บทที่ 263 ยังคิดจะแย่งซีน?
“ได้ครับ…”
จ้าวต้าหย่งสูดหายใจเข้าลึก ปรับอารมณ์ให้เข้าที่แล้วเริ่มเล่าถึงวันนั้นหลังจากเขากลับบ้านมาพบว่าลูกสาวผิดปกติไปอย่างไร คุยเปิดใจกับลูกสาวอย่างไร และพบว่าลูกสาวถูกหานเซี่ยนอวี่กระทำอนาจารมาเป็นเวลานานได้อย่างไร
หลังจากเล่าจบ จ้าวต้าหย่งก็เปิดบันทึกเสียงบทสนทนากับลูกสาว
‘เขา…เขาจับหนู…’
‘จับลูกตรงไหน?’
‘จับ…หน้าอกหนู…’
‘ตรงไหนอีก…’
…
หลี่เฉียวหงได้ยินเพียงครึ่งเดียวก็เริ่มกุมหน้าอกร้องไห้โฮ “ลูกสาวฉัน…ลูกสาวที่น่าสงสารของฉัน…แก้วตาดวงใจเพียงคนเดียวของฉัน…ต่อไปเขาจะใช้ชีวิตอย่างไร…ชีวิตนี้ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของเดรัจฉานตัวนั้นไปซะแล้ว…”
จ้าวต้าหย่งกำหมัดแน่น “เป็นความผิดของผมเอง ในฐานะพ่อ ผมไม่ได้ทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มที่ เป็นผมเองที่ไร้ความสามารถ ปกป้องลูกไว้ไม่ได้ ทำให้ลูกต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้!
คนพวกนั้นที่ไม่ละเว้นแม้แต่เด็ก เป็นกากเดนของสังคม เป็นเดรัจฉานที่ไร้มนุษยธรรม ต่อให้ถูกตัดสินประหารก็ยังไม่มากเกินไป!”
ท่าทางโกรธขึ้งของพ่อ และการร้องไห้โฮด้วยความใจสลายของแม่ บันทึกเสียงอันน่าสลด นำพาอารมณ์โกรธในห้องประชุมไปถึงขีดสุดภายในพริบตา ผู้ชมถ่ายทอดสดก็ฟลัดคอมเมนต์กันอย่างมืดฟ้ามัวดิน
“หานเซี่ยนอวี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? เด็กเล็กขนาดนั้นก็ยังไม่เว้น!”
“รู้ตั้งนานแล้วว่าวงการบันเทิงมันเละเทะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเละเทะขนาดนี้ คนแบบหานเซี่ยนอวี่เทียบกับพวกใช้กฎกติกาซ่อนเร้น พวกหวังจับผู้ชายรวยๆ พวกออกนอกลู่นอกทางคบชู้ ยังน่ารังเกียจกว่าเป็นหมื่นเท่า!”
“ยิ่งกว่าน่ารังเกียจอีก คนพวกนั้นอย่างมากก็พูดได้แค่ว่าไร้คุณธรรม แต่เขาไม่มีแม้แต่ความเป็นคนแล้ว! อีกอย่างเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว แม้แต่ขอโทษสักคำยังไม่มี! เลือดเย็นซะจนน่าขนลุก!”
“วิปริต! กากเดน! นึกไม่ถึงเลยว่าฉันจะเคยชอบคนแบบนี้! คนแบบนี้น่าจะโดนฉีดยาให้ไข่ฝ่อ ไปเลย! ตายไปทั้งครอบครัวซะเลย!”
“ขอแช่งให้ต่อไปลูกสาวมันก็ถูก XX…”
…
เฟยหยางมองดูฟลัดคอมเมนต์ร้ายกาจที่มืดฟ้ามัวดินเหล่านั้น สีหน้าพลันเคร่งเครียด “เซี่ยนอวี่ หรือว่าปิดไปเถอะ…”
เฟยหยางพูดพลางสังเกตที่มุมหนึ่งของจอ
เห็นชายหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเอียงศีรษะเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขามองผู้คนเดือดดาลอยู่เฉยๆ ไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาทำอะไร
ขณะที่เขากำลังกลัวว่าหานเซี่ยนอวี่จะรับไม่ไหว เตรียมจะปิดไลฟ์สดลงไป ชายหนุ่มพลันหันศีรษะไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ กำลังพูดอะไรบางอย่างกับนักข่าวของมาร์สวีคลี่ที่นั่งอยู่ข้างเขา
นักข่าวเอียงตัวฟังด้วยความสนใจ ไม่นานก็พยักหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
จากนั้นเห็นเกาเฟยนักข่าวของมาร์สวีคลี่ลุกพรึบขึ้นมา เอ่ยเสียงดังว่า “พยานบุคคลและพยานวัตถุพร้อม มีหลักฐานหนักแน่นดั่งขุนเขา หานเซี่ยนอวี่ก็ยังไม่ยอมรับผิด สติต้องฟั่นเฟือนไปแล้วแน่ๆ! เพราะคนแบบนี้ถึงได้ทำให้วงการบันเทิงย่ำแย่ลงเรื่อยๆ!”
ที่ผ่านมามาร์สวีคลี่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้เพราะการรายงานข่าวที่เร็วและถูกต้อง แฉข่าวซุบซิบระดับแผ่นดินสะเทือนออกมาหลายครั้ง ชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งวงการ ทว่าหลายปีมานี้กลับถดถอยลงเรื่อยๆ คดีของหานเซี่ยนอวี่ครั้งนี้ถึงขั้นเป็นข่าวเก่าเล่นใหม่ที่คนอื่นแฉออกมานานแล้ว
บนเวที เหยียนเจิ้งหยางเห็นเกาเฟยลุกขึ้นมาพูด ดวงตาเผยความดูถูกแวบหนึ่ง นักข่าวเบอร์หนึ่งของประเทศอะไร ก็แค่ปาปารัสซี่สิ้นลายแล้วเท่านั้น
วันนี้ในที่ของเขา ยังคิดจะแย่งซีนอย่างนั้นเหรอ?
เกาเฟยเริ่มจากตะโกนด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม จากนั้นมองไปทางจ้าวต้าหย่งบนเวที เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมว่า “คุณจ้าวครับ ผมชื่อเกาเฟยเป็นนักข่างจากมาร์สวีคลี่ เห็นใจคุณที่ต้องเจอเรื่องเลวร้ายมากๆ ไม่ทราบว่าผมขอถามอะไรคุณสักสองสามข้อได้ไหมครับ?”
………………………………………………………
บทที่ 264 ข่าวใหญ่ล่าสุด
เห็นเกาเฟยและนักข่าวคนอื่นๆ ช่วยตัวเองตำหนิหานเซี่ยนอวี่ นัยน์ตาของจ้าวต้าหย่งมีความพึงพอใจวาบผ่าน พูดขึ้นด้วยสีหน้าแสดงความขมขื่น “เชิญนักข่าวถาม!”
เกาเฟยพยักหน้าพูด “ขอบคุณครับ ก่อนที่ผมจะถาม ผมอยากให้คุณจ้าวและทุกท่านดูคลิปตอนหนึ่ง”
พูดจบ เกาเฟยก็เดินไปด้านหน้าโปรเจคเตอร์ที่อยู่ข้างๆ ให้พนักงานช่วยเสียบ USB ที่ตัวเองเตรียมมา
จ้าวต้าหย่งและทุกคนได้ยิน ก็ต่างมองไปทางหน้าจอใหญ่ในห้องโถงมัลติฟังก์ชันทันใด
เริ่มด้วยเสียงเพลงมีชีวิตชีวาดังขึ้นมาก่อน ต่อมาหน้าจอมีเด็กผู้หญิงอายุห้าหกขวบปรากฏขึ้นมา เด็กหญิงสวมเสื้อครอปหนังสีดำและกระโปรงสั้น กำลังเลียนแบบการเต้นของบดาราหญิงคนหนึ่งที่ดังมากจากประเทศ H
ท่าทางการเต้นดูเป็นผู้ใหญ่มาก แต่เมื่อโลลิน้อยอายุห้าหกขวบเต้นความรู้สึกกลับไม่เหมือนกัน ทั้งน่ารักน่าเอ็นดู ท่าเต้นนั้นเป็นจังหวะเดียวกับดาราหญิงคนนั้น
หลังคลิปจบ เกาเฟยมองไปทางจ้าวต้าหย่งแล้วถาม “คุณจ้าว หลังจากคุณดูคลิปนี้แล้ว มีความคิดเห็นยังไงครับ?”
