ตอนที่ 52 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (21)
ภายในห้องพักอันคับแคบรกระเกะระกะ บนโต๊ะวางถ้วยบะหมี่ที่กินแล้วเอาไว้เต็มไปหมด เสื้อผ้ากองเรี่ยราดอยู่บนโซฟาและบนเตียง บรรยากาศน่าอึดอัดอย่างยิ่ง
ตันหวายอดนอนจนเส้นเลือดขึ้นตา ฝืนประคองสติจ้องดูจอคอมพิวเตอร์
ตอนที่หลิวหลิวอุ้มถุงขนมขบเคี้ยวใบใหญ่เข้ามาก็สะดุ้งตกใจ รีบวางถุงขนมลงแทบไม่ทัน ก่อนพุ่งตัวเข้าไปราวกับลูกกระสุน
เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของตันหวาย หลิวหลิวก็หัวใจแทบหลุดออกจากอก
“พ่อเจ้าประคุณ นายคงไม่ได้เล่นยาหรอกนะ” หลิวหลิวตกใจจนขาอ่อน “นายห้ามทำลายอนาคตตัวเองเด็ดขาด”
ละครยังคงฉายอยู่บนคอมพิวเตอร์ ตันหวายวางแขนทับสมุดโน้ตไว้พลางเขียนตัวหนังสือยึกยือถี่ยิบ
หลิวหลิวผ่อนหายใจพร้อมกับเกิดความรู้สึกซับซ้อนในเวลาเดียวกัน พ่อเจ้าประคุณคนนี้แต่ก่อนทักษะการแสดงดีมาก ใครจะรู้ว่าตอนนี้เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น
ไม่พูดไม่ได้ว่า บางครั้งสัจธรรมก็อยู่ในกำมือของคนกลุ่มน้อย
ตันหวายลืมตาเงยหน้าขึ้น พอมองเห็นหลิวหลิวยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็คอพับฟุบลงกับโต๊ะโดยไม่กะพริบตา
หลิวหลิวอึ้งไปเสี้ยววินาที แล้วรีบล้วงหยิบมือถือเตรียมจะโทรเรียก 120 อย่างร้อนรน ในขณะที่กดหาเบอร์โทรศัพท์อยู่นั้นเอง ตันหวายก็ส่งเสียงกรนดังแผ่วเบา
หลิวหลิว “…”
ท่านบอกกันก่อนสิครับ ตื่นตูมเสียเปล่าจริงๆ
“Telling
HuhHuh”
โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น หลิวหลิวเห็นชื่อขึ้นโชว์บนมือถือว่าภรรยาก็รูม่านตาหดลงทันใด เหลือบมองตันหวายที่หลับเป็นตายอย่างตื่นตระหนก หลิวหลิวคิดว่าพ่อเจ้าประคุณคนนี้ช่างหาเรื่องใส่ตัวเก่งจริงๆ
ครุ่นคิดอยู่สักครู่ถึงยอมกดรับสาย ด้วยสภาพการณ์ของพ่อเจ้าประคุณท่านนี้ คาดว่าคงหลับไปอีกหลายวันหลายคืน บอกกล่าวคนนั้นไว้ก่อนเลยดีกว่า เขาจะได้ไม่ต้องกังวล
เยี่ยชิวเป็นเกย์คนหนึ่ง หลิวหลิวรับรู้เช่นกัน เขายังรับรู้เคราะห์กรรมเลวร้ายระหว่างเยี่ยชิวกับไอ้สวะสุยยางคนนั้นอีกด้วย
ส่วนเรื่องที่เยี่ยชิวมีความรักครั้งใหม่รวดเร็วขนาดนี้ หลิวหลิวนับว่าค่อยเบาใจลงได้บ้าง ถึงอย่างไรก็ผูกคอตายใต้ต้นไม้ต้นเดียวไม่ได้ คนเรายังต้องเดินหน้าต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ จะมีหรือไม่มีความรักก็ไม่กระทบต่อหน้าที่การงานแต่อย่างใด
“ฮัลโหล เยี่ยชิว”
เสียงจากฝั่งตรงข้ามไพเราะน่าฟัง ออกจะแหบพร่าเล็กน้อย แต่กลับน่าดึงดูดอย่างคาดไม่ถึง
ว่าแต่…หลิวหลิวเกาหัวแกรกๆ ทำไมเขาฟังเสียงนี้แล้วรู้สึกคุ้นหูจังล่ะ
“ฮัลโหล?”
“ฮะฮะฮัลโหล” หลิวหลิวรีบเรียกสติคืนมาจากอาการเหม่อลอย พลางตอบรับสายจากฝั่งตรงข้าม
ฝั่งตรงข้ามเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเย็นเล็กน้อย “คุณไม่ใช่เยี่ยชิว คุณเป็นใคร?”
“อ้อ เยี่ยชิวเหรอ” หลิวหลิวเหลือบมองตันหวายแล้วส่ายศีรษะ “เขาร่างกายอ่อนแอนิดหน่อย ตอนนี้กำลังหลับอยู่”
“ไม่สบายหรือ?” อีกฝ่ายตื่นตกใจ กล่าวขึ้นทันทีว่า “ที่อยู่ล่ะ?”
ที่อยู่? หลิวหลิวตั้งสติอยู่ชั่วครู่กว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังถามที่ตั้งของบ้านตันหวาย
รีบแจ้งที่อยู่ไปให้โดยไม่รอช้า หลิวหลิวยังไม่ทันได้พูดจา ฝั่งตรงข้ามก็ตัดสายทิ้งไปเสียแล้ว
หลิวหลิวยักไหล่อย่างไม่รู้ไม่ชี้แล้ววางมือถือลง พอเห็นห้องนอนสภาพสกปรกเละเทะก็กลัดกลุ้มใจเหลือเกิน ตกลงว่าหลายวันมานี้พ่อเจ้าประคุณเขาทำอะไรไปบ้าง ตั้งแต่ปิดกล้องภาพยนตร์ พ่อเจ้าประคุณคนนี้ก็ขังตัวเองอยู่ในห้องหลายวัน หากไม่ใช่เพราะเขามาวันนี้ คาดว่าพ่อเจ้าประคุณคงได้จบชีวิตตัวเองเป็นแน่
หลังจากเก็บกวาดห้องมาตลอดหนึ่งชั่วโมงแล้ว หลิวหลิวก็นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา พูดตามตรง จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกละอายใจ แต่ก่อนเขาความโลภบังตาจริงๆ ถึงกับบีบให้เขาไปเร่ขาย!
โชคดีที่ไม่ได้ก่อความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไข ไม่เช่นนั้นตอนนี้เขาคงจะหลุดพ้นจากวังวนความทุกข์นั้นไม่ได้เลยจริงๆ
เสียงเคาะประตูด้านนอกดึงสติหลิวหลิวออกมาจากความละอายใจตนเอง เขาถอนหายใจเฮือก รู้ว่าภรรยาของพ่อเจ้าประคุณคนนั้นคงจะมาแล้ว
รีบสาวเท้าก้าวไปอยู่หน้าประตู เชิดใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นสี่สิบห้าองศา เมื่อเปิดประตูออก รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวหลิวก็เลือนหายไปทีละน้อย
หลิวหลิวกระตุกปากพลางรีบร้อนกล่าวขอโทษ “ขอโทษครับผู้กำกับเริ่น เยี่ยชิวของเราป่วยซะแล้ว ถ้าท่านมีธุระ—”
เริ่นตงหลิวไม่รอให้เขาพูดจบก็เดินปรี่เข้าไปทันที
“เอ๊ะ? ผู้กำกับเริ่น!” หลิวหลิวกระวนกระวาย ผู้กำกับจะหยิ่งผยองขนาดนี้ก็ได้หรือ?
