[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN) – ตอนที่ 6 เทพธิดาประทานคุณ

Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)
ชื่อไทย : มาฮิรุณคอแดง(?)
ผู้แปล : แปลแบบคนเหงาและง่วง
Chapter : 6 เทพธิดาประทานคุณ
 
อามาเนะคิดว่ามันยุ่งยากที่จะลงไปร้านสะดวกซื้อ แล้วเขาก็ดื่มน้ำเยลลี่ที่เขามักจะซื้อเก็บไว้ที่ห้องเป็นประจำ ขณะที่พิงราวระเบียงแล้วสูดอากาศอยู่ด้านนอก แล้วตอนนั้นเองมาฮิรุก็ปรากฎตัวออกมาที่ระเบียงห้องของเธอเอง
เมื่อมาฮิรุสังเกตเห็นอามาเนะ เธอโน้มตัวออกมาเหนือระเบียงแล้วเห็นน้ำเยลลี่ที่เขาดื่มอยู่และขมวดคิ้วเล็กน้อย
อามาเนะคาดไม่ถึงว่าจะโดนทัก เขายืนอึ้งนิ่งไปชั่วขณะ
 
“แค่มองก็น่าจะรู้นี่ มันคือน้ำเยลลี่ที่จะเติมพลังงานฉันให้เต็มภายในไม่กี่วินาที”
“…อย่าบอกนะคะว่านั่นคืออาหารเย็นของคุณน่ะ?”
“ก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรอ”
“…เด็กผู้ชายมอปลาย วัยที่กำลังอยากอาหารกำลังกินสิ่งนี้เนี่ยนะ?”
“เลิกยุ่งได้แล้วน่า”
 
โดยปกติแล้วเขาจะอยู่ด้วยการกินข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อหรือจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วไม่ได้กินน้อยแบบนี้ เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำมื้อเย็นแล้วก็ไม่มีราเม็งถ้วยด้วย เขาจึงตัดสินใจดื่มน้ำเยลลี่นี้แทน
แต่นั่นอาจจะไม่เพียงพอ เขาอาจจะกินขนมขบเคี้ยวหรือของหวานเพิ่มทีหลัง
 
“…แล้วการทำมื้อเย็นล่ะ?”
“ไม่ทำและทำไม่ได้ เธอก็รู้ไม่ใช่หรอ?”
“…การใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นเนี่ย น่าตกใจจริงๆที่คุณยังอยู่คนเดียวได้อีกนะคะ…”
“หนวกหูน่า ไม่เกี่ยวกับเธอไม่ใช่หรอ”
 
ความจริงอันน่ากลัวกระแทกหลังเขา เขาจึงขมวดคิ้วแล้วรีบจัดการกับเยลลี่ให้หมด
เขาเดือดร้อนจริงๆเมื่อวันก่อน เขาจึงมีแผนว่าจะทำความสะอาด แต่เมื่อถูกพูดใส่แบบนี้หลายวันทำให้ความมุ่งมั่นของเขาเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้าม
อามาเนะสงสัยว่าทำไมมาฮิรุถึงได้มีท่าทางเหนื่อยหน่าย เธอจ้องกลับมาที่เขาแล้วถอนหายใจเล็กน้อย
 
“…รอสักครู่นะคะ”
 
ก่อนที่เขาจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ มาฮิรุก็หันออกจากระเบียงแล้วกลับเข้าไปในอพาร์ทเม้น 
เมื่อเขาได้ยินเสียงปิดหน้าต่างลงอามาเนะก็ถามออกมา [อะไรกันล่ะนั่น]
เธอบอกให้รอ แต่เธอให้เขารออะไร?
เขามองไปที่อพาร์ทเม้นท์ของมาฮิรุด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ
 
(อากาศก็เริ่มเย็นแล้วสิ กลับเข้าไปข้างในดีกว่า)
 
เขารอตามที่เธอบอก แต่กลางคืนฤดูหนาวมันหนาวกว่าที่เขาคิด เสื้อสเวตเตอร์คงไม่พอ
อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรออย่างเชื่อฟัง
อุณหภูมิหนาวเย็นมาก ลมหายใจของเขาหลายเป็นสีขาว แล้วจู่ๆก็มีเสียงกริ่งดังสะท้อนออกมาจากทางเข้าบ้าน
เขาหันไปที่ประตูทันทีเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง
มีผู้เยี่ยมเยือนคนเดียวเท่านั้นที่เขานึกออก
เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมา แต่เขาก็ก้าวหลบกองเสื้อผ้าและกองนิตยาสารที่รกอยู่แล้วเดินไปที่ทางเดิน
เขารู้ว่าเป็นใครแม้จะไม่ได้มองดูผ่านช่องมอง เขาใส่รองเท้าแตะและเดินไปที่ประตูแล้วเปิดมันออก อย่างที่เขาคาดเอาไว้ สิ่งที่ปรากฏในดวงตาของเขาคือเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน
 
“…ทำอะไรของเธอน่ะ?”
“ฉันพอกับการเห็นการใช้ชีวิตอย่างแย่ๆของคุณแล้วค่ะ…ถึงจะเป็นแค่ของที่ทำเหลือก็เถอะ แต่เชิญค่ะ”
 
