สมาคมทหารรับจ้างแห่งเมืองเยว่กวางตั้งอยู่ตรงย่านกลางเมืองเยว่กวาง
เป็นเพราะทำเลที่ยอดเยี่ยมของเมืองทำให้สมาคมทหารรับจ้างในเมืองนี้มีความคึกคักเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สมาคมทหารรับจ้างแห่งเมืองเยว่กวางยังถือเป็นหนึ่งในสมาคมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ด้วย
ฉินอวี้โม่ที่เดินสำรวจเมืองไปตลอดทางในที่สุดก็มาถึงประตูทางเข้าของสมาคมทหารรับจ้าง และเมื่อมาถึงนางก็อดไม่ได้ที่จะต้องตื่นตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการของสมาคมทหารรับจ้างของเมืองเยว่กวางแห่งนี้
อาคารสมาคมถูกสร้างเป็นตึกสูงถึงสี่ชั้น เสาสองต้นหน้าอาคารมีขนาดใหญ่ถึงสองคนโอบ ตัวอาคารถูกทาด้วยสีทองที่เปล่งประกายเจิดจรัส
“คุณหนู ดูเหมือนว่าเมืองนี้จะเจริญกว่าเมืองของเราเยอะเลยนะเจ้าคะ ข้าว่า แค่เงินสร้างสมาคมทหารรับจ้างของที่นี่ก็น่าจะเยอะพอเอาไปสร้างเป็นสมาคมทหารรับจ้างของเมืองหลิงซีได้เป็นสิบๆ ที่แล้ว”
เสี่ยวโร่วมองดูตึกรามบ้านช่องอันแสนงดงามตระการตาของเมืองเยว่กวางด้วยความตื่นตาตื่นใจ สาวใช้น้อยพูดด้วยเสียงตื่นเต้นและชี้ชวนให้ฉินอวี้โม่ดูสิ่งนั้นสิ่งนี้มาตลอดทาง นี่เป็นครั้งแรกของนางที่มีโอกาสได้เห็นเมืองใหญ่ขนาดนี้ อีกทั้งนางยังเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสี่ย่างสิบห้า หากจะให้กล่าวก็นับว่ายังไม่เข้าสู่วัยสาวเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นที่นางมีอาการตื่นเต้นขนาดนี้ก็นับว่าไม่แปลก
“เด็กโง่ นี่แค่เมืองเยว่กวางเท่านั้น ถ้าวันหนึ่งข้าพาเจ้าไปที่นครไป๋อวิ๋น เจ้าจะต้องตกใจจนเป็นลมไปแน่ๆ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเสี่ยวโร่ว ฉินอวี้โม่ก็อดยิ้มอย่างขบขันไม่ได้
ต่างจากผู้คนที่อยู่รอบๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กสาวคนเหล่านั้นก็หันมามองพวกนางด้วยสายตาดูแคลน
ในสายตาของพวกเขา บุรุษชุดดำร่างเล็กท่าทางประหลาดทั้งสองคนก็ไม่ต่างจากคนหลังเขาที่เพิ่งเคยเข้ามาเมืองใหญ่เป็นครั้งแรกและทำท่าทางตื่นเต้นกระดี๊กระด๊าน่ารำคาญ
ฉินอวี้โม่ไม่สนใจสายตาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นโลกที่อยู่ตอนนี้หรือโลกที่เธอจากมาเรื่องเหยียดชนชั้นแบ่งวรรณะแบบนี้ก็มีให้ได้พบเจอจนเป็นปกติ ส่วนเสี่ยวโร่วแม้ว่านางจะเยาว์วัยแต่ก็พอจะเข้าใจความหมายของสายตาเหล่านั้นอยู่บ้าง สาวใช้น้อยหันไปขมวดคิ้วมุ่นทำหน้ายุ่งใส่คนที่ลอบมองพวกนางทันที
“อย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย เราไปกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะก่อนจะดึงมือเสี่ยวโร่วเดินเข้าไปในสมาคมทหารรับจ้าง
เมื่อเข้ามาแล้ว พวกนางก็พบว่าภายในสถานที่แห่งนี้คับคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย บ้างก็นั่งคุยกันเสียงดังจอแจ บ้างก็เดินไปเดินมาจนแทบจะเรียกได้ว่าแออัด ที่บริเวณโต๊ะติดต่อสอบถามเองก็เบียดเสียดไม่น้อย ผู้มาติดต่อจำนวนมากยืนรอเป็นแถวยาว และถึงแม้ว่าที่นี่จะจัดเจ้าหน้าที่สำหรับให้บริการเอาไว้ไม่น้อยแล้ว แต่ทุกคนก็มีงานล้นมือจนแทบจะจัดการไม่ทันเลยทีเดียว
“สหายหนุ่ม มีอะไรให้ช่วยไหม?”
เมื่อโต๊ะติดต่อสอบถามตัวหนึ่งว่างลง ฉินอวี้โม่ก็เดินเข้าไปเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนแก่นมายาและแกนชีวิตเป็นเงิน บุรุษรูปร่างเล็กที่ยืนอยู่หลังโต๊ะตัวนั้นมองดูนางอยู่ชั่วครู่พลางกล่าว ก่อนจะก้มลงไปทำงานต่อ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยังยุ่งมากและฉินอวี้โม่ก็ดูไม่คล้ายกับกลุ่มคนชั้นสูงหรือผู้มีฐานะมั่งคั่ง เขาจึงไม่ได้คิดจะอำนวยความสะดวกให้นางมากเท่าใดนัก
“น้องชาย ข้าสามารถเอาแก่นมายาและแกนชีวิตมาแลกเป็นเงินที่นี่ได้หรือไม่?”
ฉินอวี้โม่ไม่ได้โกรธเคืองท่าทีของหนุ่มน้อยตรงหน้าเลยสักนิด นางเห็นว่าบนโต๊ะตัวนั้นยังมีแก่นมายาและแกนชีวิตอยู่มากมาย เด็กหนุ่มผู้นี้คงจะกำลังหัวเสียไม่น้อยกับงานยุ่งๆ ตรงหน้า เพราะเขากำลังนั่งคัดแยกมันไปด้วยขณะที่ยังต้องลงทะเบียนให้กับผู้ที่เข้ามาสมัครรับงานไปด้วย
“ถ้างั้นก็เอาแก่นมายาและแกนชีวิตที่เจ้ามีวางลงบนนี้ได้เลย ข้าจะประเมินราคาให้”
หนุ่มน้อยผู้นั้นพยักหน้า ก่อนจะหยิบเอาถาดไม้ขนาดไม่ใหญไม่เล็กออกมาและยื่นมันให้ฉินอวี้โม่เพื่อใช้วางแก่นมายาและแกนชีวิตที่จะแลกเปลี่ยน
“วางลงในนี้น่ะหรือ?”
เมื่อมองดูขนาดของถาด ฉินอวี้โม่ก็อุทานออกมาอย่างอดไม่ได้
“ใช่ ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งมาก ถ้าเจ้าอยากจะเอาของมาแลกก็ช่วยรีบหน่อย”
หนุ่มน้อยพยักหน้าและพูดตอบรับในขณะที่ยังคงหน้าก้มหน้าทำงานของเขาต่อไป
“ก็ได้”
ฉินอวี้โม่พยักหน้ารับอย่างจำยอมพลางมองถาดไม้ใบนั้นอย่างยุ่งยากใจ อดีตนักฆ่าสาวไม่ได้มีปัญหากับท่าทางของเจ้าหน้าที่ต้อนรับหนุ่ม เพียงแต่นางกำลังกังวลว่าถาดเล็กๆ เช่นนี้จะไม่เพียงพอให้นางใส่แก่นมายาและแกนชีวิตที่รวบรวมมาได้ทั้งหมด
ทว่าในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นฉินอวี่โม่ก็ต้องทำตาม สาวงามอดีตคุณหนูล้วงเอาถุงใบใหญ่จากภายในแหวนมิติของตัวเองออกมา ก่อนจะเปิดปากถุงและเทมันลงไปบนถาดไม้เจ้าปัญหาที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
ในตอนนั้นเองโต๊ะทำงานของหนุ่มน้อยผู้นั้นก็เต็มไปด้วยแก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนกองสูงเป็นภูเขา ตอนนี้ถาดไม้ไม่เล็กไม่ใหญ่กลายเป็นเล็กไปทันทีเมื่อมันถูกภูเขาของแก่นมายาทับถมจนมิด ทว่าจนถึงตอนนี้ในถุงผ้าของฉินอวี้โม่ก็ยังคงมีผนึกกลมๆ หลากหลายสีหล่นลงมาจนทำให้มีบางอันถึงกับร่วงหล่นและกลิ้งไปตามพื้น
กริ๊งๆ ๆ ๆ !
“นี่…”
หนุ่มน้อยที่อยู่หลังโต๊ะตัวนั้นถึงกับอ้าปากค้างเบิกตากว้าง ใครจะไปคิดล่ะว่าบุรุษชุดดำดูประหลาดจะมีแก่นมายาและแกนชีวิตมากมายถึงเพียงนี้!!
“น้องชาย ดูเหมือนว่าถาดใบนั้นมันจะไม่พอนะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวพลางส่องดูแก่นมายาและแกนชีวิตที่ยังเหลืออยู่บางส่วนตรงก้นถุงผ้า นางหันไปมองหนุ่มน้อยผู้นั้นด้วยแววตาที่ไร้เดียงสาพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้
ผู้คนในสมาคมทหารรับจ้างที่กำลังวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งแปลกๆ และทันทีที่ได้เห็นแก่นมายาและแกนชีวิตกองท่วมโต๊ะ พวกเขาก็หันขวับไปมองฉินอวี้โม่เป็นตาเดียว การได้เห็นแก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนมากมายทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเทศกาลอสูรล้อมเมืองนับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมาก!
‘….. เจ้าหนุ่มคนนั้นมันไปปล้นรังอสูรมายามารึยังไง?’
เจ้าหน้าที่หนุ่มน้อยตกตะลึงตาค้างไปชั่วครู่และเมื่อได้สติเขาก็กำลังจะบอกให้ฉินอวี้โม่เก็บแก่นมายาและแกนชีวิตของนางกลับไปก่อน ทว่ายังไม่ทันที่จะได้อ้าปาก เขาก็เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาด้วยสายตาโกรธเคือง
“รอเดี๋ยวก่อน แก่นมายากับแกนชีวิตพวกนี้เป็นของที่ถูกขโมยมา สมาคมทหารรับจ้างของเราคงรับมันไว้ไม่ได้”
สิ้นคำพูดไม่เข้าหู คนกลุ่มนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉินอวี้โม่ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย