เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 215 อักขระแห่งอัสนีบาต

ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าหวาดหวั่นมองไปที่หลงเฉินที่ขณะนี้กำลังกดดันพลังแห่งอัสนีบาตภายในร่างกายอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกทั้งยังเกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องกันอยู่หลายครั้งจนทำให้นั่งไม่ติดพื้นต้องพุ่งตัวออกมาด้วยความตกใจโดยตลอด

 

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะที่เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วยาม พลังแห่งอัสนีบาตภายในร่างกายของหลงเฉินก็เริ่มจำนนต่อพลังแห่งจิตวิญญาณมากยิ่งขึ้น ทว่าใบหน้าของเขาก็ดูอิดโรยลงไปมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากทั้งสองขุมพลังต่างก็ต่อสู้กันยาวนานมากเกินไป อีกทั้งยังต่อต้านกันอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

แม้ว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉินจะแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ทว่าพลังแห่งอัสนีบาตก็เปรียบเสมือนกับสายน้ำที่ไร้ขีดจำกัดด้วยเช่นเดียวกัน ไม่มีฝ่ายใดยอมลดทอนความแข็งแกร่งของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากผ่านไปสามวัน ในที่สุดหลงเฉินก็สามารถสยบพลังแห่งอัสนีบาตที่บ้าคลั่งภายในร่างกายลงไปได้อย่างหมดจด และร่างกายของเขาก็อ่อนล้าจนเกินไปที่จะทำการหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินจึงหยุดเพื่อพักผ่อนร่างกายไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ จนพลังของกายเนื้อและสมาธิฟื้นคืนกลับมาได้ส่วนหนึ่ง พลันก็เริ่มทำการหลอมรวมพลังแห่งอัสนีบาตภายในร่างกายทันที ในเมื่อไม่มีการต่อต้านแล้ว พลังแห่งอัสนีบาตก็ราวกับเชื่องขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น จากหมาป่าก็กลายเป็นลูกแกะไปเสียทั้งหมด

 

 

 

 

 

 

 

 

จากนั้นหลงเฉินก็เริ่มใช้พลังภายในร่างกายทั้งหมดดูดกลืนพลังแห่งอัสนีบาตเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว โดยยังคงใช้หลักการที่เรียกกว่ากินให้เรียบในครั้งเดียว เมื่อดูดกลืนพลังแห่งอัสนีบาตรไปทั้งหมดแล้ว ภายในร่างกายของหลงเฉินก็ได้ปะทุพลังเพิ่มขึ้นมากว่าสิบเท่า

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินจึงเกิดอาการลิงโลดขึ้นมาในทันทีเมื่อเห็นว่าหยาดโลหิตของเขาได้ปรากฏฝุ่นละอองสีทองอร่ามเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย อีกทั้งท่ามกลางหยาดโลหิตเหล่านั้นก็เผยให้เห็นอักขระขนาดเล็กเรียงรายอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นอักขระที่อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ทว่ากลับแฝงเอาไว้ด้วยพลังอักขระอย่างแท้จริงอยู่ พลันก็รับเชื่อมต่อพลังอักขระเหล่านั้นเข้ากับหยาดโลหิต

 

 

 

 

 

 

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง? หลงเฉิน!”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันทีที่เห็นหลงเฉินลืมตาขึ้นมา ถังหว่านเอ๋อก็รีบถามกลับไปด้วยดวงตาทอประกายเจิดจ้า พร้อมกับทอสีหน้าปั้นยากมองไปที่หลงเฉินอย่างใคร่รู้

 

 

 

 

 

 

 

 

“ฮาฮาฮา ข้าพบแล้ว ข้าพบแล้ว” ทันใดนั้นหลงเฉินก็โผเข้ากอดถังหว่านเอ๋ออย่างรุนแรง แล้วกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

“โอ๊ย บัดซบ ข้าเจ็บนะ รีบปล่อยข้าได้แล้ว” แม้ว่าจะกล่าวออกไปเช่นนั้น ทว่าภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเขินอายและโกรธเคืองอยู่น้อยๆ ปะปนกันไป