มาฮิรุตอบโดยทันทีแล้วยื่นมืออกมา
มือที่เล็กกว่าอามาเนะของเธอกำลังถือกล่องใส่อาหารอยู่ กล่องใสทำให้อามาเนะมองเห็นด้านในที่มีอาหารปรุงสุกอยู่
มันยังคงอุ่นอยู่และมีไอน้ำเกาะฝาบางส่วน มันยากที่จะเห็น แต่มันมีอาหารอยู่ข้างใน
เขากระพริบตาอยู่สองสามครั้ง และเมื่อเธอเห็นดวงตาของเขาที่กำลังพยายามทำความเข้าใจอยู่ มาฮิรุถอนหายใจออกมาลึกๆ
 
“คุณกินอาหารอย่างไม่ถูกต้อง อาหารเสริมเป็นเพียงอาหารเสริม ไม่ใช่อาหารจานหลัก”
“เธอเป็นแม่ฉันงั้นหรอ”
“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกตินะคะ แล้วก็ คุณควรที่จะทำความสะอาดห้องของคุณนะรู้ไหม มันยากที่จะยืนในนั้นน่ะ”
 
มาฮิรุเหลือบมองไปที่ด้านหลังของอามาเนะ เธอหรี่ตาลงด้วยความเคือง ทำให้เขาพูดไม่ออก
 
“…ยังเดินได้อยู่นะ”
“ไม่ค่ะ เสื้อผ้าไม่ควรวางกองที่พื้น”
“มันเพิ่งร่วงลงมาน่ะ”
“หลังจากที่ซักแล้วคุณควรพับเก็บมันให้เรียบร้อย แพ็คนิตรยาสารที่คุณอ่านไปแล้วด้วย มันจะเป็นปัญหาถ้าคุณเหยียบแล้วลื่นล้ม”
 
เธอพูดบ่นใส่ แต่อามาเนะก็รู้ว่ามาฮิรุนั้นเป็นห่วง และด้วยไม่รู้เหตุใดเขาถึงไม่สามารถเถียงออกกลับไปได้
มันเป็นเรื่องจริงที่คราวที่แล้วตอนที่เธอดูแลเขา ทั้งสองคนเกือบจะลื่นล้มเพราะห้องรกเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเขาถึงถูกบอกแบบนั้น
(อึก) อามาเนะไม่สามารถอ้าปากพูดโต้ตอบออกมาได้เลย เขาปิดปากของเขาขณะที่รับกล่องใส่อาหารมาจากมาฮิรุ
ความอบอุ่นค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วฝ่ามือของเขาและปลอบโยนเขาท่ามกลางสภาพอากาศเย็นๆแบบนี้
 
“…แล้ว ฉันกินเจ้านี่ได้งั้นหรอ”
“ถ้าคุณไม่กินฉันก็จะทิ้งค่ะ”
“ไม่ล่ะ ขอรับไว้ด้วยความยินดีละกัน เป็นอาหารที่เทพธิดาทำซะด้วยสิ โอกาสหายากแบบนี้ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ซะด้วย”
“…หยุดเรียกฉันแบบนั้นเถอะค่ะ ฉันขอล่ะ”
 
เมื่อเขาลองเรียกชื่อเล่นที่โรงเรียนของเธอแก้มสีขาวๆของเธอก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดง
ดูเหมือนว่าการที่ถูกเรียกว่า [เทพธิดา] จะน่าอายจริงๆ ถ้ามาเนะอยู่ในจุดเดียวกับเธอก็คงจะคิดเหมือนกัน เพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะอาย
แก้มของเธอถูกย้อมไปด้วยสีแดง ตาของเธอที่จ้องอามาเนะดูเหมือนน้ำตากำลังไหลออกมา อามาเนะจึงหัวเราะออกมา
 
“ขอโทษด้วย ฉันจะไม่เรียกแบบนั้นแล้วล่ะ”
 
เขาไม่อยากจะทำให้เธออารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เขาจึงหยุดหยอกล้อเธอ และนอกจากนี้เองพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกันขนาดที่จะล้อกันเล่นแบบนั้น
ดูเหมือนว่ามาฮิรุไม่ต้องการจะถูกเรียกว่าแบบนั้นจริงๆ เธอกระแอมแล้วปรับท่าทีใหม่
แต่ยังไงก็ตาม แก้มของเธอยังคงแดงอยู่ไม่ต่างจากเมื่อกี้
 
“เอาเถอะ จะขอรับไปด้วยความยินดีแล้วกัน เธอไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ฉันป่วยก่อนหน้านี้หรอก”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ มันจบไปตั้งแต่ที่ฉันดูแลคุณไปแล้ว ฉันแค่ทำด้วยความพอใจของฉันเองค่ะ ฉันก็แค่กังวลที่คุณใช้ชีวิติย่างไม่เหมาะสมเท่านั้นเองค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
 
