ด้านหน้าเธอ จ้าวเสี่ยวหยาได้ตกอยู่ในความสิ้นหวังและปิดตาของเธอลง เธอกำลังรอคอยความตายอย่างไร้ความหวัง เธอพยายามที่จะปรับสีหน้าของตัวเองให้สงบมากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
 
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ปู่ของเธอจะได้เสียใจน้อยลงสักนิดนึงก็ยังดี นี่คือสิ่งเดียวที่เธอทำได้
 
แต่เมื่อเธอฝืนยิ้มออกมานั้นเอง ประตูก็มีเสียงเปิดออก
 
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู จ้าวเสี่ยวหยากลับคิดว่าเธอกำลังเจอภาพหลอนอยู่ในสภาพใกล้ตาย
 
“เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักแบบนี้ยังยิ้มได้อยู่อีกนะ ข้าละนับถือเจ้าจริงๆ!”
 
เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหูของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
 
‘เขาเนี่ยนะ? เป็นไปได้ยังไงกัน?’
 
“เจ้ายังไม่ตาย ทำไมเจ้าถึงแกล้งที่จะตายอย่างสงบกัน? อืม แต่เจ้าก็ทำเหมือนอยู่นะ”
 
เมื่อเธอได้ยินเสียงของเขาอีกครั้งหนึ่ง จ้าวเสี่ยวหยาเปิดตาของเธอออกและพบกับชายในชุดขาวที่หน้าตาคุ้นเคยกำลังนั่งลงอยู่ข้างเธอ เขามองมาที่อย่างดูถูก
 
ชายหนุ่มในชุดขาววางมือลงไปที่จุดตันเถียนของเธอและพลังดูดซึมที่ทรงพลังได้ดูดซึมพลังปราณที่บ้าคลั่งของเธออย่างต่อเนื่อง
 
เธอกลับรู้สึกซับซ้อนในใจและพูดไม่ออกไปสักพักหนึ่ง
 
ในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มกวนๆของชายหนุ่มในชุดขาวก็หายไปและมีหน้าตาเฉยเมยแทน
 
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม จ้าวเสี่ยวหยาเริ่มที่จะตื่นตัว
 
“เปิดปากของเจ้าสิ!”
 
ชายหนุ่มในชุดขาวสั่งออกมา
 
จ้าวเสี่ยวหยาเปิดปากของเธอออกเล็กน้อยและวินาทีต่อมา คลื่นลมเย็นก็ไหลเข้าไปในปากของเธอ วินาทีต่อมา พละกำลังอันมหาศาลได้ฟื้นตัวขึ้นมา พลังปราณที่วุ่นวายและร่างกายอันบอบบางของเธอเริ่มที่จะฟื้นตัว

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง

Type: Author:
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!” เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที “ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?” “ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!” เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว! เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ! การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ! ‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง “มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!” หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน? ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’ “อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง” นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้ “ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ” อะไรนะ?! เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง ‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา “ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย ‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน? นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้! ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา “รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ” เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้ ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน… “เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!” เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since. Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.” Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”

Options

not work with dark mode
Reset