บทที่ 221 ลิ้มรสความพ่ายแพ้
ที่จริงแล้วเธอก็รู้ ด้วยการสอนพิเศษของซือเยี่ยหานบวกกับความจำของเธอ ความจริงแล้วหนึ่งเดือนไม่มีปัญหาเลย
เพียงแต่จะต้องทำให้ยุ่งไม่หยุดเท่านั้น ถึงจะทำให้เธอสบายใจและนิ่งสงบได้
เธอคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงพี่ชาย คิดถึงบ้าน…คิดถึงจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว…
เธอรู้ว่าซือเยี่ยหานไม่เคยเชื่อเธอทั้งหมด รู้ว่าเวลานี้ตัวเองไม่สามารถทำเรื่องอะไรที่อาจจะยั่วให้เขาโกรธ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมซือเยี่ยหานมาถึงขั้นนี้ได้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
อีกทั้งเธอยังมีความผิดก่อนหน้านี้ เคยโกหกอ้างว่ากลับไปหาพ่อแม่หลายครั้งเพื่อที่จะหนีไป
ถ้าเวลานี้เธอพูดเรื่องกลับไปเยี่ยมพ่อแม่กับซือเยี่ยหานอีก โดยพื้นฐานน่าจะมีความหมายไม่ต่างจากบอกว่าเธอจะหนีไปอีกแล้ว
แต่ว่า ตั้งแต่ได้เจอหน้าพี่ชายที่โรงเรียนวันก่อน จิตใจแบบนี้นับวันก็ยิ่งควบคุมได้ยากขึ้นทุกที
เยี่ยหวันหวั่นนอนอยู่บนเตียง ไม่มีความง่วงเลยสักนิด เหม่อมองชายหนุ่มข้างกาย นับขนตาแต่ละเส้นของเขาตอนที่เขาหลับตา
จะทำยังไงให้ซือเยี่ยหานเห็นด้วยให้ตัวเองกลับบ้านนะ…
สองชั่วโมงผ่านไป ซือเยี่ยหานตื่นขึ้นมาตรงเวลา
เดิมทีเธอยังเดาอยู่ว่าเมื่อคืนซือเยี่ยหานได้นอนหรือเปล่า แต่เห็นใบหน้าของเขาที่เป็นประกายเพราะอาบแสงจันทร์อย่างเต็มอิ่มแล้ว ก็รู้ว่าน่าจะหลับดีอยู่
กลับมามองทางเยี่ยหวันหวั่น ดูห่อเหี่ยวไร้ชีวิต เหมือนปีศาจที่โดนดูดจิตวิญญาณไป
เวลาอาหารเช้า ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็อดทนไม่ไหว
หรือว่าจะลองดูดี?
ช่วงนี้เธอเป็นเด็กดีขนาดนี้…
เยี่ยหวันหวั่นทำใจให้สงบนิ่งก่อน จากนั้นลองเอ่ยปาก “คือว่านะ ซือเยี่ยหาน…วันนี้เป็นวันเสาร์…ฉันกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ฉันได้ไหม…”
สวี่อี้ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินประโยคนี้ก็สูดหายใจเฮือกทันที
เมื่อคืนเขายังบอกโม่เสวียนอยู่เลยว่าพักหลังนี้เยี่ยหวันหวั่นดูสงบเป็นพิเศษ นี่ไม่ใช่ว่าคิดจะหนีอีกแล้วหรอกนะ?
เป็นอย่างที่คิด ตอนที่ได้ยินเธอพูดว่าจะกลับไป หว่างคิ้วของซือเยี่ยหานก็เหมือนปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งทันที
เขาวางช้อนส้อมในมือลง สายตาเย็นชาที่มีความกดดันขั้นสุดมองไปทางเธอ น้ำเสียงเย็นเยือกไม่มีอุณหภูมิแม้แต่องศาเดียว “เรื่องของบ้านเยี่ยทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเธอ”
ได้ฟังประโยคนี้ หัวใจเยี่ยหวันหวั่นถูกควักออกมาทันที
เธอรู้ เธอตัดขาดความสัมพันธ์กับที่บ้านมานานแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นพูดเบาๆ ด้วยสายตาที่หมองหม่นลง “ก่อนหน้านี้ฉันไม่ควรทะเลาะกับพวกเขาเพื่อกู้เยว่เจ๋อเลย เป็นฉันที่ไม่รู้เรื่องเอง ทำร้ายจิตใจพวกเขา ตอนนี้ฉันอยากเจอพวกเขาจริงๆ…”
บรรยากาศรอบตัวซือเยี่ยหานยิ่งเย็นเยียบขึ้นมา พูดเน้นย้ำทีละคำ “ผมไม่อยากพูดซ้ำเป็นรอบที่สอง”
ถึงแม้จะเป็นปฏิกิริยาที่คาดเอาไว้ เยี่ยหวันหวั่นก็ยังอดเสียใจเป็นระลอกไม่ได้
ซือเยี่ยหานไม่ให้เธอไป คงเพราะกลัวว่าเธอจะหนีล่ะมั้ง
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือตอนนี้ เหมือนว่าซือเยี่ยหานจงใจให้เธอตัดขาดจากอดีตของเธอทั้งหมดเหมือนกัน
คาดว่ายังมีความปรารถนาที่จะควบคุมอยู่?
