บทที่ 495 เถ้าแก่เนี้ยโปรดชี้แนะ
ซือเยี่ยหานรู้สึกว่าตัวเองหลับฝันไปยาวนานมาก ในฝันไม่มีแสงสว่างเลยสักนิด ไม่ว่าเขาจะเดินอย่างไร ก็เดินไปไม่ถึงปลายทางสักที
ความมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุดนั้นแทบจะกลืนกินทุกอย่างของเขา…
มีเพียงความอบอุ่นอันอ่อนโยนที่ส่งมาจากฝ่ามือเท่านั้น ที่ส่งมาให้เขาไม่ขาดสายทำให้เขาไม่ยอมหยุด ทำให้เขาเดินต่อไปได้…
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ กระทั่งในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากความมืดมิดได้เสียที มองเห็นแสงสว่างรำไร…
วินาทีที่เขาลืมเปลือกตาขึ้นมา ได้เห็นแสงอาทิตย์เช้าตรู่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง โลดแล่นอยู่บนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยของหญิงสาว
หญิงสาวถามเขา ว่าคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอเมื่อคืน ยังจำได้หรือไม่
ทำไมจะจำไม่ได้?
เธอบอกให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป…
เวลานี้ หญิงสาวเลิกคิ้ว ดูจากสีหน้าคล้ายจะประหลาดใจ ประหลาดใจที่เขายังจำได้
ดวงตาเฉลียวฉลาดคู่นั้นราวกับเป็นต้นกำเนิดแสงสว่างของโลกทั้งใบ
นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นฉายแววเจ้าเล่ห์ ขยับเข้าใกล้อีก เอ่ยถามเนิบๆ ว่า “งั้น…คุณจำได้ไหมว่า คุณยังพูดอย่างอื่นอีกเยอะแยะเลย”
ซือเยี่ยหานอดไม่ได้ยื่นมือออกไปสัมผัสแผงขนตาที่กระพือดั่งปีกผีเสื้อของหญิงสาว “พูดอะไรเหรอ?”
หญิงสาวเผยสีหน้าจิ้งจอกน้อย “คุณบอกว่า…ไม่ว่าฉันต้องการอะไร คุณจะยอมให้หมด! เมื่อคืนคุณเพ้อเพราะพิษไข้ ไม่เพียงบอกว่าจะให้ทุกอย่างที่ฉันอยากได้ ยังบอก…ยังบอกว่ารักฉันมากจนไม่อาจถอนตัว บอกว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะเชื่อฟังฉันทุกอย่าง ยอมรับฟังเหตุผลของฉัน…”
เห็นซือเยี่ยหานมองจ้องตนเองไม่พูดอะไร เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วเอ่ยถาม “ทำไม? ไม่เชื่อเหรอ? คิดว่าฉันหลอกคุณเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ความจริงแล้ว มีเพียงประโยคแรกที่เป็นเรื่องจริง
นัยน์ตาของซือเยี่ยหานคล้ายกับสายลมอ่อนโชยพัดผิวทะเลสาบ กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น พลางเอ่ยเสียงเบา “เปล่า คำพวกนี้…เหมือนกับคำพูดของฉันจริงๆ”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน พลันงุนงงไปเลย…
อะไรนะ? เหมือนคำพูดของเขา?
สิ่งที่จิตใต้สำนึกของเธอสั่งคือเอามือแนบหน้าผากซือเยี่ยหานอีกครั้ง ใจคิดว่าเขาไม่สบายจนเลอะเลือนหรือเปล่า?
เธอแกล้งหลอกเขา เขาดูไม่ออกเหรอ? ยังจะมาพูดอีกว่าคำพูดเลี่ยนชวนขนลุกแบบนี้เหมือนจะเป็นคำที่เขาน่าจะพูดออกมา?