โน้มตัวลงช้อนร่างตันหวายอุ้มขึ้นมา เริ่นตงหลิวเลิกคิ้ว กล่าวอย่างสุภาพและห่างเหินว่า “มีธุระอะไรอีกไหม?”
หลิวหลิว “…”
แม่จ๋า โลกใบนี้ช่างประหลาดเหลือเกิน
หลิวหลิวมือสั่นระริก ถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า “คุณเป็นภรรยาเขาหรือ?” มิน่าล่ะ มิน่าล่ะเขาถึงรู้สึกว่าเสียงนั้นมันคุ้นๆ!
เริ่นตงหลิวนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วพยักหน้ารับโดยไม่พูดให้มากความ
หลิวหลิวพยักหน้ารับเช่นกัน เดินแกว่งมือพร้อมเท้าหยิบเสื้อผ้าออกจากประตูไป ถ้าเขายังไม่ไปอีกล่ะก็ เขาคงได้ถูกหามส่งโรงพยาบาลแน่แล้ว
ตอนที่ 53 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (22)
หลังจากตันหวายตื่นแล้วยังไม่ได้ลืมตาขึ้นทันที เขายังคงเพลิดเพลินกับช่วงเวลานอนขลุกบนเตียงอย่างยิ่ง แม้ว่าตอนนี้ระบบจะเริ่มพูดพล่ามอย่างไม่รู้เวล่ำเวลาอยู่ก็ตาม
(ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าของร่าง ค่าความประทับใจของเริ่นตงหลิวเพิ่มสูงขึ้นถึงเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ท่านเจ้าของร่างโปรดพยายามต่อไป)
เพิ่มขึ้นแล้ว? เกิดเรื่องอะไรกัน!
ตันหวายมึนงงนิดหน่อย ตนถ่ายหนังในกองถ่ายอยู่ตั้งหลายเดือน ตามจีบอย่างบ้าคลั่งทั้งต่อหน้าและลับหลัง ค่าความประทับใจก็ไม่ยักจะเพิ่มขึ้น แล้วทำไมมาเพิ่มขึ้นเอาตอนนี้ล่ะ?
ไม่คิดให้หนักหัวแล้ว อย่างน้อยเพิ่มขึ้นมาได้ก็ดี
“หลิวหลิว ผมอยากดื่มน้ำ” ตันหวายพูดพลางเบิกดวงตาขึ้นพลาง
จ้องเพดานขาวโพลนอยู่สักพักใหญ่ ตันหวายไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ก็คิดในใจว่าหรือเขาจะไปแล้ว?
“กาต้มน้ำอยู่ตรงไหน?”
ตันหวายสั่นสะท้าน หันหน้าขวับด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของเริ่นตงหลิวค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา
“คุณมาได้ยังไง?” ตันหวายยิ้มแหย
เริ่นตงหลิวสีหน้าอ่อนโยนลง ไม่ตอบพลางถามกลับ “เติมน้ำร้อนจากตรงไหน?”
เมื่อครู่เขาลองหาดูแล้ว ในห้องเล็กคับแคบห้องนี้ไม่มีตู้กดน้ำ และไม่เห็นกาต้มน้ำร้อนด้วย
ตันหวายกะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าใสซื่อ “ผมไม่มีน้ำร้อนที่นี่ บนโต๊ะมีน้ำแร่อยู่”
เริ่นตงหลิวลุกขึ้นยืนโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ ในมือยังถือสมุดโน้ตของตันหวายเอาไว้ แล้วเดินไปหยิบน้ำแร่ขวดหนึ่งบนโต๊ะมายื่นให้กับตันหวาย
ตันหวายรับน้ำไว้ พอเห็นสมุดโน้ตในมือเริ่นตงหลิวก็รู้สึกอับอายขึ้นมา
ตอนที่กลับลงไปนั่งบนเก้าอี้คอมพิวเตอร์ สมุดโน้ตในมือของเริ่นตงหลิวก็คลี่เปิดเล็กน้อย กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงออกมาจากข้างใน
“นี่คืออะไร?” เริ่นตงหลิวพูดพลางจะก้มลงหยิบ
“อย่าขยับ!” ตันหวายลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปยื้อแย่ง แต่เพราะนอนนานเกินไปทั้งร่างเลยไร้เรี่ยวแรงยื้อแย่งจากเริ่นตงหลิวไม่ไหว กระดาษแผ่นนั้นจึงยังคงตกอยู่ในมือของเริ่นตงหลิว
ภาพวาดบนกระดาษยังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม มันคือดวงตา ทั้งเป็นดวงตาของจวินเฉิง และเป็นดวงตาของเริ่นตงหลิว
“เอ่อ คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ผมได้ยินว่าดวงตาของซีหนานอ๋อง…” ตันหวายไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขากำลังพูดโกหกตาใสอย่างน่าละอายใจจริงๆ
“ภาพแบบนี้ ผมเคยฝันถึงมาก่อน” เริ่นตงหลิวกำกระดาษในมือแน่นพลางกล่าวพึมพำ
“อะไรนะครับ?” ตันหวายฟังไม่ชัด
“ตัน…”
ตันหวายสะท้านไปทั้งกาย เกือบจะกลิ้งตกลงมาจากเตียง ก่อนคว้ามือของเริ่นตงหลิวเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณจำได้?”
เริ่นตงหลิวมองมาหาตันหวายอย่างใจลอย จากนั้นก็ส่ายศีรษะพลางกล่าวช้าๆ “ผมมักจะคิดว่า ผมกับซีหนานอ๋องเหมือนมีสายสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน แต่ผมไม่รู้ว่าสายสัมพันธ์แบบนี้คืออะไร” เริ่นตงหลิวชะงักไปสักครู่ แล้วจึงยิ้มออกมา “ไม่แน่ว่า เขาอาจจะเป็นผมในชาติก่อน”
ก้มลงมองดวงตาแดงก่ำของตันหวาย เริ่นตงหลิวอับจนปัญญา
“คุณตั้งใจจะคอสเพลย์เป็นกระต่ายเต็มตัวเลยหรือไง?”
ตันหวายไม่พูดไม่จา เพียงแค่จับมือของเริ่นตงหลิวไว้ไม่ยอมปล่อย
ทั้งคู่สบตากันอยู่ในท่านั้นเนิ่นนาน สุดท้ายก็เป็นเริ่นตงหลิวที่ทนไม่ไหว ฉุดตันหวายล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง เอาผ้าห่มคลุมตัวให้แล้วกล่าว “นอนซะ!”
“ผมไม่นอน!” ตันหวายเบิกตาโตรั้งเริ่นตงหลิวเอาไว้ “คุณบอกผมสิ ตันอะไร?”
เริ่นตงหลิวยังจดจำตันฝูเซิง ยังจดจำเรื่องราวในชาติที่แล้วได้จริงๆ หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นเขามายังโลกนี้ได้อย่างไร หรือว่าเป้าหมายยึดครองของเขาคือตนมาตลอดอย่างน่าบังเอิญเช่นนั้นจริงๆ
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตันอะไร” เริ่นตงหลิวกล่าวอย่างยอมแพ้ “เมื่อกี้ชื่อนั้นแค่ผุดขึ้นมาในหัวผมแวบเดียว น่าเสียดายที่ผมจำมันไม่ได้”
“คุณจำไม่ได้แต่ผมจำได้!” ตันหวายร้องออกมา “คุณคือ…”
(ติ๊ดๆๆ ระบบแจ้งเตือน เจ้าของร่างไม่อาจเปิดเผยตัวตน และไม่สามารถแพร่งพรายเรื่องราวในโลกอื่นใด หากมีการฝ่าฝืน ระบบจะตัดสินว่าภารกิจล้มเหลวโดยอัตโนมัติ!)