บทที่ 161 กล้าทำไม่กล้ารับ?
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นดูเหมือนกำลังปกป้องเฉินเมิ่งฉี ทว่ากลับผลักเธอเข้าสู่การวิพากย์วิจารณ์ของผู้คนอีกครั้ง
“ยัยตัวประหลาดนี่หน้าตาน่าเกลียดก็ช่างเถอะ กลัวว่าสมองคงไม่ได้มีปัญหาด้วยหรอกนะ? แม่แท้ๆ ของเขาพูดออกมาเองแล้วว่ามีหมั้นหมายต่อกันอยู่ เขายังคิดว่าเป็นความเข้าใจผิดอะไรอีก! นี่ไม่ใช่ชู้แล้วจะเรียกว่าอะไร?”
“ซ่งจื่อหางได้ทำลายสถิติความต่ำช้าของฉันแล้ว อาศัยการสนับสนุนจากตระกูลคู่หมั้น พลางคบชู้ต่อหน้าคู่หมั้นของตัวเองไปด้วย ที่บ้านกำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว ยังเที่ยวเล่นกับผู้หญิงอยู่ข้างนอก ทำเป็นหน้าใหญ่วางท่าคุณชายต่อหน้าคนอื่น”
เฉินเมิ่งฉีสะบัดออกอย่างแรง ไม่ทันหลุดจากมือของเยี่ยหวันหวั่น พลันถูกผู้คนที่รายล้อมอยู่ขวางทางเอาไว้ซะแล้ว
เวลานี้เธอได้แต่มึนงงไปหมดแล้ว อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้
เธอเป็นคนทะเยอทะยานใฝ่สูง เป้าหมายสูงสุดของใจที่ทะเยอทะยานคือซือเยี่นหาน แต่เธอเองรู้ดี ผู้ชายคนนั้นอยู่ห่างไกลเพียงใด ความเป็นไปได้ช่างริบหรี่ เธอไม่ทางโง่ถึงขั้นที่จะนั่งรอนอนรอเป้าหมายที่ได้เพียงมองแต่เอื้อมไม่ถึงอย่างแน่นอน
เธอเข้าใจข้อได้เปรียบของตัวเองดีเหลือเกิน ชายหนุ่มในวัยเรียนเช่นนี้หลอกล่อง่ายที่สุด ไม่เหมือนกับจิ้งจอกเฒ่าพวกนั้นที่เข้าสู่สังคมไปแล้ว
ในหมู่ผู้ชายรอบกายที่เธอสนใจเป็นพิเศษ มีเพียงคุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งที่เงื่อนไขดีที่สุด แต่โดยทั่วไปแล้วบรรดาทายาทเศรษฐีเหล่านี้ล้วนมีฐานะสูงส่ง ทว่าสิทธิเสียงในบ้านไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ต้องรอให้เขาสืบทอดกิจการ เป็นนายใหญ่ของตระกูล ซึ่งไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงปีไหน
เธอลองทดสอบแล้วหลายครั้ง หลังจากรู้ว่าเขาไม่สามารถให้สิ่งที่เธออยากได้ในตอนนี้ ก็ปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนที่ปฏิบัติต่อคนอื่นเฉกเช่นเดียวกัน ยั่วให้พวกเขาอยาก มองเขาเป็นแผนสำรอง
แต่ว่าซ่งจื่อหางต่างออกไป เมื่อเขาเรียนจบก็เข้าบริษัทได้เลย อีกทั้งหลังจากการประมูลของรัฐบาลอันนั้นแล้ว ก็จะได้ผลกำไรและกระแสกองทุนเข้าบัญชีขนาดมหึมาในพริบตา
เดิมทีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ตอนที่ออกเดทกันวันนี้ ซ่งจื่อหางสัญญากับเธอว่า รอให้เรียนจบก็จะเกลี้ยกล่อมให้พ่อของเขาลงทุนในภาพยนตร์ใหญ่มูลค่าร้อยกว่าล้าน โดยเลือกเธอเป็นนักแสดงนำหญิง นักแสดงดำชายและตัวละคนสำคัญก็กำหนดให้มาจากศิลปินนักแสดงบริษัทของพวกเขา
ถ้าหากเขาดึงเงินลงทุนมาได้มากขนาดนี้ ก็จะสามารถยืนในวงการบันเทิงได้อย่างมั่นคงทันที และสามารถสร้างเวทีให้กับบริษัทได้ด้วย
หลังจากการเดทจบลง ซ่งจื่อหางบอกว่าจะมาซ้อมใหญ่เป็นเพื่อนเธอ เธอตอบตกลงด้วยความยินดี อยากจะแสดงชัยชนะของตัวเองต่อหน้าเจียงเยียนหรานสักหน่อย
ใครจะไปรู้ว่า เมื่อเข้าประตูมา จะได้เห็นแม่ของซ่งจื่อหางยืนด่ากราดอยู่ในหอประชุม และยังพูดเรื่องการหมั้นหมายของเจียงเยียนหรานและซ่งจื่อหางออกมาด้วยตัวเองอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ คำพูดเมื่อครู่ของคุณแม่ซ่งหมายความว่าอย่างไร?
ไม่พูดถึงเรื่องที่ตระกูลซ่งไม่ชนะการประมูล ตอนนี้ยังถูกตระกูลเจียงบีบเสียจนถึงขั้นใกล้ล้มละลายอย่างนั้นเหรอ!?
ก่อนหน้านี้ซ่งจื่อหางยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจกับเธอว่าจะปั้นให้เธอเป็นดาราที่ฮอตที่สุด ยังบอกอีกว่าตระกูลเจียงไม่มีพวกเขาตระกูลซ่งไม่ได้ ไม่มีทางที่จะกล้าผิดใจกับพวกเขา!
คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นการหลอกเธอ!
ผู้ชายที่เธอคัดเลือกอย่างดี กลับกำลังจะเหลือแต่ตัวไม่มีอะไรทั้งนั้น!
ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เธอสู้ไปใช้สมองลงแรงทางเจิ้งปินยังจะดีเสียกว่า!
ได้ฟังคำพูดไม่น่าฟังของคนรอบข้าง เผชิญหน้ากับสายตาที่ยากจะเชื่อของเฉินเมิ่งฉี ใบหน้าของซ่งจื่อหางพลันซีดเผือด โมโหเสียจนแทบบ้า พุ่งไปที่ตรงห้นาแม่ตัวเองอย่างรวดเร็ว “แม่! บ้าไปแล้วเหรอ! แม่มาทำอะไรที่โรงเรียน?”
“แกยังจะมาถามฉันอีกเหรอ! ฉันขอถามแกหน่อย ที่พวกเขาพูดเป็นความจริงหรือเปล่า? แกคบหาผู้หญิงคนอื่นลับหลังเยียนหรานหรือเปล่า? เขาน่ะเหรอ?” สายตาของคุณแม่ซ่งราวกับลูกธนูแหลมยิงไปที่เฉินเมิ่งฉี
เพราะการฉุดรั้งของเยี่ยหวันหวั่นทำให้เธอหนีไปไม่ทันเวลา เฉินเมิ่งฉีทำได้เพียงหลบอยู่ด้านหลังซ่งจื่อหาง
ซ่งจื่อหางหน้าดำคร่ำเครียดปกป้องเฉินเมิ่งฉี “แม่! มีอะไรพวกเรากลับไปคุยกันที่บ้าน!”
………………………………………………
บทที่ 162 ทุ่งหญ้าเหนือศีรษะ
ความจริงถูกวางอยู่ตรงหน้าอย่างไร้ซึ่งสิ่งปิดบัง คุณแม่ซ่งรู้สึกราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เมื่อนึกถึงความบุ่มบ่ามของตัวเองเมื่อครู่นี้ที่ตบเจียงเยียนหรานไปทีหนึ่ง เกรงว่าจะยิ่งทำให้เรื่องไม่อาจหวนกลับได้อีก พลันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งแล้ว
ภายใต้ความโกรธและความลนลาน คุณแม่ซ่งเอาความโกรธแค้นทั้งหมดปล่อยไปที่ผู้หญิงคนนั้นทั้งหมด พุ่งไปยังด้านหน้าของเฉินเมิ่งฉี คว้าผมของเธอเอาไว้ “ยัยสารเลวหน้าไม่อาย! แกอ่อยลูกชายของฉันใช่ไหม! ฉันจะตีแกให้ตายยัยสารเลวหน้าไม่อาย! เป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้จักตั้งใจเรียนหนังสือ วิ่งไปอ่อยคู่หมั้นของคนอื่น พ่อแม่สอนเธอมายังไงห๊ะ?”
เฉินเมิ่งฉีคิดไม่ถึงว่าคำพูดหลุดปากของเยี่ยหวันหวั่นเพียงคำเดียวจะเบนจุดโฟกัสมาที่ตัวเธอ หนังศีรษะกำลังจะถูกแรงของคุณแม่ซ่งถลกออกมาแล้ว “โอ๊ย…หนูเปล่า…หนูเปล่า…หนูไม่รู้…หนูไม่รู้เรื่องอะไรด้วย…”
“แกไม่รู้อย่างนั้นเหรอ! ยังจะเสแสร้งอยู่อีก! แกเห็นว่าจื่อหางของบ้านเราฐานะดีอยากจะคว้าของสูง คนแบบแกฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว!”