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินจึงรีบปล่อยหญิงสาวแล้วกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ต้องขออภัยด้วย ข้าดีใจจนลืมตัวไป”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อทอใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาคู่งามหลบแววตาของหลงเฉิน จากนั้นก็พยายามสงบจิตใจที่เต้นระรัวแล้วถามออกไปว่า “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเจ้าถึงได้มีความสุขมากถึงเพียงนี้”

 

 

 

 

 

 

 

 

“หึหึ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นของดี”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ซูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อกล่าวจบหลงเฉินก็กางมือออก พลันหอกยาวที่สร้างขึ้นจากอัสนีบาตก็ปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือ หอกเล่มนั้นมีความยาวกว่าหนึ่งเซียะ มีประกายอัสนีบาตอัดแน่นอยู่ทุกอณู อักขระขนาดเล็กไหลเวียนไปทั่ว

 

 

 

 

 

 

 

 

และทันทีที่หอกเล่มนั้นปรากฏขึ้นมา สภาพอากาศโดยรอบก็เกิดเสียงดังเพียะพ๊ะจนกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ช่างเป็นสำนึกแห่งการทำลายที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ถังหว่านเอ๋อเองก็อดไม่ได้ที่ต้องถอยออกไปถึงสองก้าวเลยทีเดียว

 

 

 

 

 

 

 

 

จากใบหน้าที่แดงฉ่ากลับกลายเป็นอาการแตกตื่นเข้ามาแทนที่ ดวงตาคู่งามจับจ้องมองไปที่หอกยาวอัสนีบาตเล่มนั้นอย่างไม่วางตา

 

 

 

 

 

 

 

 

“นี่……พลังแห่งอัสนีบาต เป็น……”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินยิ้มกว้างแล้วกล่าวว่า “ไม่ผิด นี่เป็นอัสนีบาตแห่งฟ้าดินที่ข้าตามจับมาได้ และไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใดที่อักขระเหล่านั้นได้รวมเข้ากับหยาดโลหิตของข้า จนในตอนนี้พลังแห่งอัสนีบาตได้กลายเป็นของข้าไปแล้ว ฮาฮาฮา……”

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน เจ้าเก่งมาก”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่เรียกคืนสติกลับคืนมาได้ ถังหว่านเอ๋อก็กล่าวชื่นชมพร้อมกับทอใบหน้านับถือจนหมดใจไปที่หลงเฉิน พลันก็หอบร่างบางเข้าโอบกอดหลงเฉินเอาไว้

 

 

 

 

 

 

 

 

“โอ๊ย ข้าเจ็บนะ รีบปล่อยข้าได้แล้ว” หลงเฉินเลียนน้ำเสียงที่ถังหว่านเอ๋อร้องออกมาเมื่อก่อนหน้านี้

 

 

 

 

 

 

 

 

“บัดซบ เจ้าชอบหยอกล้อข้าอยู่เรื่อยเลย” ถังหว่านเอ๋อมีโทสะขึ้นมายกใหญ่ แล้วผละออกจากหลงเฉินในทันที จากนั้นก็ยกเท้าข้างหนึ่งเตะเข้าไปที่หลงเฉิน

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินจึงหัวเราะฮาฮาออกมาแล้วหลบเลี่ยงเท้าน้อยๆ ของถังหว่านเอ๋อพัลวัน “ก็แค่ล้อเจ้าเล่นก็เท่านั้นเอง อย่าได้เกรี้ยวกราดไปเลย ทว่าพลังแห่งอัสนีบาตนี้จะกลายเป็นเครื่องมือสังหารชั้นเลิศของข้าได้อย่างแน่นอน”

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในใจของหลงเฉินก็ยังคงปิติยินดีอย่างไม่เจือจางลงไปเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ควบคุมพลังแห่งอัสนีบาตได้แล้ว เขาก็จะสามารถเบิกพลังอันแข็งแกร่งของอัสนีบาตรเข้าสู่ร่างกายได้อีกไม่สิ้นสุด

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าในขณะนี้อักขระภายในหยาดโลหิตของเขายังเป็นเพียงระดับตัวอ่อนเท่านั้น หากต้องการที่จะเพิ่มพูนระดับอักขระ มีแต่จะต้องจับอัสนีบาตเข้าไปในร่างกายให้มากกว่านี้ อีกทั้งเมื่อได้พบกับทัณฑ์จากสวรรค์ในครั้งต่อไปก็จะมีพลังต้านทานที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ในเมื่อภายในหยาดโลหิตมีอักขระของพลังแห่งอัสนีบาตรปรากฏขึ้นมาได้ เช่นนี้ก็หมายความว่าหลงเฉินสามารถทำให้ลมปราณแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งอัสนีบาตได้ด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