เธอไม่สามารถมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับใครได้เลย แม้แต่คนในครอบครัวเธอก็ด้วย
สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นของเขา และเป็นของเขาแค่คนเดียว
ตั้งแต่วินาทีที่เธอมาอยู่ข้างกายเขา โลกของเธอก็มีเพียงแค่เขาเท่านั้น
พอรู้ว่าซือเยี่ยหานเริ่มโกรธแล้ว เยี่ยหวันหวั่นจึงจำต้องหยุดบทสนทนานี้
บรรยากาศที่ตามมาก็ยิ่งตึงเครียด บนโต๊ะอาหารไม่มีใครพูดอะไร สวี่อี้ยิ่งไม่กล้าออกเสียงสักคำ
เหมือนที่บริษัทจะมีเรื่อง ซือเยี่ยหานกินข้าวเสร็จก็ออกไปกับสวี่อี้เลย
เมื่อซือเยี่ยหานไม่อยู่ เธอยิ่งเป็นอิสระมากขึ้น เพียงแต่ทั้งวันอารมณ์หม่นหมองมาก แม้แต่เห็นต้าไป๋เล่นกับลูกเจี๊ยบอยู่ในสวน อารมณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นมา
………………………………………………..
บทที่ 222 ตระกูลเศรษฐีลึกล้ำดั่งมหาสมุทร
เยี่ยหวันหวั่นแผ่ตัวนอนอยู่บนโต๊ะกลมในลานบ้านทำข้อสอบอย่างล่องลอย แม้ฝนตกก็ไม่รู้สึกตัว ยังคงจับปากกาเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งต้าไป๋ที่งีบหลับอยู่ใต้ชายคาคำรามเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา รีบเก็บข้าวของกลับมาหลบฝนในบ้าน
หลังจากกลับเข้าบ้าน เยี่ยหวันหวั่นก็ทำเหมือนเมื่อวาน ขโมยเนื้อวัวชิ้นหนึ่งมาจากตู้เย็นมาวางข้างเสือขาว จากนั้นไปหลบอยู่ไกลๆ
ฝนตกแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้านนอกเริ่มมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า
เยี่ยหวันหวั่นนั่งขัดสมาธิบนพื้นถือแบบฝึกหัดเล่มหนึ่งอยู่ในมือโดยไม่ได้พลิกหน้าเลยเนิ่นนาน ความคิดในหัวสับสน ไม่อาจสงบใจลงได้เลย
วูบหนึ่งก็คิดถึงพ่อแม่ที่ตอนนี้ยังต้องพึ่งพิงน้าชายอยู่ที่นั่น วูบหนึ่งก็คิดถึงกู้เย่วเจ๋อกับเยี่ยอีอี…
ไม่มีใครรู้ว่า ที่จริงแล้วเยี่ยอีอีไม่ใช่พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเธอ แต่เป็นพี่สาวต่างแม่ของเธอต่างหาก!
ว่ากันว่าตระกูลเศรษฐีลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ตระกูลเยี่ยก็เป็นตามแบบฉบับ
ภายนอกเป็นปรมารจารย์ผู้บุกเบิกธุรกิจบันเทิง กินรวบทั้งสองทางขาวและดำ รุ่งโรจน์ไร้ขอบเขต ความเป็นจริงแล้วเรื่องสกปรกข้างในช่างน่าสะอิดสะเอียน
เหลียงเหม่ยเซวียน มารดาของเยี่ยอีอี กับเหลียงหวั่นจวิน มารดาของเธอ ที่จริงแล้วเป็นพี่น้องต่างแม่กัน
เหลียงเหม่ยเซวียนเป็นลูกสาวนอกสมรสของตระกูลเหลียง เพิ่งถูกรับกลับมาที่ตระกูลเหลียงตอนอายุ 18 ปี
มารดาของเธอเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เห็นเหลียงเหม่ยเซวียนอ่อนแอน่าสงสาร แม้ว่าจะไม่สนิทกับเขานัก แต่ก็ไม่เคยทำผิดต่อเขา
ขณะนั้นเหลียงเหม่ยเซวียนกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ถูกเพื่อนที่หอพักเดียดฉันท์ โดนรังแกจนกลับบ้านด้วยบาดแผลทั่วร่างกายเป็นประจำ
คุณตาเหลียงซื่อจวินก็เสนอให้เหลียงเหม่ยเซวียนไปอาศัยอยู่กับมารดาของเธอ ประจวบเหมาะกับที่ตระกูลเยี่ยอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยของเหลียงเหม่ยเซวียนมาก
ในบ้านมีห้องมากมาย ก็แค่มีคนเข้ามาอาศัยเพิ่มอีกหนึ่งคนเท่านั้น มารดาผู้ใสซื่อของเธอในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ตอบตกลงให้เหลียงเหม่ยเซวียนเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านด้วยกัน
หลังจากนั้น นี่ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นฝันร้ายของแม่…
นิสัยของแม่เงียบขรึมเกินไป และเอาใจพ่อแม่สามีไม่เป็น บวกกับที่สุขภาพของเธอไม่อาจท้องได้ แต่งงานไปตั้งสามปีแล้วยังไม่ท้อง พ่อแม่สามีมองเธอไม่ดีอย่างมาก
ส่วนเหลียงเหม่ยเซวียนร่าเริงน่ารักทั้งยังปากหวาน เพิ่งจะมาไม่นานก็ได้ใจคนทั้งบ้าน
ผ่านไปอีกหนึ่งปี แม่ก็ยังไม่ท้อง และในเวลานี้เอง เหลียงเหม่ยเซวียนกลับท้องขึ้นมา
เด็กในท้องของเธอ คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเยี่ยเส่าถิง บิดาของเธอ!
เหลียงเหม่ยเซวียนริษยาแม่ที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และอิจฉาที่แม่โชคดีได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวย จึงวางแผนทุกอย่างตั้งแต่เริ่มเข้ามาอยู่เพื่อปีนขึ้นเตียงของพ่อ
พ่อรักและซื่อสัตย์ต่อแม่เพียงผู้เดียว เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกวางแผนให้กินเหล้าจนเมาแล้วไปแตะต้องเหลียงเหม่ยเซวียนเข้า ไม่เพียงไม่ปิดบัง ยังเอาเรื่องนี้ไปบอกกับแม่ทันที เพื่อขอให้เธอให้อภัย
นั่นเป็นครั้งแรกที่แม่โกรธจัด จนไล่เหลียงเหม่ยเซวียนออกจากบ้านไป
ทำสงครามเย็นกับพ่ออยู่กว่าครึ่งปี กว่าความสัมพันธ์จะปรองดองขื้นนั้นไม่ง่ายเลย เวลานี้เหลียงเหม่ยเซวียนกลับถูกพ่อแม่สามีรับกลับมาอีกครั้ง อีกทั้งเหลียงเหม่ยเซวียนยังท้องโตจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว
คนหนึ่งคือสะใภ้ที่ไม่ตั้งครรภ์ คนหนึ่งคือผู้หญิงที่ท้องหน่อเนื้อของตระกูลเยี่ย ผู้ใหญ่ทั้งสองจะเลือกใคร แค่คิดก็รู้แล้ว
เวลานั้นผู้ใหญ่ทั้งสองคิดเห็นตรงกันว่าอยากให้เหลียงเหม่ยเซวียนคลอดเด็กในท้องออกมา บีบให้พ่อหย่าแล้วมาแต่งงานกับเหลียงเหม่ยเซวียนแทน แต่พ่อยืนกรานคัดค้าน ทะเลาะกับที่บ้านจนไม่อาจเจรจากันได้
ผู้ใหญ่ทั้งสองสาบานว่าต่อให้ตายก็จะปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเยี่ยเอาไว้ให้ได้ พ่อกลับไม่ยอมทรยศแม่ บวกกับท้องของเหลียงเหม่ยเซวียนใหญ่ขนาดนี้ ณ เวลานั้นไม่อาจเอาเด็กออกได้แล้ว เรื่องราวมาถึงทางตันแล้ว
สุดท้าย เป็นอารองของเธอที่กระโดดออกมา บอกว่าที่จริงแล้วตัวเองแอบรักเหลียงเหม่ยเซวียนมาโดยตลอด และบอกอีกว่ายินดีที่จะแต่งงานกับเธอ และจะเห็นเด็กในท้องของเธอเหมือนกับลูกในไส้ของตัวเอง
แน่นอนว่าพ่อไม่เห็นด้วย นี่มันเหลวไหลเกินไป จะให้น้องชายของตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงที่ท้องลูกของตัวเองได้อย่างไร
……………………………………………….