ในเวลาเดียวกัน มีใครบางคนลอบออกไปจากฝูงชนในสนามซ้อมและเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยม
ด้านในมุมของโรงเตี๊ยม ชายวัยกลางคนที่สวมชุดธรรมดากำลังกินอาหารอยู่ ดูจากภายนอกแล้ว เขาไม่ได้แตกต่างไปจากคนธรรมดาคนอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายที่เดินออกมาจากสนามซ้อมมุ่งตรงไปทางเขาทันทีที่เห็น
“พี่ชาย มีบางสิ่งเกิดที่สนามซ้อมละ ข้าคิดว่ามันแปลกมาก”
“หื้ม? มีลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมงั้นรึ?” ชายวัยกลางคนถามอย่างไม่ได้สนใจอะไร ก่อนที่จะจิบน้ำต่อพร้อมกับถามไปด้วย
ทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาต่างเป็นลูกศิษย์ของสาขาที่13ของสำนักอสูรรัฐโจว
มันมี 36 สาขาที่อยู่ภายใต้สำนักอสูรรัฐโจวและสาขาของพวกเขานั้นมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการกับสำนักเทียนหยุน
ทั้งสองสำนักต่างสู้กันอย่างลับๆมากว่าพันปีและความโกรธแค้นกันระหว่างพวกเขามันไม่ได้เหมือนกับการเกลียดชังทั่วไปอีกแล้ว
มันสามารถที่จะบอกได้ว่าตราบเท่าที่พวกเขาทำให้อีกสำนักรู้สึกอนาถ มันก็เพียงพอที่จะรู้สึกคุ้มค่าแล้ว
พวกเขาต่างเหมือนกับน้ำและน้ำมัน มันไม่มีทางที่จะผสมเข้าด้วยกันได้
“มันพูดได้ยากนะครับ แต่ว่าผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนพูดออกมาว่าใครก็ตามที่รู้สึกว่าตัวเองมีพรสวรรค์ให้เดินขึ้นไปบนเวที มันมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที
หลังจากที่ชายหนุ่มคนนี้ขึ้นมาบนเวที ผู้อาวุโสได้ตัวแข็งทื่อไปสักพักใหญ่ก่อนที่จะชื่นชมเด็กหนุ่มคนนี้ว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนตาโตขึ้นและพึมพำออกมา “ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนที่มายังจี๋โจวเพื่อรับลูกศิษย์ในครั้งนี้คือเว่ยฉานเฮอ เขาไม่ได้เป็นคนที่อวดดีและสิ่งที่เขาสนใจก็มีเพียงแต่การฝึกตนเพียงอย่างเดียว”
“เขาไม่ใช่คนที่ชอบพูดไร้สาระอะไรทั่วไป”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“น้องชาย สีหน้าของเว่ยฉานเฮอตอนเห็นเด็กหนุ่มเป็นยังไง?”
“ตกใจ สับสน ไม่เชื่อครับ”
ชายวัยกลางคนตบโต๊ะเสียงดัง ก่อนที่จะยิ้มออกมา
“ฮ่า! แปลว่าเจ้าเด็กหนุ่มจะต้องมีพรสวรรค์ในการฝึกตนแน่นอน เว่ยฉานเฮอเป็นชายแก่ที่ไม่ได้เข้าใจยากอะไร เมื่อเขาให้คนอื่นนั่งครุ่นคิดเรื่องนี้ห้านาที เขาคงจะไปขอความช่วยเหลือจากสำนักเทียนหยุนนั่นแหละ”
ถ้าเขากังวลถึงเพียงนี้แล้ว พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มคนนั้นคงน่าจะยอดเยี่ยมกว่ามู่หลงหยุนหลานเสียอีก!
“พวกเราควรทำยังไงดีครับ? ถ้าสำนักเทียนหยุนได้ส่งผู้อาวุโสมามากกว่านี้ พวกเราอาจจะมีกำลังคนไม่พอก็ได้นะครับ!”
ชายคนนี้ดูกังวลกับสิ่งที่ศิษย์พี่ของเขาพูด
ก่อนหน้านี้ ผู้คนจากสาขาของพวกเขาในเมืองสายลมสีครามได้พยายามไปตามจับมู่หลงหยุนหลานมาแล้ว แต่พวกเขากลับทำมันล้มเหลว แต่พวกเขายังคงไม่ยอมแพ้ ในอีกไม่กี่วันต่อมา สมาชิกทั้งของสำนักอสูรที่ซ่อนตัวอยู่ต่างถูกเรียกมาให้รวมกันในเมืองจี๋โจว เพื่อเตรียมทำภารกิจใหญ่ ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่การลักพาตัวมู่หลงหยุนหลาน แต่ยังสังหารผู้อาวุโสที่มายังเมืองจี๋โจวเพื่อรับสมัครลูกศิษย์อีกด้วย
ภารกิจนี้มันสำคัญมาก เพราะว่าผู้อาวุโสสูงสุดของสาขาแรกของสำนักอสูรกำลังจะฉลองวันเกิดรอบพันปี เขาได้กล่าวว่าเขาต้องการผู้หญิงที่มีร่างกายหยินเพื่อที่จะใช้เธอเป็นอุปกรณ์ในการฝึกตนของเขา
เพื่อที่จะเลียแข้งเลียขาสาขาแรกแล้ว พวกเขาจึงเลือกภารกิจนี้
“ไม่ต้องกังวลไป” ชายวัยกลางคนโบกมือ เขาดูมั่นใจกับแผนการของเขามาก
“ลุงอาวุโสของพวกเราได้เตรียมแผนการไว้แล้ว เขาได้ยืมคนมาจากโยวโจวแล้ว ร่วมกับพวกเขา พวกเราก็มีพลังต่อสู้ของผู้อาวุโสถึงสี่คน ตราบเท่าที่สำนักเทียนหยุนไม่ได้อัญเชิญผู้อาวุโสมามากกว่าสามคนแล้ว พวกเราก็มีพลังมากพอที่จะกำจัดพวกเขาแล้ว”
“ถ้างั้นก็ดีเลยครับ สำนักเทียนหยุนมีชะตาที่จะพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ศิษย์พี่ ข้าจะออกไปตรวจสอบสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ถ้าพวกเราทำสำเร็จในครั้งนี้ เจ้าสำนักจะต้องให้รางวัลกับพวกเราแน่นอนเลย!”
“ไปซะ ในครั้งนี้พวกเราจะไม่เพียงแต่จับมู่หลงหยุนหลาน แต่ยังจัดการผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนอีกหลายคนด้วย นอกจากนี้แล้ว เจ้าลูกศิษย์อัจฉริยะนั่น….. พวกเราจะทำให้สำนักเทียนหยุนเข้าใจเองว่าอะไรคือความเจ็บปวด! ฮ่าๆ!”
“ชายวัยกลางคืนดื่มเหล้าไปอีกแก้วหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก
ภายใต้ 36 สำนักของรัฐจิน 36 สาขาของสำนักอสูรนั้นต่างเป็นปึกแผ่นกันมากกว่า พวกเขาต่างคอยสนับสนุนพลังกัน
ในด้านของคู่แข่งระหว่างรัฐโจวและรัฐจิน รัฐโจวของพวกเขานั้นเป็นฝ่ายที่อยู่เหนือกว่าอยู่บ่อยครั้ง
เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับสำนักเทียนหยุนจะส่งผู้อาวุโสมามากเท่าไหร่
มันก็เป็นแค่งานต้อนรับศิษย์ใหม่เท่านั้น ดังนั้นมันก็คงมีผู้อาวุโสอีกอย่างมากก็แค่ 1 – 2 คนเท่านั้นแหละ
สุดท้ายแล้ว ไม่สำคัญว่าลูกศิษย์จะมีพรสวรรค์มากเพียงใด เขาก็เป็นแค่ได้ลูกศิษย์ ไม่ใช่เจ้าสำนักคนต่อไปสักหน่อย
….
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุน เว่ยฉานเฮอได้กลับขึ้นไปบนเวที
เขารู้สึกใจเย็นลงแล้ว
เมื่อเจ้าสำนักพูดว่าทุกคนกำลังจะมาที่นี่….นั่นหมายความว่ายังไงกัน?
เขาไม่รู้ว่าลูกศิษย์ธรรมดาทั่วไปจะมาด้วยไหม แต่เจ้าสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดจะมาอย่างแน่นอน อาจจะรวมผู้อาวุโสอีกหลายสิบคนที่อยู่ในสำนักอีกด้วย
พร้อมกับคนจำนวนเท่านี้แล้ว ไม่เพียงแค่พวกไส้ศึกของสำนักอสูรจะไม่เป็นปัญหาแล้ว แม้แต่สาขาทั้งสาขาของสำนักอสูรจะมา พวกเขาก็คงจะต่อสู้กันได้เลย
เมื่อมีความคิดนี้โผล่ขึ้นมา เขาก็ฉีกยิ้มกว้างออก
เมื่อคนนับพันคนที่อยู่ใต้เวทีเห็นรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงของเขา คนส่วนใหญ่อดจะรู้สึกหวั่นกลัวไม่ได้
“คนอีก 100 คนขึ้นมาบนเวทีได้ ผู้อาวุโสจะตรวจสอบเจ้าเองว่ามีคุณสมบัติในการฝึกตนไหม”
เมื่อเขาพูดเสร็จ ฝูงชนก็เดินขึ้นมาบนเวทีที่ละกลุ่ม
….
กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัตินั้นประมาณ 2 ชั่วโมงได้ ในตอนสุดท้าย มันมีคนเพียงแค่ 20 คนจากคนนับพันคนในสนามซ้อมเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอในการรับเข้าสำนักเทียนหยุน
เว่ยฉานเฮอไม่ได้มีท่าทีเสียใจอะไรไปเลยสักนิด เขายังแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่อ่อนโยน เขายังปลอบประโลมคนที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหนต่อ ซึ่งมันทำให้คนจำนวนมากต่างรู้สึกขอบคุณ
“ศิษย์พี่ครับ ผู้อาวุโสของสำนักเทียนหยุนนี่ค่อนข้างเข้าถึงง่ายเลยนะครับ”
เมื่อจางจีเห็นภาพที่เกิดขึ้น ความรู้สึกของเขาต่อเว่ยฉานเฮอก็ดีขึ้นมาก
“อื้ม พวกเราไม่รู้ว่าบรรยากาศในสำนักเทียนหยุนเป็นยังไง ทุกคนต่างแข่งขันกันเองหรือแค่อยู่รวมกันแน่นะ?”
เฉินเฉินสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับสำนักในอนาคตของเขา แน่นอนว่าสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือภูเขาเทียนหยุนที่สำนักตั้งอยู่ มันจะมีสมบัติมากมายเพียงใดซ่อนอยู่กันนะ?
ดินแดนของการฝึกตนนั้นเต็มไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณ ซึ่งมันมีสูงกว่าป่าเขาธรรมดาทั่วไปที่พวกเขาพบเจอในการเดินทาง
มันจะต้องมีโอกาสในการหาสมบัติมากกว่าที่อื่น มันเป็นสถานที่ที่เขาสามารถใช้พลังของระบบได้จริงๆ
“เอาเถอะ ในอนาคต พวกเจ้าทั้งหมดต่างกลายเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนหยุนของพวกเรา ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะฝึกตนด้วยความมุ่งมั่น หลังจากที่พวกเจ้าไปถึงสำนักแล้ว อย่าทำให้สำนักของพวกเราเสื่อมเสียละ!”
หลังจากนั้นคนนับพันคนในสนามซ้อมก็แยกทางกันไป เว่ยฉานเฮอก็หันมามองคน 200 คนที่ถูกรับเลือก สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก
ลูกศิษย์ทั้งหลายต่างตื่นเต้นมาก เมื่อพวกเขาตอบกลับมาอย่างพร้อมเพียงกัน “ลูกศิษย์จะไม่ทำให้ผู้อาวุโสผิดหวังครับ/ค่ะ!”
การเข้าไปในสำนักเทียนหยุนนั้นเป็นก้าวที่ใหญ่สำหรับเหล่าลูกศิษย์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฝึกตนต่อไปได้ในอนาคต พวกเขาก็จะยังกลับมาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง เมื่อพวกเขากลับเข้ามาสู่โลกของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
มันสามารถที่จะบอกได้เลยว่าวันนี้คือวันที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา!
“เยี่ยมมาก ไปพักในเมืองจี๋โจวก่อนได้เลยวันนี้ พวกเราค่อยมารวมตัวกันในยามเช้าของวันรุ่งขึ้น ก่อนที่พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังสำนักเทียนหยุนกัน!”
เว่ยฉานเฮอโบกมือและบินไปที่อื่น
….
ภายในภูเขาเทียนหยุนที่ห่างออกไป มันมีความวุ่นวายเกิดขึ้น คนนับร้อยคนต่างบินอยู่บนเหนือสำนักของพวกเขา
“ผู้อาวุโส มันเกิดอะไรขึ้นกัน? พวกเราจะไปสู้กับสำนักอสูรหรือยังไงกันครับ?”
ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างล่างต่างถามออกมาอย่างตกใจ
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันดูเป็นไปได้นะ! ดูนั่นสิ แม้แต่ผู้อาวุโสที่ออกไปฝึกตนแล้วยังออกมากันทั้งหมดเลย!”
“พวก พวกเราจะทำยังไงดี”
ก่อนที่ลูกศิษย์ทั้งหมดจะเลิกคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คนนับร้อยคนที่ลอยอยู่บนอากาศก็บินตรงไปยังจี๋โจว
บรรยากาศที่เกิดขึ้นนี้มันพูดได้เลยว่าแทบจะครอบคลุมไปทั้งผืนฟ้าและพระอาทิตย์
ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything – ตอนที่ 46: พายุกำลังก่อตัวขึ้น
Posted by ? Views, Released on September 26, 2021
, I Can Track Everything ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง
โดย เรื่อง ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything “นักเดินทาง ระบบของท่านได้มาถึงแล้ว ยินดีด้วยสำหรับการได้รับระบบการตรวจสอบที่ทรงอำนาจ!”
เฉินเฉินที่กำลังนั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้านหิน เพียงแค่เขากำลังรู้สึกหดหู่ เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฉินรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เขากระโดดขึ้นจากก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าหมู่บ้านทันที
“ระบบ? พึ่งจะเพิ่มเข้ามาช้าขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ระบบตรวจสอบในปัจจุบันคือระดับหนึ่งค่ะ เจ้าของสามารถที่จะตรวจจับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในระยะสิบเมตร!”
เมื่อเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันจนร้องไห้ออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มาตอนมหาลัยมันไร้ประโยชน์และเขายังไม่สามารถกลายเป็นคนดังโดยการเขียนบทกลอนได้อีก เขาไม่ได้เก่งวิชาฟิสิกส์และเคมีสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะคิดค้นหรือประดิษฐ์เทคโนโลยีได้ มีสิ่งเดียวที่เขาทำแล้วมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนอื่น อย่างเอ้อหยาที่อยู่ใกล้บ้านเขา นั่นคือการที่เขาทำสมุดบัญชีขึ้นมา
แต่ไม่คาดคิดเลย วันนี้….ระบบมันก็ได้มาถึงแล้ว!
เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบหรืออะไรสักอย่าง ตราบเท่าที่มันเป็นระบบ มันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน เขาไม่ได้ทำอะไรมากว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นระบบอะไร ขอแค่มันเป็นระบบก็พอ!
การเป็นคนมันจะต้องเป็นคนกตัญญู ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่มีระบบ!
‘อะไรก็ตามในระยะสิบเมตร….มันมีข้อจำกัดจำนวนในการใช้ไหม?’ เฉินเฉินถามขึ้นในหัวตัวเอง
“มันไม่มีข้อจำกัดในการใช้ค่ะ ระบบจะแจ้งภารกิจลับให้กับเจ้าของ เพื่อการอัพเกรดความสำเร็จลับ รวมทั้งยังให้รางวัลกับเจ้าของเป็นครั้งคราวด้วยค่ะ ดังนั้นได้โปรดขยันขันแข็งด้วยค่ะ!”
หลังจากนั้นเสียงได้จางหายไปจากในหัวของเขา
เฉินเฉินนั่งคิดอยู่เป็นเวลานาน เขามองออกไปยังทางเข้าหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวนั่น แล้วรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชาวบ้านทั้งหมดของหมู่บ้านหินต่างเป็นชาวนากันทั้งหมด ทุกคนต่างยากจน ดังนั้นเขาจะตรวจสอบอะไรได้กัน?
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเหมือนจะมีเพชรนิลจิลดาที่มีราคาอยู่ แต่เขาจะต้องไปขโมยมัน หลังจากที่เขาตรวจพบงั้นเหรอ? เขาคงจะโดนกระทืบจนตาย ถ้าเขาทำมันอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ตั้งแต่ที่มันเป็นระบบ มันก็มีความหมายในตัวของมันเอง เขาจะพัฒนาตัวเองอย่างเชื่องช้า
เป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้คือการกลับไปยังบ้านก่อน ดังนั้นเขาจะได้ไปลองใช้ระบบได้อย่างสบายใจ
เมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว เฉินเฉินเดินกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปในหมู่บ้านหินและครอบครัวของเขาต่างเป็นชาวนากัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จน ครอบครัวของเขาก็อบอุ่นมากและเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เมื่อเขากลับมายังบ้าน พ่อแม่ของเขายังคงทำไร่นาอยู่ด้านนอกและยังไม่ได้กลับบ้าน
เขาพูดขึ้นมาในหัวตัวเอง ‘ตรวจเงินในบ้านสิ’
“อยู่ในลิ้นชักที่ห่างออกไป 3 เมตรค่ะ ภายในลิ้นชักมีเงินจำนวน 120 ตำลึงทองแดง”
นี่คือสถานที่ที่ครอบครัวของเขาเก็บเงินไว้ เฉินเฉินรู้มันดี เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเขาไว้
“ใต้เตียงที่อยู่ห่างออกไป 4 เมตร ยังมีอีกสี่สิบตำลึงทองแดงค่ะ”
อะไรนะ?!
เฉินเฉินไม่รู้เกี่ยวกับเงินนี้เลยสักนิด มันเป็นห้องนอนของพ่อแม่เขา ซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่เมตร มันอาจจะเป็นเงินเก็บของพ่อของเขา
เฉินเฉินคิดและสรุปได้ว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องด้านข้างและก้มมองลงใต้เตียง หลังจากคว้านดูสักพักหนึ่ง เขาพบกับกระเป๋าหนังเล็กที่มีเงินอยู่สี่สิบตำลึง
‘มีเงินอยู่ด้านในจริงด้วย’ เฉินเฉินคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าหนังกลับไปยังที่เดิม
ระบบยังคงพูดอย่างต่อเนื่องขึ้นมาในหัวของเขา
“ก้าวไปด้านหน้าห้าก้าวและขุดลงไปใต้ดินสิบเมตร มันมีเหรียญทองแดงขึ้นสนิมอยู่”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน เฉินเฉินรีบหยิบพลั่วมาขุดอย่างกระตือรือร้น มันไม่ได้ใช้เวลานานสักเท่าไหร่สำหรับการหาเหรียญทองแดงขึ้นสนิม
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เขาจำได้ลางๆว่าเขาเคยทำเงินหายตอนยังเด็ก มันเป็นเงินที่เขาได้มาตอนปีใหม่ และเขาอารมณ์เสียที่เงินหายเป็นเวลานานเลย
‘ตั้งแต่ที่ฉันมีระบบนี่แล้ว บางทีฉันอาจจะไปยังมณฑลใกล้ๆ เพื่อไปเก็บเงินจากพื้นมาอาศัยอยู่ต่อ…’ เฉินเฉินอดที่จะคิดออกมาไม่ได้ แต่เขาแทบจะตบหน้าตัวเองทันที หลังจากที่มีความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นมา
เมื่อเป็นนักเดินทางย้อนเวลาที่มีระบบแบบนี้แล้วแท้ๆ ทำไมความคิดของเขาถึงน่าสมเพศขนาดนี้กัน?
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับนักเดินทางที่ย้อนเวลากลับมาแบบนี้!
ในเวลาเดียวกัน เสียงก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
“รางวัลความสำเร็จ – เสร็จสมบูรณ์ : ใช้ระบบเป็นครั้งแรก รางวัลที่ได้รับ : โอกาสในการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในมณฑลเสฉวนหนึ่งครั้งค่ะ”
เมื่อเขาได้ยิน เฉินเฉินอดที่จะคิดเรื่องเดินไปหาเงินต่ออีกครั้งไม่ได้
ทั่วทั้งมณฑลเสฉวนคงจะมีเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน…
“เฮ้อออ! ทำไมฉันถึงเอาแต่อยากจะไปเก็บเงินกัน? ฉันมาที่โลกเซียนแห่งนี้ แน่นอนละว่าฉันมาเพื่อที่จะบ่มเพาะตนกลายเป็นเซียน!”
เฉินเฉินตัดสินใจได้และไม่ได้ใช้รางวัลนี้ในทันที
ใครจะไปรู้กันว่าเขาจะได้โอกาสตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างแบบนี้อีกครั้งกัน? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยม เขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจะรอจนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับระบบ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มัน
Traveling through the Xianxia world, Chen Chen got the strongest tracking system and was able to track everything ever since.
Chen Chen, “System, I am short of money.” “Two meters away, your father has hidden some money under the bed. Five meters away, there is a rusty copper coin buried half a meter underground.” “There is a piece of silver in the grass ahead.”
Chen Chen, “System, I need some luck.” “The sh*t in front of the pigsty is actually not ordinary.” “Go to Black Peak cliff twenty miles away to jump off the cliff.” “Somewhere hidden there is a fairy cave mansion. Please explore by yourself.”