ยึดมั่นในความคิดไม่หลอกคือไม่หลอก เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อไปว่า “อืม งั้นคุณต้องจำคำมั่นสัญญาของตัวเองให้ดี ห้ามผิดคำพูด”
เวลานี้ เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น
สวี่อี้ยืนอยู่ที่ประตู กล่าวว่า “คุณชายเก้า คุณหนูหวันหวั่น…”
“พ่อบ้านสวี่ มีเรื่องอะไรเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
สวี่อี้สายตาเป็นห่วงมองไปทางเจ้านายของตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง “คุณหนูหวันหวั่น อาการของคุณชายเก้า…”
“ไข้ลดแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
สวี่อี้ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นใบหน้ามองดูแล้วเหมือนมีเรื่องลำบากใจ หลังจากอ้ำอึ้งอยู่นาน ก็เอ่ยว่า “ประธานเซวียและคุณหนูรั่วซีมารออยู่ด้านนอกนานแล้วครับ มีเอกสารเร่งด่วนจากเมืองเซิน ต้องการให้คุณชายเก้าเซ็น…”
ได้ยินคำพูดของสวี่อี้ สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นที่เพิ่งจะผ่อนคลายลง ฉาบความเย็นชากลับขึ้นมาทันที
สวี่อี้รู้สุขภาพของซือเยี่ยหานในตอนนี้ดี เพียงแต่ด้วยความรับผิดชอบ เรื่องแบบนี้จึงไม่อาจปิดบังไม่รายงานได้ ทำได้เพียงฝืนใจเข้ามาแจ้ง
สวี่อี้ส่งสายตาขอคำชี้แนะไปยังซือเยี่ยหาน “คุณชายเก้า คุณเห็นว่า…”
ซือเยี่ยหานขยับตัวขึ้นมานั่งพิงหลังอยู่ที่หัวเตียง สายตาหยุดอยู่ที่ใบหน้าเย็นชาของเยี่ยหวันหวั่นครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองสวี่อี้ พลางเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า “ไม่จำเป็นต้องถามฉัน”
“นี่…” สวี่อี้มึนงง
ไม่ถามเขา งั้นถามใครล่ะ?
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าบึ้ง เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “ถามฉัน!”
สวี่อี้อุทาน “…หา?”
………………………………………………………..
บทที่ 496 ฉันจะรับช่วงต่อ
สวี่อี้ยังคงทำหน้างุนงง เยี่ยหวันหวั่นก็พูดขึ้นว่า “พาฉันไปหน่อย!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางประตู
เดินไปได้ครึ่งทาง ก็หันกลับมามองชายหนุ่มบนเตียงอย่างไม่วางใจ พลันสั่งว่า “ยังเช้าอยู่เลย คุณนอนต่อเถอะ”
ในน้ำเสียงของซือเยี่ยหานแฝงเร้นด้วยรอยยิ้ม “อืม”
สวี่อี้ยืนอึ้งมึนงงอยู่ตรงนั้นนานเป็นครึ่งวันกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ รีบขยับฝีเท้าตามเยี่ยหวันหวั่นไป
ด้านหลัง เมื่อชายหนุ่มเห็นเงาแผ่นหลังของหญิงสาวจากไปแล้ว แววตาอ่อนโยนอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว…
เยี่ยหวันหวั่นจากไปไม่นาน เสียงอุ้งเท้าเบานุ่มเหยียบย่ำบนพื้นก็ดังขึ้น
เงาร่างสีขาวเงินร่างหนึ่งเดินย่องไร้เสียงมาอยู่ที่ขอบเตียงของชายหนุ่ม จากนั้นหมอบลงบนพรมข้างเตียงของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
ซือเยี่ยหานมองเสือขาวข้างเตียง นัยน์ตาที่อ่อนโยนพลันเย็นเยียบขึ้นมาบ้าง “สลอเทอร์ หากว่า…ฉันทำไม่ได้…”
ซือเยี่ยหานหลุบตาลง กุมบริเวณหน้าอกไอเบาๆ แล้วยื่นมือไปลูบเบาๆ ที่ขนบนร่างเสือขาว “หากว่า วันหนึ่งฉันไม่อยู่ ต้องดีกับเธอหน่อยนะ”
สลอเทอร์สะบัดหางอย่างหงุดหงิด ขู่คำรามเสียงต่ำอย่างดุร้าย ราวกับกำลังไม่พอใจและตำหนิ…
……
ใต้ตึก
ฉินรั่วซีและชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังรออยู่ที่เดิมจริงๆ สีหน้าของคนทั้งสองดูแล้วร้อนใจเป็นพิเศษ
ข้างล่างตึกได้ยินเสียงฝีเท้าดังมา คนทั้งสองรีบหันกายมองไปข้างบน
ผลที่ได้ กลับเห็นว่าคนที่ลงมาไม่ใช่ซือเยี่ยหาน แต่เป็นเยี่ยหวันหวั่น มีสวี่อี้ตามมาข้างหลัง
เยี่ยหวันหวั่นเดินตรงเข้าไปในห้องรับแขกแล้วนั่งลงบนโซฟา เอ่ยกับคนทั้งสอง “คุณทั้งสองเชิญนั่งค่ะ”
เซวียลี่ผู้รับผิดชอบบริษัทสาขาพลันชะงักอึ้ง มองสบตากับฉินรั่วซี จากนั้นก็เอ่ยถามไปโดยจิตใต้สำนึก “คุณชายเก้าล่ะครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “มีเรื่องอะไร พูดกับฉันได้เลย”
ฉินรั่วซีได้ยิน นัยน์ตาวาบไหว
เซวียลี่ขมวดคิ้วย่น เอ่ยว่า “นี่คือเอกสารด่วนหลายฉบับจากทางบริษัทสาขาที่เมืองเซิน จำเป็นต้องให้คุณชายเก้าเซ็นชื่อยืนยันทันที”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ารับทราบ “ทราบแล้ว ส่งให้ฉันเถอะ”
เซวียลี่มีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สัญญาเหล่านี้สำคัญมากๆ อีกทั้งเป็นเอกสารความลับทั้งหมด ไม่สามารถส่งผ่านมือคนอื่นได้ จะส่งให้ถึงมือคุณชายเก้าได้คนเดียวเท่านั้น”
เยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนท่วงท่ามานั่งแบบสบายๆ พลางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เรื่องเหล่านี้ฉันจะเป็นคนรับช่วงต่อ”
อะไรนะ? เธอจะรับช่วงต่อ?
“ผู้อำนวยการฉิน นี่…” เซวียลี่หันมองฉินรั่วซีทันที เป็นนัยว่าขอคำชี้แนะ
ฉินรั่วซีที่มีสีหน้าสบายๆ ในที่สุดก็เคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วน “คุณหนูเยี่ย มันสำคัญมากจริงๆ หากท่านประธานซือฟื้นแล้ว โปรดขอคำชี้แนะจากเขาสักหน่อยคงจะเหมาะกว่า”
เอ้อ ในที่สุดก็เริ่มร้อนใจแล้วงั้นเหรอ?
เพียงแค่เริ่มแตะต้องผลประโยชน์ของเธอ ฉินรั่วซีถึงจะเห็นเธออยู่ในสายตา
เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางฉินรั่วซีเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ต้องขอโทษคุณหนูฉินด้วย สำหรับฉันแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของแฟนฉัน”
น้ำเสียงของเยี่ยหวันหวั่นค่อนข้างจะโอหัง ไม่มีความหวั่นเกรงเลยสักนิด
อย่างไรแล้วต่อให้ฉินรั่วซีพูดถึงเหล่าผู้อาวุโสและคุณหญิงใหญ่ทางนั้น เธอก็ยังมีเหตุผล
ฉินรั่วซีก็รู้ว่า ขอเพียงเยี่ยหวันหวั่นยกเรื่องสุขภาพของซือเยี่ยหานมา เธอก็ทำอะไรเขาไม่ได้
ฉินรั่วซีกล่าวอย่างสุภาพ “แน่นอนว่าพวกเราก็เป็นห่วงสุขภาพของท่านประธานซือ หากว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน ไม่มีทางมารบกวนเขาเด็ดขาด เพียงแต่ เอกสารเหล่านี้ จะต้องให้ท่านประธานซือเซ็นชื่อก่อนบ่ายวันนี้ อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องที่ท่านประธานซือได้จัดการและนัดหมายไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน ดังนั้นหวังว่าคุณหนูเยี่ยจะยอมให้คุณชายเก้ามายืนยันจะเป็นการดีกว่า”
………………………………………………………..