บทที่ 231 รวยจนล้มประเทศได้
เหลียงเจียหาวหน้านิ่วคิ้วขมวด “หานหาน ลูกพูดกับป้าของลูกแบบนี้ได้ยังไง! ซิ่วหมิ่นคุณก็พูดให้มันน้อยๆ หน่อย!”
“ก็มันเรื่องจริงนี่นา หนูไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย พ่อกลับมาดุหนู…” เหลียงซือหานที่ถูกดุขอบตาแดงก่ำอย่างไม่อยากเชื่อ ร้องไห้วิ่งหนีไป
อย่างไรเสียเหลียงเจียหาวไม่อาจหักใจต่อว่าลูกสาวสุดที่รักอย่างรุนแรงได้ มองไปทางพี่สาวแล้วเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญใจ “พี่ครับ สิ่งที่ผมทำได้ทั้งหมดก็ทำไปหมดแล้วจริงๆ ทุกคนในครอบครัวล้วนต้องอาศัยให้ผมเลี้ยงดู ผมมีความกดดันมาก สิ่งที่ผมช่วยได้ก็มีแค่เท่านี้แหละ…”
เยี่ยหวันหวั่นซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างกับตาตัวเอง โกรธจนตัวสั่นระริก ความแค้นพุ่งพล่านอยู่ในอก
ดี! เหลียงเจียหาวดีมาก! ฟางซิ่วหมิ่นดีจริงๆ!
ตอนนั้นพ่อแม่เธอช่วยครอบครัวพวกเขาขนาดนั้น สองสามีภรรยายังรักใคร่เอ็นดูเหลียงซือหานราวลูกในไส้ คอนเนคชั่นเงินทุนของบริษัทเล็กๆ ใกล้เจ๊งนั่นของเหลียงเจียหาวล้วนเป็นพ่อของเธอที่เสนอให้ แม้แต่บ้านที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้เดิมทีก็เป็นทรัพย์สินของพ่อ ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเหลียงล้วนเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้ทั้งนั้น
ตอนนี้พ่อสูญสิ้นอำนาจ ครอบครัวพวกเขากลับทำแบบนี้กับพวกเขา
เหลียงเจียหาวเห็นลูกและภรรยาตัวเองเหยียดหยามแม่ กลับไม่พูดอะไรสักคำ
ที่ลานบ้าน ครอบครัวของเหลียงเจียหาวเข้าบ้านไปแล้ว เหลือเพียงแม่ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเดียวดาย
เธอรู้ว่า จากนิสัยของแม่ ความน้อยเนื้อต่ำใจที่แม่ได้รับตอนอยู่ที่ตระกูลเยี่ย แม่จะเก็บงำมันไว้ในใจคนเดียว ไม่มีทางเล่าให้คนอื่นฟัง
ด้วยสถานะการเงินตอนนี้ของพวกเขา จะไปอาศัยอยู่ข้างนอกภาระก็ยิ่งหนักขึ้น ดังนั้นแม่ทำได้เพียงอดทนต่อไป
เยี่ยหวันหวั่นกลั้นใจยืนนิ่งอยู่หลังพุ่มไม้ เห็นแม่ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง แล้วค่อยๆ ก้มตัวเริ่มหยิบเสื้อผ้าพวกนั้นขึ้นตากทีละตัวๆ…
มองดูเงาร่างผ่ายผอมของแม่ เยี่ยหวันหวั่นอยากจะพุ่งตัวออกไปอยู่ข้างกายแม่ใจแทบขาด…
แต่ว่า เข้าไปตอนนี้ เธอสามารถทำอะไรได้?
นอกจากร้องไห้ขอให้แม่ให้อภัย นอกจากทำให้แม่รู้ว่าตัวเธอมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากขนาดไหน นอกจากทำให้แม่ยิ่งเป็นห่วงแล้ว ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้อีกแล้ว!
เธอจะต้องรีบรับทั้งพ่อและแม่ออกมาให้เร็วที่สุด! ไม่ให้พวกเขาได้รับความอัปยศแบบนี้อีก!
ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะรักษาเกียรติอันน้อยนิดต่อหน้ากู้เยว่เจ๋อ เงินก้อนนั้นที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้ในตอนแรก ถูกเธอใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายจนหมดอย่างรวดเร็ว เพื่อซื้อสิ่งของที่ดูดีแต่ไร้ค่าเหล่านั้น
ตอนนี้เธอต้องการเงิน ต้องการเงินจำนวนมากมายมหาศาล!