ก็เท่ากับว่าในขณะนี้หลงเฉินมีทั้งอาวุธเพลิง อาวุธอัสนี เบิกสวรรค์ และกายาศึกกักวายุ เรียกได้ว่าเป็นขุมพลังการโจมตีที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสองอย่างหลังที่เป็นพลังสภาวะที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ทว่าหากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้สูญเสียพลังได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นเดียวกัน เพราะภายในจุดดารากักวายุของเขาก็ไม่ได้มีพลังลมปราณมากพอที่จะใช้ขุมพลังการโจมตีเหล่านั้นออกมาได้อย่างเต็มที่

 

 

 

 

 

 

 

 

“หว่านเอ๋อ พวกเราไปทำภารกิจเอาแต้มคะแนนกันเถิด” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

ในเมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจนี้แล้วก็สมควรที่จะไปทำภารกิจเพื่อหาแต้มคะแนนให้กับขุมกำลังต่อ จากนั้นก็รวมรวบสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถแปรแสงเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้เบิกดาราขั้นที่สอง ไม่อย่างนั้นพลังต่อสู้อันน่ากลัวของเขามีแต่จะถดถอยลงไปจนกลายเป็นเรื่องที่ย่ำแย่แน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

“ชิ ถ้ารอจนเจ้าคิดได้ อาหารเลิศรสคงจะเย็นชืดหมดแล้ว อย่าได้ห่วงไปเลย ข้าได้จัดการเรื่องภารกิจเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว” ถังหว่านเอ๋อกล่าวพร้อมทั้งเชิดจมูกขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

ในช่วงเวลาที่หลงเฉินสลบไปถึงสามวันเต็ม ถังหว่านเอ๋อก็ได้จัดสรรผู้คนภายในขุมกำลังไปรับภารกิจมาแล้ว ถึงแม้ว่าพรรคฟ้าดินของพวกเขาจะได้อันดับที่หนึ่ง ทว่าภารกิจชั้นเลิศก็ไม่ได้มีมากมายนัก แต่ก็ยังมากกว่าเหล่าขุมกำลังทั้งสิบเจ็ด เพราะพวกเขาได้รับภารกิจมาถึงหนึ่งในห้าเลยก็ว่าได้

 

 

 

 

 

 

 

 

และถังหว่านเอ๋อก็บอกกล่าวต่อหลงเฉินไปอีกว่าหากสำเร็จภารกิจทั้งหมดที่ได้รับมาแล้วก็จะมีแต้มคะแนนทั้งหมดถึงยี่สิบเจ็ดหมื่นแต้มเลยทีเดียว

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินที่ได้ยินก็ยังต้องแตกตื่นตกใจขึ้นมายกใหญ่ราวกับว่าสามารถได้แต้มมาอย่างง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งภารกิจเหล่านั้นก็ไม่ได้ยากเย็นจนเกินไปนัก ผู้คนโดยส่วนมากแล้วคงจะทำให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

“หว่านเอ๋อ ข้ารู้สึกว่าซ่งหมิงเหยียน หลี่ฉี และโหลวฉางต่างก็เป็นบุคคลที่เชื่อใจได้ ข้าจึงอยากจะเป็นพันธมิตรกับพวกเขา” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าไม่เข้าใจในคำพูดของเจ้า” ถังหว่านเอ๋อกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่าในตอนนี้พวกเขาได้เป็นพันธมิตรต่อกันแล้วอย่างนั้นหรือ?