จ้าวต้าหย่งไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เกาเฟยถึงเอาคลิปเด็กผู้หญิงเต้นให้พวกเขาดู ตอบตามความจริงว่า “น่ารักมากครับ”
“แล้วทุกคนคิดว่ายังไงบ้างครับ?” เกาเฟยมองไปทางเหล่านักข่าวที่กำลังนั่งอยู่แล้วถามอีก
บรรดาสื่อมวลชนในงานดูคลิปนี้แล้วก็รู้สึกว่าน่ารักมาก เวลานี้กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่
“พระเจ้า ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูเลยนี่!”
“ความสามารถในการเลียนแบบเจ๋งมาก! อายุน้อยก็เต้นได้ดีขนาดนี้แล้ว มีพรสวรรค์จริงๆ!”
“คลิปนี้ฉันรู้สึกคุ้นๆ นะ คลิปเด็กผู้หญิงคนนี้เต้นดังมากบนอินเทอร์เน็ตเมื่อหลายปีก่อน เขาเลียนแบบการเต้นของดาราหลายคน เก่งมากจริงๆ เด็กคนนี้ตอนนี้น่าจะสิบกว่าขวบแล้ว!”
……….
ผู้คนที่กำลังชมคลิปต่างก็แสดงออกว่าเด็กน้อยในคลิปน่ารัก
ขณะที่ทุกคนกำลังวิจารณ์ พอมองเห็นสีหน้าเกาเฟยก็ต่างรู้สึกสงสัย ไม่เข้าใจว่าจู่ๆ เขามาเปิดคลิปแบบนี้ในงานแถลงข่าวมีความตั้งใจอะไร
หลังจากเกาเฟยรู้ความคิดเห็นของทุกคนที่ดูคลิปนี้แล้ว เขาพยักหน้า แล้วคลิกที่โปรเจคเตอร์ “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นขอเชิญทุกคนมาดูรูปหลายรูปนี้อีกครั้ง”
วินาทีต่อมา โปรเจคเตอร์โชว์ภาพจากเวยป๋อ
ภาพในเวยป๋อนั้นแสดงวันที่เมื่อเจ็ดปีก่อน มีบล็อกเกอร์ชื่อดังคนหนึ่งแชร์คลิปเต้นของเด็กผู้หญิงคนนี้ มีปฏิกิริยาเหมือนสื่อที่นี่และเหล่าคนดู คอมเมนต์ใต้โพสต์ในเวยป๋อนี้ต่างชมว่าเด็กผู้หญิงคนนี้น่ารัก
แต่ว่าตอนที่สไลด์โชว์ไปจนถึงรูปสุดท้าย กลับมีความคิดเห็นหนึ่งที่ไม่เข้าพวกกับคำวิจารณ์ของชาวเน็ต…
ตอนที่คำวิจารณ์นี้ถูกขยายใหญ่โชว์ขึ้นบนหน้าจอตอนนี้ ทุกคนต่างเงียบเป็นเป่าสากอยู่หนึ่งวินาที จากนั้นแทบจะโกลาหลไปหมด
“บ้าเอ๊ย! คนนี้คือใคร? โรคจิตหรือเปล่า? กับเด็กที่อายุห้าหกขวบยังพูดจาแบบนี้ออกมาได้?”
“ถึงจะเป็นในเน็ตก็พูดจาไม่รับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้นะ?”
“อุบาทว์มาก! ไอ้โรคจิตนี้ก็เป็นพวกใคร่เด็กด้วยใช่ไหม?”
………
ในรูปเกาเฟยโชว์ ID เวยป๋อของชาวเน็ตทุกคน ข้อความนี้ก็เหมือนกัน
ทุกคนด่ามาถึงตรงนี้ ก็เริ่มมีคนไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ ต่างเริ่มคาดเดากัน…
“แม่เจ้า! อย่าบอกว่าคนโรคจิตในรูปนี้คือหานเซี่ยนอวี่น่ะ?”
“ต้องเป็นเขาแน่นอน! นี่เป็นชื่อเล่นในเวยป๋อที่ถูกมาร์สวีคเอ็นขุดออกมาน่ะสิ!”
“ฉันกำลังจะบอกเลยว่าหลายปีมานี้มาร์สวีคเอ็นยิ่งเยี่ยมไม่ไหวขึ้นทุกที ดูเหมือนจะมีความสามารถขึ้นมาหน่อย! นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนขุดชื่อเล่นของหานเซี่ยนอวี่เจอเลย!”
………………………………………………….