ไม่ใช่แค่เงินเพื่อซื้อบ้านให้พ่อแม่ ไม่ใช่แค่เงินเพื่อให้พ่อแม่เอาไว้ใช้ชีวิต แต่เป็นทรัพย์สินเงินทองที่มากมายจนล้มประเทศได้!
ความมั่งคั่งที่เพียงพอที่จะทำให้เธอได้รับอิสระภายใต้การควบคุมของซือเยี่ยหาน…
เมื่อใดที่เธอสะสมความมั่งคั่งได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว เช่นนั้นอำนาจ เส้นสาย ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตามมา…
เธอรู้ว่า ด้วยสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้คิดอยากจะพิชิตภูเขาตะวันออกนั้นยากเหมือนกับปีนขึ้นสวรรค์ เยี่ยอีอีจะต้องพยายามขวางเธอสุดความสามารถแน่
เธอต้องการพันธมิตรที่สามารถต่อกรกับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือโกลเบิลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คู่แข่งไม้เบื่อไม้เมาของหวงเทียน
แต่ว่า บริษัทใหญ่อย่างโกลเบิล จะร่วมมือกับเด็กที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเธอได้อย่างไร
เธอขาดคุณสมบัติที่มากพอที่จะทำให้โกลเบิลร่วมมือกับเธอ
โชคดีที่ โอกาสที่เธอรอคอยมานาน กำลังจะมาถึงในไม่ช้า…
เยี่ยหวันหวั่นเก็บอารมณ์ทั้งหมดในดวงตา หยิบมือถือออกมา กดเปิดข่าวใหม่ล่าสุดของศิลปินสุดฮอตของโกลเบิลคนหนึ่งที่เธอติดตามอยู่ในช่วงนี้…
……………………………………………………………..
บทที่ 232 จับตาดูให้ดี
ห่างจากคฤหาสน์ไปไม่ไกล
ขณะที่สวี่อี้เตรียมจะซื้อโลงศพให้ตัวเองแล้วนั้น ในที่สุดก็เห็นเยี่ยหวันหวั่นเดินออกมาจากบ้าน
เขาตื่นเต้นราวกับเห็นแสงสว่างในวันสิ้นโลก!
เยี่นหวันหวั่นดึงประตูเปิดออกแล้วเข้าไปนั่ง
เมื่อเห็นท่าทางของสวี่อี้ก็รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เยี่ยหวันหวั่นยิ้มพลางกล่าว “พ่อบ้านสวี่ ฉันพูดแล้วว่า ต่อให้ฉันจะก่อเรื่องก็จะไม่ก่อเรื่องในเวลางานของนาย ฉันย่อมรักษาคำพูด”
สวี่อี้ได้ฟังดังนั้นคาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา ถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “คุณหนูเยี่ย หากคุณคิดได้นั่นย่อมเป็นเรื่องดี แต่ข้อเสนอของคุณทำให้ผมไม่อาจรับปากได้จริงๆ ขอแค่คุณทำตัวดีๆ ผมคิดว่านายท่านคงไม่ทำให้คุณลำบาก”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขาจะทำให้ฉันลำบากหรือเปล่า ด้วยสถานะของฉัน อยากจะยืนอยู่ในตระกูลซือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก นายคงจะรู้ดี”
ในชาติก่อนหลังจากถูกจับได้ว่าเธอจะหนีไปกับกู้เยว่เจ๋อ ซือเยี่ยหานจับเธอไปจดทะเบียนที่กระทรวงกิจการพลเรือนทันที จากนั้นพาเธอไปประกาศสถานะต่อหน้าตระกูลซือทุกคน และสิ่งที่ตามมาคือการคัดค้านจากทั้งตระกูล
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจครั้งหนึ่งเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่านายคงมีความลำบากใจของนาย ในบ้านตระกูลซือ พ่อบ้านสวี่นับว่าเป็นคนที่ดีกับฉันที่สุดแล้ว ฉันก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักบุญคุณ นายคิดซะว่าเป็นการแลกเปลี่ยนหมูไปไก่มาก็แล้วกัน!”
คำพูดนี้สวี่อี้ฟังแล้วก็ละอายใจอย่างประหลาด ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเขาจะไม่รุนแรงชัดเจนเหมือนหลิวอิ่ง แต่ที่จริงแล้วก็รังเกียจและไม่ชอบเยี่ยหวันหวั่นอยู่มาก มีอคติต่อเธอ
หลังจากที่สวี่อี้ลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยถามขึ้น “คุณอยากให้ผมช่วยคุณอย่างไร…”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นสวี่อี้ลังเล จึงไตร่ตรองคำพูดแล้วเอ่ย “อันที่จริงนั้นง่ายมาก ก็แค่ช่วยฉันจับตาดูซือเยี่ยหานสักหน่อย อย่างเช่น เขากำลังทำอะไร เวลาไหนที่ไม่สะดวกให้ฉันเข้าไปรบกวน วันไหนอารมณ์ไม่ดี มีความชอบหรือเรื่องต้องห้ามอะไร สนิทกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ อย่างคุณหนูฉินรั่วซีคนนั้น เขาชอบนายท่านของนายสินะ…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดมาตั้งมากมาย ทว่าอันที่จริงประเด็นสำคัญอยู่ที่ “ฉินรั่วซี” ศัตรูเบอร์หนึ่งคนนี้
ครึ่งแรกนับว่ายังดี แต่พอฟังมาถึงท่อนสุดท้าย สวี่อี้ก็เหงื่อนแตกเสียแล้ว “คุณหนูเยี่ย เรื่องอื่นผมพอจะให้คำแนะนำคุณได้ แต่ท่อนสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูรั่วซี ขอโทษทีผมช่วยไม่ได้จริงๆ”
เขาจะกล้าเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของนายท่านได้อย่างไร? ทั้งยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูรั่วซีอีกด้วย!
“ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณพ่อบ้านสวี่มาก”
เป็นอย่างที่คิด ฉินรั่วซีไม่ใช่คนที่เธอจะสั่นคลอนได้ง่ายๆ…
เพียงแต่สำหรับผลลัพธ์แบบนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็พึงพอใจมากแล้ว
หลังจากส่งเยี่ยหวันหวั่นกลับสวนจิ่นหยวนเรียบร้อย สวี่อี้ขึ้นตึกไปรายงานซือเยี่ยหาน
“นายท่าน ผมส่งคุณหนูเยี่ยไปที่บ้านน้าชายของเธอเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าคุณหนูเยี่ยอยู่ในนั้นเพียงสิบกว่านาทีก็ออกมาครับ”
“อื้ม ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?” เห็นสวี่อี้รายงานเรียบร้อยแล้วทว่าไม่ได้จากไป ซือเยี่ยหานจึงเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร มองไปทางเขา
สวี่อี้ถูกสายตาที่ราวกับสามารถมองทะลุถึงความในใจนั้นจ้องมอง พลันรู้สึกละอายใจ สุดท้ายจึงอดไม่ไหว ต้องพูดออกมา “คุณหนูเยี่ยขอร้องให้ผมช่วยเธอบางเรื่อง…”
“ขอร้องอะไรนาย?”
“เธอ…เธอหวังว่าผมจะช่วยเธอจับตาดูคุณไว้!”
“จับตาดูฉัน?” แววตาของซือเยี่ยหานไหวเล็กน้อย
“ใช่ครับ…แต่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร…ก็แค่กลัวว่าจะทำให้คุณโมโห ให้ผมช่วยแนะนำพวกสิ่งที่คุณชอบไม่ชอบทั่วไป…แล้วก็…”
สวี่อี้กลืนน้ำลาย พูดต่อไปอย่างหวาดผวา “แล้วก็…เรื่องพวกผู้หญิงที่สนิทกับคุณเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ…คุณหนูรั่วซี…คุณหนูเยี่ยยังบอกอีกว่าคุณหนูรั่วซีชอบคุณ…ผมว่าท่าทางของคุณหนูเยี่ย…เหมือนว่าจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับคุณหนูรั่วซีสักเท่าไร… ”
ด้านหน้าโต๊ะหนังสือ ซือเยี่ยหานซุกซ่อนอารมณ์ไว้อย่างดีเยี่ยม หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นคำหนึ่ง “อื้อ”
หัวใจสวี่อี้เต้นตึกตักราวรัวกลอง อื้อ หมายความว่าอะไร?
ซือเยี่ยหานปรายตามองเขาทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จับตาดูให้ดี”
สวี่อี้ “…”
……………………………………………..