การคิดแบบนั้นก็สมเหตุสมผลในระดับหนึ่งเพราะการใช้ชีวิตของเขาดูน่าสงสารเกินไปเมื่อเธอเห็นเขา
แม้ในตอนนี้ข้างหลังของเขาก็รกไปหมด และมาฮิรุก็เห็นทั้งหมดไปแล้วตอนที่ดูแลเขา ไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อนอีกต่อไปแล้ว
 
“…คุณควรที่จะกินอาหารและใช้ชีวิตที่เหมาะสมเข้าใจไหม?”
“เธอเป็นแม่ฉันงั้นหรอ”
 
ในขณะที่อาฮิรุเทศน์ในท่าทีจริงจัง อามาเนะก็ตอบกลับด้วยท่าทางอ่อนเพลีย
เขานำกล่องอาหารกลับเข้ามา และนำตะเกียบที่รับมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วไปนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
อาหารที่มาฮิรุนำมาให้เขาจะมีรสชาติยังไงนะ?
เขาคิดว่าโจ๊กก่อนหน้านี้ก็มีรสชาติดี ลิ้นของเขาเย็นเล็กน้อย แต่รสชาติของโจ๊กที่ปรุงสุกเป็นรสชาติที่อ่อนโยนกับกระเพาะ
จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ จะเห็นว่าทักษะการทำอาหารของมาฮิรุนั้นดี แล้วคราวนี้ล่ะ?
เขาเปิดฝากล่องอาหารออกด้วยความคาดหวังและความลังเล กลิ่นหอมโชยออกมา มันคืออาหารปรุงสุกอย่างไม่ต้องสงสัย
มันมีรากผักและเนื้อไก่ และน้ำซุปสีอ่อนๆ มีสีสันของแครอทและถั่วฝักยาวที่สดใส
ในอาหารมีสีสันต่างๆที่ถูกสับด้วยขนาดพอดีคำ ทำให้ความอยากอาหารของอามาเนะที่กินแค่น้ำเยลลี่เพิ่มขึ้นมา
เขาแยกตะเกียบออกจากกันอย่างรวดเร็วและคีบแครอทเข้าปากก่อน
 
“อร่อย”
 
รสชาติอันโดดเด่นซึมซาบออกมาอย่างรวดเร็ว
อย่างที่คิด ดูจากมาฮิรุที่สุขภาพดี น้ำซุปของเธอปรุงแบบไม่รสจัด นี่ไม่ใช่ซุปผงที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มันเป็นซุปที่ต้มจากปลาแห้งและสาหร่ายคอมบุ รสชาติมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เขาค่อยๆเคี้ยวอย่างช้าๆและลิ้มรสชาติของน้ำซุปและเนื้อผักที่แผ่กระจายภายในปาก
ความสดของผักได้ดูดซึมน้ำซุปเข้าไปผ่านการต้มอย่างดี มันทำให้เขาเพลิดเพลินกับมันได้แม้ว่าเขาจะไม่ชอบกินผัก
เนื้อไก่เหมือนกำลังบอกว่ากินผักเยอะๆซะ จากไก่ที่มีจำนวนน้อย เนื้อไก่ไม่นุ่มและไม่แข็งจนเกินไป ไม่มีอะไรให้บ่นนอกจากปริมาณ
ส่วนผสมค่อนข้างธรรมดาสำหรับการปรุงอาหารแบบเด็กสาวมอปลายทั่วไป แต่ทักษะของเธอเป็นของจริง
อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นรสชาติที่แตกต่างจากของมือใหม่ทำอย่างสิ้นเชิง
เขาคิดว่ามันจะดีกว่านี้ถ้ามีข้าวหรือมิโสะหรือซอสถั่วเหลือง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้หุงข้าวไว้เลย…หรืออันที่จริงคือ ข้าวสารของเขาก็หมดแล้ว เขาได้แต่นึกถึงความปราถนาที่ไม่ได้บรรลุผลนี้
มันสายเกินไปแล้วที่จะพูดออกมา แต่อามาเนะนึกเสียใจที่ไม่ได้ออกไปซื้อข้าวสารไว้เลยซักแพ็ก
 
“เทพธิดานี่ยอดเลยแฮะ”
 
อามาเนะจึงได้แต่ยกย่องคนที่สมบูรณ์แบบทั้งการเรียนและกีฬาและงานบ้าน ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบหากเขาเรียกเธอแบบนั้น เขาจึงยังคงลิ้มรสกับสตูว์ผักในอุดมคตินี้อย่างไม่ยั้งมือต่อไป
 
**แปลจากอิ้ง แปลผิดยังไงก็ขออภัยนะครับ มือใหม่แปล อาจจะมีผิดบ้างทักท้วงกันได้นะครับ
นี่เป็นเวอร์ชั่น WN (เว็บโนเวล) อาจจะมีบางส่วนที่ต่างกับแบบเล่มอยู่บ้างนะครับ แต่ก็ยังคงความหวานไว้เช่นเคย
 
อย่าลืมกดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยนะครับ ที่เพจลงล่วงหน้า 1 ตอนนะครับ 
เพจ แปลแบบคนเหงาและง่วง 

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset