ตอนที่ 88 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (11)
ซีโจวตั้งอยู่ทางใต้สุดของอาณาจักรเทียนจี ติดกับแคว้นจิ่วเทียน แคว้นทั้งสองมีแม่น้ำเป็นพรมแดน สงบสุขร่มเย็นไร้ศึกสงครามมานานหลายสิบปี ทว่าตลอดหลายปีมานี้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่ว
จิ่วเทียนได้ชื่อว่าเป็นทายาทแห่งเทพเจ้า มีการสถาปนาพระราชครูภายใน หน้าที่สำคัญคือติดต่อสื่อสารกับเหล่าบรรพชนบนสรวงสวรรค์ แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน อดีตพระราชครูสิ้นชีพฉับพลัน พระราชครูปัจจุบันขึ้นรับตำแหน่ง ท้าทายเทียนจีบ่อยครั้ง เจ้าอาณาจักรเทียนจีพิโรธ ส่งกองทัพใหญ่บุกประชิดพรมแดน ทหารประจำการอยู่ในซีโจวนับหลายแสน
โหลวชิงอันพาตันหวายมาถึงค่ายทหารนอกเมืองซีโจวอย่างชำนาญลู่ทาง มุ่งตรงสู่กระโจมใหญ่โดยราบรื่นไร้อุปสรรค
ตันหวายสวมหมวกหูกระต่ายน่ารักน่าชังเดินปิดหน้าอยู่ข้างหลังโหลวชิงอัน กลัวว่าจะถูกใครเห็นสภาพของตนในตอนนี้
คาดว่าเขาคงต้องพักอาศัยที่นี่อีกสักพักใหญ่ เขาไม่อยากให้ใครหัวเราะเยาะจนฟันร่วง เดี๋ยวจะต้องรีบหาหมวกใบอื่นมาแทนโดยไว รสนิยมชายแท้เช่นโหลวชิงอันช่างน่ากลัวเสียจริงๆ
โหลวชิงอันเหลียวมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาเจ้าเล่ห์ฉายแววขบขันเล็กน้อย
เลิกม่านกระโจมขึ้น โหลวชิงอันโบกพัดเดินเข้าไป กุมหมัดคารวะแม่ทัพที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดของฝั่งตรงข้าม “ท่านแม่ทัพ”
อวี๋อิงฉือเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นโหลวชิงอันก็ปิติยินดียิ่งนัก รีบเดินเข้ามาต้อนรับ
ยกมือขึ้นชกไหล่ของโหลวชิงอันหมัดหนึ่ง อวี๋อิงฉือกล่าว “ท่านกุนซือ ท่านกลับมาได้สักที!”
เหลือบเห็นตันหวายด้านหลังโหลวชิงอันโดยไม่ตั้งใจ อวี๋อิงฉือตกตะลึง “นี่คือ…”
โหลวชิงอัน “เด็กรับใช้ของข้า”
เมื่อเห็นว่าเอ่ยถึงชื่อตน จึงจำใจเงยหน้าแต่โดยดี
พอเห็นใบหน้าของอวี๋อิงฉือ ตันหวายก็แข็งทื่ออยู่กับที่ หลุดปากกล่าวว่า “นายก้างปลา?”
อวี๋อิงฉือกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่กลับอารมณ์ดีจนน่าแปลกใจ คลี่ยิ้มให้กับตันหวายโดยไม่มีเจตนาตำหนิติเตียน
ตอนนี้ตันหวายเต็มไปด้วยความรู้สึกท่วมท้นในใจ แทบอยากจะหยิบเต้าหู้สักชิ้นมาทุบตัวเองให้ตายไปซะ
มีคนที่ชาตินี้กับชาติก่อนหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะจริงๆ ด้วยเหรอวะเนี่ย มันช่างไม่เป็นวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย
อวี๋อิงฉือถูกสายตาร้อนแรงของตันหวายมองจนรู้สึกอึดอัด ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทันใดนั้นโหลวชิงอันก็เหลือบมองตันหวายพลางเอ่ยปากกล่าว “ข้ากับท่านแม่ทัพมีธุระสำคัญต้องหารือกัน เจ้าออกไปก่อน”
ตันหวายพยักหน้าอย่างแข็งทื่อ ก่อนเดินแกว่งมือพร้อมเท้าออกจากกระโจมใหญ่
มีคนกลับชาติมาเกิดแล้วหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่เปลี่ยนเลยสักนิดเดียว!