 

 

 

 

 

 

 

 

“ความหมายของข้าก็คือจะรับทุกคนเข้ามาอยู่ร่วมกัน ไม่มีการแบ่งแยก และที่สำคัญคือก้าวหน้าไปพร้อมกัน” หลงเฉินตอบกลับไป

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อจึงทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง “ไม่ได้ นี่เป็นการกระทำที่หยาบเกินไป หากเป็นจื่อชิวเจี่ยเจี่ยนั้นคงไม่เป็นปัญหาอันใด ทว่าการที่จะผนึกรวมขุมกำลังทั้งห้าเข้าด้วยกันแล้ว ข้าเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพวกเราได้”

 

 

 

 

 

 

 

 

ครอบครัวใหญ่ที่มีคนมากเกินไปนั้นย่อมอยู่ร่วมกันได้ยาก หากมีฝ่ายใดเกิดจิตใจหรือมีความคิดที่ต่างออกไป ก็มีแต่จะทำให้ทั้งครอบครัวย่ำแย่ อีกทั้งยังอาจถูกผู้อื่นกล่าวหาว่าเล่นพรรคเล่นพวก ไม่ยุติธรรม แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมเป็นผลกระทบที่ใหญ่หลวงอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

และหากว่าข้อขัดแย้งต่างๆ ไม่อาจคลี่คลายไปได้ด้วยดี จากพันธมิตรก็จะกลายเป็นศัตรูที่น่าหวาดกลัวมากที่สุด ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อจึงรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้มีโทษมากกว่าประโยชน์หลายประการนัก

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าเข้าใจความคิดของเจ้า ทว่าไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังเชื่อในความสามารถของพวกเขา และหากข้าทำให้พวกเขาเห็นว่าขุมกำลังของพวกเราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดขึ้นไปได้เรื่อยๆ อย่างบ้าคลั่งแล้ว มีหรือที่พวกเขายังคิดที่จะแตกแยกออกไป” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“ความหมายของเจ้าคือ….”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถทำให้พลังฝีมือของทุกคนก้าวหน้าขึ้นไปได้อีก ขอเพียงพวกเขาเชื่อใจข้า ยอมมอบแต้มคะแนนเหล่านั้นให้ข้าเฉกเช่นที่เจ้าเคยทำ ข้าก็จะทำให้ขุมกำลังของพวกเขารุดหน้าไปด้วยเช่นกัน” หลงเฉินกล่าวด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อจึงเกิดความเข้าใจขึ้นมาอย่างฉับพลันว่าหลงเฉินคิดจะหลอมโอสถขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำให้ทุกคนสามารถทะลวงพลังเข้าสู่ระดับต่อไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะโอสถของหมู่ตึกแห่งนี้มีราคาสูงจนเกินไป ทว่าสมุนไพรกลับมีราคาถูกกว่ามาก ฉะนั้นหลงเฉินจึงอยากจะหลอมโอสถขึ้นมาเอง และแน่นอนว่าเขามีโอกาสที่จะหลอมโอสถให้อยู่ในระดับสูงได้มากกว่า เรียกได้ว่าประหยัดแต้มคะแนนได้อย่างมหาศาล

 

 

 

 

 

 

 

 

“โอสถที่หมู่ตึกขายอยู่นั้น ข้าหลอมเป็นทั้งหมด และที่พวกเขายังไม่มี ข้าเองก็หลอมขึ้นมาได้” หลงเฉินมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของถังหว่านเอ๋อแล้วกล่าวขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

เนื่องจากภายในห้วงแห่งความทรงจำของหลงเฉินมีความทรงจำของจักรพรรดิโอสถอยู่ มีวิธีการหลอมโอสถอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ขอเพียงได้สมุนไพรมาเพียงพอ ย่อมไม่มีโอสถใดที่เขาหลอมไม่ได้

 

 

 

 

 

 

 

 

ส่วนซ่งหมิงเหยียนและพวกพ้องนั้นต่างก็ผ่านพ้นความยากลำบากมาพร้อมกับขุมกำลังของพวกเขามาโดยตลอด ไม่มีวี่แววที่จะละทิ้งหรือยอมแพ้ นี่ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพวกเขาทั้งสามคนต่างก็เป็นผู้ที่มีจิตใจงาม และหลงเฉินก็ไม่ชมชอบการติดค้างน้ำใจผู้ใด ในเมื่อผู้อื่นนับตนเป็นพี่น้องแล้ว มีหรือที่เขาจะทำลายความเชื่อใจของผู้อื่นลงไปได้

 

 

 

 

 

 

 

 

“เอาเถิด ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าและจื่อชิวเจี่ยเจี่ยก็คงจะไม่มีปัญหาอันใด เช่นนั้นเจ้าก็ไปบอกกล่าวกับซ่งหมิงเหยียนและพวกพ้องเถิด” ถังหว่านเอ๋อพยักหน้าไปมาแล้วตอบกลับไป

 

 

 

 

 

 

 

 

ในเมื่อหลงเฉินตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว นางก็มีแต่จะต้องชื่นชมในความลึกล้ำของบุรุษผู้นี้ที่มีความซื่อตรงอย่างเปิดเผย อีกทั้งยังรู้คุณที่ควรจะทดแทน หากเทียบกับหลงเฉินแล้ว บุคคลอย่างกู่หยาง เหร่ยเชียนซัง และชีซิ่งก็เป็นได้แค่เศษสวะเท่านั้น ไม่มีสภาวะที่เหมาะสมจะเรียกเป็นบุรุษเลยด้วยซ้ำไป

 

 

 

 

 

 

 

 

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ต้องการพักผ่อนอีกสักครู่หรือไม่?” จู่จู่ใบหน้าของหลงเฉินก็ซีดเผือดลงจนถังหว่านเอ๋อต้องถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่เป็นอะไรมาก พวกเรารีบไปกันเถิด เสี่ยวเสว่ยคงจะกลับมารอแล้ว ข้าจะได้เบิกช่องว่างแห่งจิตวิญญาณแล้วให้เจ้าหนูน้อยอยู่ข้างกายได้ตลอดเวลาแล้ว และในการต่อสู้ครั้งต่อไป พวกเราก็จะมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว เจ้าหัวโล้นกู่หยางจะได้ไม่กล้าเหิมเกริมขึ้นมาได้อีก” หลงเฉินกล่าวอย่างฮึกเหิม

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อแสยะยิ้มขึ้นมาแล้วตอบกลับไปว่า “เขาเหิมเกริมอย่างนั้นหรือ? เหตุใดข้ากลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย ข้าว่าเจ้ายังเหิมเกริมเสียยิ่งกว่า เหร่ยเชียนซังและชีซิ่งก็กลายเป็นสุนัขจนตรอกเพราะฝีมือของเจ้าไปแล้ว ส่วนกู่หยางก็บาดเจ็บอย่างแสนสาหัส เจ้ายังไม่พอใจอีกอย่างนั้นหรือ?”

 

 

 

 

 

 

 

 

“เหอะ ข้าไม่ได้มีจิตใจอ่อนโยนเช่นเจ้า ถึงขั้นถูกทำร้ายจนต้องหลั่งน้ำตาก็ยังกล้ากล่าวเช่นนี้ออกมาได้ ส่วนกัวเหรินก็ถูกทำให้โลหิตหลั่งไหลออกมาจากร่างกาย แน่นอนว่าบัญชีของข้าและพวกเขาย่อมไม่มีทางจบเพียงเท่านี้แน่

 

 

 

 

 

 

 

 

ในเมื่อผู้ใดกล้าเข้ามาทำร้ายพี่น้องของข้า พวกเขาย่อมต้องได้รับสิ่งตอบแทนที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่สุดจนพวกเขาไม่กล้าเกิดจิตคิดร้ายต่อไปได้อีก” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อได้ฟังวาจาขึงขังเช่นนั้น ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อก็เกิดความอบอุ่นใจขึ้นมาท่วมท้น “ไปกันเถิด พวกเราต้องกลับกันแล้ว ออ หลงเฉิน เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในขณะที่เจ้าอยู่ที่ดินแดนรกร้างศิลาวาย”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่มีเรื่องน่าสนใจอันใดให้กล่าวออกมาหรอก”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่ได้ ข้าอยากรู้”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ในแต่ละวันก็มีแต่ล่าสัตว์ กินเนื้อ ดื่มโลหิต เหม็นกลิ่นคาวจะตายอยู่แล้ว มีสิ่งใดที่เจ้าสนใจอย่างนั้นหรือ? พวกเรารีบกลับไปกันเถิด ข้าไม่อยากให้เสี่ยวเสว่ยรอนาน”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันทีที่กล่าวจบ หลงเฉินก็เดินนำถังหว่านเอ๋อจนหายลับไปจากยอดเขาแห่งนั้นในทันที

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset