“ศิษย์พี่หลงเฉิน เมื่อสามวันก่อนในขณะที่คนของศิษย์พี่ซ่งหมิงเหยียนกำลังเฝ้ายามอยู่นั้น เขาได้สังเกตเห็นว่ามีผู้คุมกฎอยู่สามคนกำลังช่วยกันขนของชิ่นใหญ่กลับมาที่หมู่ตึก” คนผู้นั้นกล่าวขึ้นมาอย่างรีบร้อน
“เห็นได้ชัดเจนหรือไม่ว่าเป็นเสี่ยวเสว่ย” หลงเฉินถามขึ้นไปฉับพลัน
คนผู้นั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับมาว่า “เขาบอกเพียงว่าเห็นวัตถุชิ้นใหญ่ที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้อย่างมิดชิดจนไม่อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้ชัดเจน ทว่าเมื่อดูจากรูปร่างและขนาดแล้วใกล้เคียงกับเสี่ยวเสว่ยตามที่ท่านบอกเล่าออกมาเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้เขายังเห็นว่าบนร่างกายของผู้คุมกฎทั้งสามคนมีบาดแผลอยู่ส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังมีคราบโลหิตแปดเปื้อนอาภรณ์ไปทั่ว สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างรุนแรงมา”
ภายในจิตใจของหลงเฉินเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาไม่น้อย นั่นคงจะต้องเป็นเสี่ยวเสว่ยอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ยังไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ เนื่องจากที่หมู่ตึกหางนี้มีผู้คุมกฎมากกว่าร้อยคน ซึ่งแบ่งเขตกันดูแลนับหลายสิบอาณาเขต
“พี่หลง เสี่ยวเสว่ยเป็นอะไรไปหรือ?” อาหมานถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เสี่ยวเสว่ยถูกลักพาตัวไป” หลงเฉินกัดฟันกรอดแล้วตอบกลับไป
“ผู้ใดบังอาจมารังแกเสี่ยวเสว่ย อาหมานจะทุบตีให้ตายคามือเอง” อาหมานแผดเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าตะบึงเข้ามาด้วยความเร็วสูง แล้วเบื้องหน้าของพวกเขาก็มีเงาร่างของหลิงเฮ่าปรากฏขึ้นมา หลิงเฮ่าเป็นหนึ่งในศิษย์สายในของพรรคฟ้าดินที่มีพลังฝึกยุทธ์ยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง
“ศิษย์พี่หลง มีคนผู้หนึ่งมาขอเข้าพบท่าน บอกว่ามีเรื่องสำคัญมาแจ้งให้ทราบ” หลิงเฮ่ากล่าวต่อหลงเฉินด้วยท่าทีมีมารยาท
“ให้เขาเข้ามาเถิด” หลงเฉินรีบตอบกลับไปอย่างร้อนรน
จากนั้นชายหนุ่มรูปร่างผอมบางก็เดินเข้ามา หลงเฉินมองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นด้วยแววตาที่คล้ายกับคุ้นเคยกันมาก่อน
“จ้าวเซียนขอเข้าพบศิษย์พี่หลงเฉิน”
เมื่อเห็นหลงเฉิน ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางก็รีบผสานมือยกขึ้นคารวะหลงเฉินในทันที “ต้องขอขอบคุณศิษย์พี่หลงเฉินที่เคยช่วยชีวิตของข้าเอาไว้เมื่อครั้งนั้น”
หลงเฉินขมวดคิ้วเข้มแล้วกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “เป็นเจ้า……”
“ไม่ผิด เป็นข้าเอง หากไม่ได้ศิษย์พี่หลงเฉินช่วยเอาไว้ในครั้งนั้น จ้าวเซียนก็คงกลายเป็นอาหารปลาไปแล้ว” จ้าวเชียนกล่าวขึ้นมาด้วยความตื้นใจอย่างถึงที่สุด
ในที่สุดหลงเฉินก็จดจำคนผู้นี้ได้ ในช่วงเวลาที่อยู่ในแผนที่การทดสอบที่พวกเขากำลังจะข้าแม่น้ำสายใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดสามารถข้ามไปได้ จนเยี่ยจื่อชิวปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับใช้พลังน้ำแข็งเหินข้ามแม่น้ำสายนั้นไปได้อย่างราบรื่น
หลังจากนั้นก็มีคนผู้หนึ่งคิดที่จะหยิบยืมพลังน้ำแข็งของเยี่ยจื่อชิวเพื่อข้ามไปยังอีกฟากหนึ่ง ทว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่าพลังน้ำแข็งของเยี่ยจื่อชิวจะมีเวลาจำกัด เพียงข้ามไปไม่เท่าใดก็ร่วงลงไปยังใจกลางของแม่น้ำสายนั้นจนถูกปลากัดกินร่างกายอย่างบ้าคลั่ง
หลงเฉินจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือโดยการขว้างขอนไม้ท่อนหนึ่งออกไปแล้วใช้พลังสภาวะเหนี่ยวรั้งคนผู้นั้นกลับมาจนสามารถเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย และคนผู้นั้นก็คือจ้าวเซียนในตอนนี้นี่เอง
“ศิษย์พี่หลงเฉิน เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ข้าได้เข้าร่วมกับกองกำลังของชีซิ่งแล้ว ในครั้งนี้จึงได้แอบลอบออกมาเพื่อขอเข้าพบท่าน” จ้าวเซียนกล่าว
หลังจากที่กู่หยางได้พ่ายแพ้ให้กับหลงเฉินไปในศึกการจัดอันดับครั้งที่สาม และเหร่ยเชียนซังกับชีซิ่งเองก็ถูกทุบตีจนอาการปางตาย เมื่อพวกเขาได้รับการรักษาจนอาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว ชีซิ่งก็กลับไปที่ขุมกำลังแล้วทำการระบายความแค้นต่อผู้คนของเขาเสียยกใหญ่ โดยเฉพาะกับคนแบกกระบอกธงที่ถูกทุบตีจนสลบไป
ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่ถูกด่าทอและทุบตีต่างก็แยกย้ายกันออกไป ทว่าจ้าวเซียนนั้นมีพลังฝีมือที่ร้ายกาจอยู่ไม่น้อย จึงถูกดึงตัวให้เข้าร่วมกับขุมกำลังของชีซิ่ง
“ศิษย์พี่หลง จ้าวเซียนได้ติดหนี้ชีวิตท่าน ครั้งนี้ข้าจึงตัดสินใจที่จะมาหาท่าน การกระทำเช่นนี้เสมือนกับได้ทรยศต่อพวกเขาเหล่านั้น ฉะนั้นข้าจึงไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว
ทว่าข้าอยากจะบอกกล่าวต่อท่านว่าในยามพลบค่ำเมื่อสี่วันก่อน ชีซิ่งได้ดื่มจนเมามายและลั่นวาจาว่าจะล้างแค้นท่านเสียยกใหญ่ เขาปรารถนาจะให้ท่านได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวดดูบ้าง
และในภายหลังข้าก็ได้ยินผู้คนกระซิบกระซาบต่อกันว่าเขาได้ไปหาสภาผู้คุมกฎ ทว่าข้าไม่แน่ใจว่านั่นจะมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์พาหนะของท่านหรือไม่” จ้าวเซียนเล่าอย่างรวดเร็ว
เพราะหลงเฉินเป็นศิษย์ใหม่เพียงคนเดียวที่มีสัตว์มายาระดับสามเป็นพาหนะ ไม่มีผู้ใดที่ไม่ทราบถึงความในข้อนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งชีซิ่งยังเคยพ่ายให้กับเสี่ยวเสว่ยอย่างหมดจด เป็นไปได้ว่าการลงมือในครั้งนี้ย่อมเกิดจากความแค้นที่เขามีต่อหลงเฉินอย่างไม่ต้องสงสัย
“ศิษย์พี่หลงเฉิน ข้ามีเรื่องที่จะบอกกล่าวท่านเพียงเท่านี้ ฉะนั้นข้าคงต้องขอลาแล้ว” จ้าวเซียนยกมือขึ้นคารวะหลงเฉินแล้วหันตัวเพื่อจะจากไป
“อย่าได้หันหลังกลับไปเลย นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าคือคนของพรรคฟ้าดินแล้ว” หลงเฉินเดินไปตบไหล่ของจ้าวเซียนแล้วกล่าวขึ้นมา
จ้าวเซียนสะดุ้งตัวโยน พลันก็หันกลับมามองหลงเฉินด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ศิษย์พี่หลงเฉิน ท่านเกลียดชังผู้ที่มีจิตใจคิดคดทรยศไม่ใช่หรอกหรือ ข้า ……”