“ระบบ” ตันหวายมองหาที่โล่ง ชั่วขณะที่นั่งลงพลันหยุดชะงัก แล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างเงียบๆ
ไอ้หางนี่มันทำไมผลุบๆ โผล่ๆ จังเลย! อีกอย่าง เอ็งกล้าขึ้นไปงอกสูงกว่านี้ป่ะล่ะ รู้บ้างไหมว่าแบบนี้มันเจ็บจนผวาไปหมดแล้ว!
ตันหวายที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟยกเท้าหมายจะเตะก้อนหินตรงหน้า ใครจะรู้ว่าพอออกแรงเต็มเหนี่ยว หินก้อนนั้นกลับกลิ้งหลบเท้าของตันหวายเสียเอง
ตันหวายที่สะดุดขาตัวเองล้มหัวเราะเหอะๆ ก้อนหินสมัยนี้มันกลายเป็นภูตกันไปหมดแล้วหรือไง!
ภูตก้อนหินที่หลบพ้นบาทาไร้เงาอย่างสวยงามยื่นสองขาออกมา ด่ากราดชุดใหญ่ “เกลียดไอ้พวกสวะที่เอะอะก็ระบายอารมณ์กับก้อนหินอย่างพวกเจ้าเป็นที่สุด!”
ตันหวาย “…”
สรรพสิ่งล้วนสามารถกลายเป็นภูต…
นอนนิ่งอยู่ในท่าล้มคะมำ ตันหวายกลัวว่าตนจะทับโดนภูตมดปลวกภูตดินทรายอะไรอีก โชคดีที่ไม่มีภูตผีตนไหนโผล่ออกมาแล้ว ตันหวายจึงค่อยใจเย็นลง
“ระบบ บอกมาซิ ตกลงว่าโหลวชิงอันเป็นใครกัน ทำไมผมต้องยึดครองเขาด้วย?”
(ไม่ทราบ)
ตันหวายแค่นเสียงหึๆ “อย่ามาหน้าด้าน คุณรู้ว่าโหลวชิงอันไม่มีทางเป็นผู้มีบุญคุณกับเจ้าของร่างเดิม จะไม่รู้เชียวหรือว่าทำไมผมต้องยึดครองเขา?”
(ท่านเจ้าของร่าง ช่วงนี้เราเจียดเงินค่าขนมตัวเองซื้อหนังสือในศูนย์การค้าระบบให้แก่ท่าน หากท่านมีเวลาก็ลองอ่านดู อย่างนี้พวกเราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขไปนานๆ)
ตันหวายประหลาดใจ “หนังสืออะไร? เอามาดูหน่อยสิ”
เพียงชั่วครู่เดียว หนังสือเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของตันหวาย บนหนังสือพิมพ์ปกเป็นภาพสาวสวยเซ็กซี่ ชื่อเรื่องของหนังสือจั่วหัวไว้ว่า <หนึ่งร้อยวิธีอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขของระบบชาญฉลาดกับเจ้าของร่างเศษสวะ> แผ่กลิ่นอายหนังสือเก๊ตามแผงลอยข้างถนนเต็มไปทั่ว
ตันหวายชะงักค้าง เงยหน้าขึ้น “นี่อะไร?”
(นี่คือหนังสือเขียนโดยระบบที่ดีเยี่ยมที่สุดในศูนย์บัญชาการเรา ผู้บรรยายคือเจ้าของร่างที่ไร้สมองที่สุด เหมาะกับท่านมาก)
ตันหวายคลี่ยิ้มเบาบางพลางกล่าว “ผมยินดีใช้ค่าประสบการณ์ทั้งหมดร้อนเรียนศูนย์บัญชาการให้เปลี่ยนระบบใหม่ซะ”
ตอนที่ 89 จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์กับกระต่ายน้อยน่ารัก (12)
แน่นอน ระบบไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ชีวิตนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
ตอนที่ตันหวายกลับมาโหลวชิงอันกับอวี๋อิงฉือเพิ่งคุยกันเสร็จพอดี เมื่อโหลวชิงอันมองเห็นตันหวายก็ฉุดร่างเขาเข้ามาหา จากนั้นก็ลากเขาเดินดุ่มเข้ากระโจมโดยไม่ยอมให้คัดค้าน
“นี่!” ตันหวายถลึงตา “เกิดอะไรขึ้น?”
โหลวชิงอันไม่พูดไม่จา กดร่างตันหวายลงกับเตียงในกระโจม พลางเหลือบมองหนังสือในมือของตันหวาย
โหลวชิงอันเลิกคิ้วถาม “นี่คืออะไร?”
นี่เขาออกไปเก็บขยะมาหรืออย่างไร เหตุใดถึงได้หนังสือกลับมาด้วย?
ตันหวายเอียงคอ รีบเอาหนังสือยัดใส่ในเสื้อของตนอย่างตาเร็วมือไว วางมาดใหญ่โตเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน
แม้จะรู้ว่าตัวอักษรในโลกนี้แตกต่างจากยุคปัจจุบัน แต่ก็ยากจะรับประกันว่าโหลวชิงอันจะไม่สืบเสาะจนล่วงรู้บางสิ่งจากในนี้
โหลวชิงอันมองท่าทางของตันหวายแล้วผลิยิ้ม หลิ่วตาพลางโน้มลงมาใกล้เขา กระซิบกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าถอดเสื้อผ้าเจ้ารึ?”
ตันหวายเบิกตากว้าง ผลักร่างโหลวชิงอันตรงหน้าออกไปแล้วกล่าวอย่างโกรธเคือง “ชายกับชายมิควรอยู่ชิดใกล้กันรู้หรือไม่ ข้าเป็นบุรุษที่มีภรรยา เลิกถูกเนื้อต้องตัวข้าเสียที ไม่เช่นนั้นข้าจะกัดท่าน!”
โหลวชิงอันหรี่นัยน์ตามอง จ้องตันหวายเขม็งพลางถาม “ภรรยาของเจ้าเป็นใคร อวี๋อิงฉือ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” ตันหวายกระเด้งตัวขึ้นมา มองหน้าโหลวชิงอันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ภรรยาเขายังตามหาไม่เจอต่างหากล่ะ!
เพียงแต่กังวลว่า…ภรรยาเขาจะไม่ได้ตามเขามาด้วย
สีหน้าของตันหวายหงอยเหงาเศร้าสร้อย สีหน้าเช่นนี้ยามตกอยู่ในสายตาของโหลวชิงอันกลับกลายเป็นความโหยหาที่ไม่อาจสมหวัง
โหลวชิงอันติดตามเขาตั้งแต่เขากลายร่าง เจ้ากระต่ายน้อยเคยพบเจอผู้ใดบ้าง มีจิตปฏิพัทธ์หรือไม่ ทำไมเขาจะไม่รับรู้
เฝ้าคะนึงหามาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ผู้ที่เขาต้องการพลีกายถวายชีวิตให้มีเพียงอวี๋อิงฉือผู้เดียวเท่านั้น
เห็นชัดอยู่ว่าเป็นเรื่องที่ล่วงรู้มานานแล้ว ทว่าในใจของโหลวชิงอันกลับรู้สึกอึดอัด เห็นชัดอยู่ว่าตนพาเขามาหมายจะเติมเต็มปณิธานให้เขาแล้วสกัดเอายาใน ทว่ายามเห็นสีหน้าตื่นตะลึงเมื่อได้พบอวี๋อิงฉือของเจ้ากระต่ายน้อย เขากลับไม่เต็มใจให้พวกเขาพบหน้ากันอีก
โหลวชิงอันเม้มริมฝีปาก กล่าวเสียงแผ่วเบา “ตกกลางคืนเจ้าก็พักอยู่ที่นี่แล้วกัน” จากนั้นก็จ้องมองตันหวายอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง จึงค่อยหมุนตัวเดินจากไป
ตันหวายรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก ก่อนเหยียดกายบิดขี้เกียจ นอนอยู่บนเตียงจนผล็อยหลับไป
ชีวิตในค่ายทหารช่างลำบากลำบนยิ่งนัก ยามกลางคืนของที่นี่หนาวเย็นยะเยือก เกือบจะทำเอาขนบนตัวตันหวายจับเป็นน้ำแข็ง ภายหลังขณะตันหวายสะลึมสะลือก็รู้สึกคล้ายมีใครบางคนห่มผ้าทับให้เขาอีกชั้นหนึ่ง
ฟ้ายังไม่ทันสาง เสียงฝึกซ้อมของเหล่าทหารหาญก็ดังสนั่นหวั่นไหวมาจากข้างนอก ตันหวายเดินอืดอาดยืดยาดออกมาจากกระโจม มองเห็นอวี๋อิงฉือผ่านทางมาพอดี
ตันหวายตาเป็นประกาย ลูบจับหมวกในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์บนศีรษะ ก่อนสาวเท้าวิ่งไล่ตามไปอยู่เคียงข้างกับอวี๋อิงฉือ
ตันหวาย “ท่านแม่ทัพอวี๋ ท่านตั้งปณิธานอะไรไว้บ้างหรือไม่?”
อวี๋อิงฉือไม่เข้าใจ เด็กรับใช้ของกุนซือผู้นี้เหตุใดจึงชอบพูดจาประหลาดชอบกลอยู่เรื่อย?
“ท่านแม่ทัพขอรับ?” ตันหวายรบเร้า
อวี๋อิงฉือครุ่นคิดสักครู่ ยิ้มกล่าว “ขอเพียงอาณาจักรเทียนจี ประสบสันติสุขทุกยุคสมัย ประชาชนอยู่ร่มเย็นโดยถ้วนหน้า”
ตันหวายลำบากใจ ปณิธานนี้ เขาสนองให้ไม่ไหวจริงๆ
ตันหวายยิ้มอย่างแข็งทื่อพลางถาม “ไม่มีปณิธานเล็กๆ น้อยๆ สำหรับตัวท่านเองบ้างเลยหรือ?”
อวี๋อิงฉือกะพริบตาปริบ จากนั้นก็กล่าวเป็นจริงเป็นจังว่า “ทั้งชีวิตข้าไม่ได้ยึดติดกับสิ่งใดอื่น เพียงแต่ชื่นชอบกระต่าย หากภายหน้าโชคดีถอดเกราะกลับนา หวังว่าจะได้เลี้ยงกระต่ายสักคอก”
โอ้โฮ~ชอบกระต่ายจริงด้วยแฮะ ตันหวายดีอกดีใจ ปณิธานข้อนี้ค่อยน่าทำหน่อย มันช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน!
(ท่านเจ้าของร่าง แค่ปณิธานขั้นพื้นฐานเช่นนี้ ท่านยังหวังว่าจะสามารถตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตได้อีกหรือ?) ระบบหัวเราะอย่างไร้ความปราณี
ตันหวาย “…”
โหลวชิงอันที่เพิ่งซึมซับความงดงามของธรรมชาติกลับลงมาจากภูเขาเห็นคนทั้งสองหัวร่อต่อกระซิกกันก็พลันแววตาลุ่มลึก อารมณ์ขุ่นมัวลงทันใด
เดินหน้ายิ้มตาไม่ยิ้มเข้ามาหา โหลวชิงอันกล่าว “ข้าย่างกระต่ายไว้หลายตัวจากบนเขา อยากรับประทานด้วยกันหรือไม่?”
ตันหวายที่เกิดมาเป็นกระต่าย “…”
นายก้างปลาที่รักกระต่ายยิ่งชีวิต “???”