ซ่งจื่อหางเห็นหญิงในดวงใจถูกแม่ด่าทอดึงทึ้ง พลันร้อนใจ “แม่! แม่ทำอะไรน่ะ! รีบปล่อยเมิ่งฉีเดี๋ยวนี้ ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยข้องกับเฉินเมิ่งฉี ต่อให้ผิดก็เป็นผมที่ผิดคนเดียว! ผมชอบเมิ่งฉีมันทำไม เมิ่งฉีทั้งใสซื่อและจิตใจดี ดีกว่าเจียงเป็นร้อยเป็นพันเท่า!”
“แกหุบปากเดี๋ยวนี้! ยังไม่รีบไสหัวมาขอโทษเยียนหราน ดูท่าสมองแกคงจะเลอะเลือนไปแล้วสินะ ยัยนี่เอาแกงยาเสน่ห์อะไรให้ลูกฉันกิน แกไปเรียกผู้ใหญ่บ้านแกมาเดี๋ยวนี้ ฉันอยากจะเห็นนัก คนแบบไหนที่มีลูกสาวหน้าไม่อายแบบนี้”
ซ่งจื่อหางมองเฉิงเมิ่งฉีสะอึกสะอื้น รู้สึกเหมือนใจแทบสลาย “ผมไม่ขอโทษ เอาอะไรมาให้ผมขอโทษ! ต่อให้ผมไม่ทำแบบนี้ กลัวว่าพวกเขาตระกูลเจียงจะคิดเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว แม่คิดว่าเจียงเยียนหรานภักดีขนาดไหนเหรอก นี่ไม่ใช่ว่าเรื่องเพิ่งเกิดก็แล่นไปหาไอ้หน้าขาวตระกูลฉู่แล้วเหรอไง!”
เฉินเมิ่งฉีร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ “คุณป้าคะ ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ หนูไม่รู้จริงๆ ว่าจื่อหางมีหมั้นหมายอยู่แล้ว หนูชอบจื่อหางมากจริงๆ จื่อหางเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนี้ หนูคิดว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่หวั่นไหว ตอนแรกเป็นเพราะเจียงเยียนหรานถึงได้เก็บความชอบเอาไว้ ต่อมาจื่อหางได้ให้ความกล้ากับหนู…แต่ถ้าหนูรู้ว่าเขากับเจียงเยียนหรานหมั้นหมายกันไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรหนูไม่มีทางเข้ามาแทรกกลางระหว่างเขาสองคนแน่นอน…”
เฉินเมิ่งฉีร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องฝน พูดเพียงไม่กี่คำก็ลบล้างคำครหาได้อย่างหมดจด แล้วยังเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองเป็นผู้ที่ถูกทำร้ายอีกด้วย
ท่าทางเสียใจน่าสงสารไม่เพียงทำให้ซ่งหางเป็นห่วง แม้แต่คุณแม่ซ่งที่ได้ยินเธอชมลูกชายตัวเองว่าเพียบพร้อม ยังออมมือลงไม่น้อย ผู้คนที่รายล้อมอยู่ถึงขนาดเริ่มหวั่นไหว
“ดูจากท่าทางของเฉินเมิ่งฉีแบบนี้แล้ว น่าจะไม่รู้เรื่องจริงๆ หรือเปล่า?”
“ฉันคิดว่าเขาก็ถูกไอ้ชั่วซ่งหลอกเอาเหมือนกันแน่เลย!
“เห้อ เฉินเมิ่งฉีไร้เดียงสาเกินไป ชายชั่วทำร้ายคนไม่เบาเลยจริงๆ”
เยี่ยหวันหวั่นที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน ริมฝีปากยกยิ้มเย้ยหยัน
จนเวลานี้แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะคิดหาวิธีเอาตัวรอดอย่างขาวสะอาดไปได้
อยากจะเห็นตอนที่ซ่งจื่อหางรู้ว่าบนศีรษะของตัวเองมีทุ่งหญ้าอยู่ซะจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบถูกมองเป็นตัวสำรองทั้งยังเป็นตัวการหลัก จะทำหน้ายังไง
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปยังสถานที่เงียบๆ โทรศัพท์ออกไป
“ฮัลโหล รุ่นน้องเจิ้งใช่ไหม ฉันเป็นเพื่อนของเมิ่งฉีนะ ตอนนี้เขากำลังเจอเรื่องยุ่งยาก กำลังถูกซ่งจื่อหางรังแก นายรีบมาดูสักหน่อยเถอะ! พวกเราอยู่ที่ห้องประชุมโรงเรียน ใช่แล้ว ด่วนมาก เรื่องนี้มีแค่นายที่ช่วยเมิ่งฉีได้แล้ว…”
…………………………………………………