“ผู้ใดที่รู้จักผิดชอบชั่วดีและตอบแทนบุญคุณคนย่อมเป็นผู้ที่ควรนับถือ ทว่าผู้ใดที่เห็นว่าสิ่งนั้นผิดก็ยังกระทำต่อไป นั่นจึงจะเรียกกันว่าขลาดเขลาเบาปัญญา เช่นนั้นเจ้าไม่ได้เป็นผู้ทรยศ หลิงเฮ่า เจ้าช่วยจัดการหาที่พักให้จ้าวเซียนด้วย หลังจากนี้เขาจะมาเป็นพี่น้องของพวกเราด้วย” หลงเฉินหันไปกล่าวต่อหลิงเฮ่า
หลิงเฮ่าพยักหน้าไปมาอย่างว่าง่าย พลันก็ตบไปที่ไหล่ของจ้าวเซียนแล้วกล่าวว่า “น้องชาย ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปยังที่พักใหม่ของเจ้าเอง”
ภายในจิตใจของจ้าวเซียนรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลงเฉินจะรับเขาเข้าขุมกำลังจึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา “ข้า……”
ในขณะที่จ้าวเซียนกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมานั้นก็ได้ถูกหลิงเฮ่าลากตัวออกไป “เอาเถิด อย่าได้ทำตัวเป็นสตรีเพศ……”
ทว่าในขณะที่หลิงเฮ่ากล่าวมาถึงตรงนี้ก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตอย่างรุนแรง ดวงตาหันไปสบกับใบหน้าไม่สบอารมณ์ของถังหว่านเอ๋อและชิงยวู พลันก็นึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าได้กล่าววาจาล่วงเกินหญิงสาวไปแล้ว จึงได้หลั่งเหงื่อออกมาแล้วรีบพาจ้าวเซียนออกไปอย่างรวดเร็ว
“หลงเฉิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหว่านเอ๋อเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารอันแรงกล้าของหลงเฉิน
“วางแผนต่อข้านั้นย่อมไม่เป็นเรื่องใหญ่อันใด ทว่าคนพวกนั้นกลับวางแผนต่อคนข้างกายของข้า แน่นอนว่าพวกมันจะต้องไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้” หลงเฉินทอประกายดวงตาคมกล้าประดุจกระบี่มองมาที่ถังหว่านเอ๋อ แล้วกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทว่าพวกเราไม่มีหลักฐานเลยนะ” ถังหว่านเอ๋อตอบกลับไปด้วยความลำบากใจ เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้วมีเพียงทางเดียวที่หลงเฉินจะเลือก นั่นก็คือไปหาอีกฝ่ายหนึ่ง ฉะนั้นนางจึงต้องกล่าวตัดบทขึ้นมาเพื่อยื้อหลงเฉินเอาไว้
“หลักฐาน? นั่นไม่ใช่นิสัยของข้า ไป พวกเราไปเยี่ยมเยือนชีซิ่งกัน” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาพร้อมกับสาดรังสีสังหารออกมาเป็นทวีคูณ
เมื่อได้ยินหลงเฉินกล่าวว่า ‘ไปเยี่ยมเยือน’ ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูกลับขนหัวลุกไปตามๆ กัน คงเป็นเพราะพวกนางต่างก็ทราบนิสัยของหลงเฉินเป็นอย่างดี เรื่องที่เขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ไปแล้วย่อมไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างแน่นอน
“เหอะ กล้ารังแกเสี่ยวเสว่ยอย่างนั้นหรือ พี่หลง ข้าจะช่วยท่านทุบตีคนพวกนั้นจนฟันร่วงหมดปากไปเลย” อาหมานกล่าวแล้วเดินติดตามหลงเฉินไปในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นถังหว่านเอ๋อจึงรีบวิ่งตามออกไป พลันก็ตะโกนถามขึ้นมาว่า “ต้องระดมกำลังพลด้วยหรือไม่?”
“ฝากเจ้าด้วย ช่วยไปตามผู้คนภายในขุมกำลังมาให้พร้อมแล้วไปรออยู่ที่ลานกว้างพลิกสวรรค์ ส่วนข้ากับอาหมานจะออกไปตามหาพวกมันเอง” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทันทีที่กล่าวจบหลงเฉินก็พาอาหมานออกไป หลงเหลือเพียงถังหว่านเอ๋อที่ยืนสบตากับชิงยวูอย่างอับจนหนทาง พวกนางเคยได้ยินมาก่อนว่าเสี่ยวเสว่ยและหลงเฉินมีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกันมาเนิ่นนาน เมื่อเสี่ยวเสว่ยถูกลักพาตัวไป มีหรือที่หลงเฉินจะนิ่งดูดาย แม้แต่ตอนที่ออกไปเมื่อครู่นี้ยังไม่ได้ปกปิดรังสีสังหารเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่าความอดทนของหลงเฉินใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว
“คงจะเกิดเรื่องใหญ่ในไม่ช้านี้แล้วสินะ” ชิงยวูกล่าวแล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นก็นำคำพูดของหลงเฉินไปแจ้งให้ซ่งหมิงเหยียนและพวกพ้องทั้งหมดทราบ
ในเมื่อจะทำการณ์ใหญ่โตก็ต้องทำให้ใหญ่อย่างถึงที่สุด ต่อให้กระทำผิดกฎอีกครั้งหนึ่ง อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปยังดินแดนรกร้างศิลาวายอีกครั้งเท่านั้น แน่นอนว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและคุ้นเคยสำหรับหลงเฉินอยู่แล้ว
เมื่อซ่งหมิงเหยียนและพวกพ้องได้ฟังคำบอกเล่าว่าชีซิ่งเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดโทสะขึ้นมายกใหญ่ พลันก็แยกย้ายกันไประดมขุมกำลังของตัวเองไปที่ลานกว้างพลิกสวรรค์ในทันที ภายในจิตใจของพวกเขาเชื่อมั่นว่าหลงเฉินคงจะมีแผนการอยู่แล้วจึงได้ข่มโทสะลงไปแล้วนำพาผู้คนไปรวมตัวกันที่ลานกว้างตามที่หลงเฉินมอบหมาย
ในขณะนี้เหล่าผู้คนของขุมกำลังทั้งห้าก็ได้มารวมกันที่ลานกว้างพลิกสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้คนมากมายที่พบเห็นต่างก็เกิดอาการแตกตื่นกันยกใหญ่ว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้น
เพราะภายในแววตาของผู้คนทั้งห้าขุมกำลังต่างก็เปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารที่กำลังพุ่งพล่านขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ผู้คนที่ผ่านไปมาจึงแยกย้ายกันพัลวันเพื่อส่งข่าวกลับไปยังขุมกำลังของตัวเอง
เมื่อหลงเฉินและอาหมานมาถึงอาณาเขตภายในขุมกำลังของชีซิ่งแล้วก็ได้ถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางทางเอาไว้ ทว่าหลงเฉินกลับมุ่งหน้าเดินต่อไปราวกับมองไม่เห็นพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
“หยุด! ถ้าเจ้ายังไม่หยุด พวกเราจะไม่เกรงใจเจ้าอีกต่อไปแล้วนะ” คนผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน แสร้งทำท่าทีใจดีสู้เสือต่อหน้าหลงเฉิน
มีหรือที่พวกเขาจะทำไม่ได้ว่าหลงเฉินผู้นี้โหดร้ายถึงเพียงใด ถึงกับทุบตีกู่หยาง เหร่ยเชียนซัง และชีซิ่งจนหมอบราบ ทว่าในตอนนี้พวกเขาต้องปกป้องขุมกำลังของตัวเองจึงจำเป็นจะต้องวางท่าให้ดูน่าเกรงขาม
ส่วนคนอื่นๆ นั้นต่างก็จ้องมองไปยังเงาร่างใหญ่โตที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลงเฉินที่คล้ายกับเป็นเทพมรณะลงมาจุติจึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อออกมาท่วมศีรษะ
ใบหน้าของหลงเฉินเยือกเย็นกว่าทุกครั้งที่พวกเขาเคยพบเจอมา อีกทั้งยังแผ่รังสีสังหารออกมากดดันจนพวกเขาไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป ภายในจิตใจเต้นระรัวจนแทบจะตายตกไปทั้งเป็น ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าถูกศาตราวุธไร้รูปร่างทิ่มแทงไปทั่ว เพียงหลงเฉินคิดจะสังหารพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมตายตกไปในทันที
ส่วนหลงเฉินก็ยังคงเดินหน้าต่อไปพร้อมกับอาหมาน ทว่ากลุ่มคนเหล่านั้นก็ยังคงหยุดนิ่งและไม่มีวี่แววที่จะถอยหนีไป อาหมานจึงก้าวขึ้นมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของหลงเฉินจนคนเหล่านั้นเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาภายในจิตใจ
รูปร่างใหญ่โตจนน่าหวาดกลัวที่คล้ายกับยักษ์มารรวมกับสัตว์ประหลาด อีกทั้งยังมีเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาพาดอยู่บนแผ่นหลัง บนร่างกายมีพลังสภาวะอันแปลกประหลาดแผ่ซ่านออกมาจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
ทันใดนั้นฝีเท้านับสิบก็เริ่มถอยหลังออกไปไม่หยุดพร้อมกับหลั่งเหงื่อออกมาทั่วทั้งร่าง
หลังจากที่ฝ่าด่านของคนกลุ่มนั้นมาได้แล้ว หลงเฉินและอาหมานก็เดินขึ้นมาจนถึงยอดเขาที่มีถ้ำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้า เห็นได้ชัดเจนว่าที่แห่งนี้คือถ้ำที่พักของศิษย์สายตรงนั่นเอง
“ชีซิ่ง โผล่หัวออกมาซะ”
หลงเฉินแผดเสียงคำรามขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด เสียงของเขาดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งหุบเขาขึ้นไปถึงวิมานชั้นที่เก้าเลยก็ว่าได้ น้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยความน่าเกรงขามจนสั่นคลอนจิตใจของผู้คนที่ได้ยิน
“โผล่หัวออกมา”
“โผล่หัวออกมา”
“โผล่หัวออกมา”
“……”
เสียงของหลงเฉินเพียงครั้งเดียวถึงกับสะท้อนทั่วทั้งบริเวณนับครั้งไม่ถ้วน
ทันใดนั้นเงาร่างสามสายก็พุ่งออกมาจากถ้ำแห่งนั้น หลงเฉินคิดไม่ถึงเลยว่ากู่หยาง เหร่ยเชียนซัง และชีซิ่งต่างก็อยู่ด้วยกันทั้งหมด
เมื่อชีซิ่งเห็นหลงเฉินอยู่ที่หน้าถ้ำก็อดไม่ได้ที่จะทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ภายในแววตาปรากฏความว้าวุ่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พลันก็รีบกล่าวออกไปเพื่อกลบเกลื่อนความตื่นตระหนกว่า
“หลงเฉิน เจ้าบังอาจมากเกินไปแล้วนะ ถึงกับหาญกล้ามาบุกพื้นที่ของข้า”
หลงเฉินฟังออกในทันทีว่าน้ำเสียงของชีซิ่งสั่นเครือเป็นอย่างยิ่ง เช่นนี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่าเขากำลังตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ทว่าภายใต้ความแตกตื่นนั้นกลับแฝงความยินดีเอาไว้ส่วนหนึ่ง เช่นนั้นแผนการทั้งหมดย่อมเป็นฝีมือของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“มารดาเจ้าเถิด”
หลงเฉินด่าทอออกมาคำหนึ่งพร้อมกับฟาดอาวุธกระดูกที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาในมือไปที่ชีซิ่งในทันที
และทันใดนั้นเองกู่หยางก็แผดเสียงคำรามออกมา อักขระทั่วร่างเปล่งประกายแสงสว่างเจิดจ้าจนพลังการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นจนถึงขั้นสูงสุดอย่างรวดเร็ว “หลงเฉิน วันนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าได้กลับไปอย่างแน่นอน”
ในขณะที่กู่หยางกำลังพุ่งคมหมัดมาทางหลงเฉินอยู่นั้น เขากลับไม่ได้สังเกตเลยว่าบริเวณนั้นไม่ได้มีแค่หลงเฉิน
“กล้าลงมือต่อพี่หลงของข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าต้องตาย!”
“ซูม”
สภาวะอากาศเดือดพล่านขึ้นมาอย่างร้อนแรงราวกับว่าสามารถระเบิดได้ทุกเวลา เขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาที่พาดอยู่บนแผ่นหลังก็ถูกชักออกมาฟาดลงไปยังผู้ที่จู่โจมเข้ามาอย่างรุนแรง