เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนจึงสลัดมือเขาออกทันที “ฉันเหนื่อย อยากนอนพัก รบกวนคุณออกไปด้วย”
แขนไร้การควบคุมแล้ว ครั้นลำคอกลับถูกมือข้างหนึ่งของเขาบีบไว้ ความเจ็บที่ลำคอจึงผุดขึ้นมาแทน ทว่าเสียงที่เขาปริปากเอ่ยขึ้นมาในเวลาต่อมานั้นทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจเป็นอย่างยิ่ง “บอกฉันมา เธอรักหรือไม่รักฉันกันแน่ !”
“บอกฉันมา เธอรักหรือไม่รักฉันกันแน่ !”
นัยน์ตาที่สับสนวุ่นวายและแฝงไปด้วยความโมโหจับจ้องมา หัวใจของเฉียวชูเฉี่ยนราวกับถูกฉีกออกเป็นบาดแผล เลือกไหลกระฉอกออกแล้วมิหนำซ้ำยังถูกโรยเกลือใส่อย่างไร้ความปราณีอีก ถ้าหากไม่รักแล้วความเจ็บปวดตลอดเจ็ดปีมาจากที่ใด ถ้าหากไม่รักจะมีผู้หญิงคนใดที่ยินยอมสิ้นเปลืองช่วงเวลาสิบปีอันสวยงามที่สุดของตัวเองไปฟรี ๆ
“บอกมาเธอรักฉันหรือเปล่า ?”
เมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองโกรธจนเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาจึงรีบชักมือบนลำคอของเธอกลับทันที ครั้นไม่ยอมให้เธอออกจากการควบคุมของตนเองไปได้ นิ้วมือเรียวยาวของเขาอ้อมไปอยู่ท้ายทอยของเธอ บีบบังคับให้เธอสบตาตนเอง
“คุณคิดว่าฉันควรรักคุณเหรอ ?”
ความเจ็บปวดที่ลำคอหายไป ครั้นน้ำเสียงของเธอได้แหบแห้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นเขาก็คิดที่จะซื้อบริษัทเฉียวกรุ๊ปจึงมาแต่งงานกับเธอ เธอให้ความรักกับเขาตลอดสิบปี ครั้นเขากลับให้คำว่าแต่งงานเพื่อธุรกิจโดยไร้ความรู้สึกแก่เธอ
มิหนำซ้ำเขายังใช้วิธีทางตรงหรือทางอ้อมในการฆ่าพ่อแม่ของเธออีก เฉินเป่ยชวนที่เป็นเช่นนี้ เธอจะยังรักลงได้อย่างไร ?
เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ คิ้วอันเรียวของเฉินเป่ยชวนจึงค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน สุดท้ายก็ผุดเป็นความเย็นยะเยือกสุดแสนจะอันตรายขึ้นมา “เธอไม่รักฉัน และไม่เคยคิดที่จะเริ่มต้นใหม่”
แววตาอันเดือดดาลและเย็นชาคือความผิดหวังและความเสียใจ ครั้นราวกับเสือดาวที่ดุเดือดตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บแล้วยังเย่อหยิ่งปกปิดบาดแผลของตนเองเอาไว้ยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น
เธอพูดไว้ที่ร้านอาหารตะวันตกแล้วว่าตนไม่เคยคิดที่จะแต่งงานใหม่กับเขาเลย เขาจะโง่เง่าให้โอกาสในการให้เธอพูดว่ารักหรือไม่รักเขาอีกได้อย่างไร
“ใช่ ฉันไม่เคยคิดที่จะเริ่มต้นใหม่”
เฉียวชูเฉี่ยนเงยหน้าขึ้น แววตาอันเย็นชาประสานกับนัยน์ตาอันเย็นยะเยือกของเขา เธอไม่เคยคิดที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะว่าเวลาสิบปีมานี้ความรักของเธอชัดเจนกระจ่างแจ้ง กระทั่งปกปิดอย่างระมัดระวัง ครั้นกลับไม่เคยเอ่ยว่าจะตัดขาดกัน จะถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ได้อย่างไร ?
“ดีมาก !”
ทันใดนั้นมุมปากของเฉินเป่ยชวนก็โค้งขึ้น ฝ่ามือที่อยู่ท้ายทอยของเธอก็คลายออกมาโดยไร้ซึ่งความรู้สึก “เฉียวชูเฉี่ยน เธอทำดีมาก !”
สิ้นเสียงปิดประตูดังปัง ร่างกายของเธอไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วงราวกับถูกดูดพลังงานออกไปจนหมดอย่างไรอย่างนั้น ทำได้เพียงพิงพนังแล้วทรุดลงนั่งบนพื้น
น้ำตาไหลรินลงโดยไร้เสียง ศีรษะพิงหว่างขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ยอมให้น้ำตาไหลรินลงอาบเสื้อผ้าบนร่างกายเรื่อย ๆ
เฉินเป่ยชวน ฉันรักคุณมาสิบปี แต่ว่าฉันได้อะไรคืนมากับความรักในสิบปีนี้
“เป่ยชวน เธอจะไปไหน ?”
เมื่อเห็นเขาลงมาจากชั้นบน ท่านผู้หญิงจึงรีบสอบถามด้วยความเป็นห่วงทันที เมื่อสักครู่นี้แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกันในห้อง ครั้นเสียงปิดประตูที่ดังสนั่นเช่นนี้จะต้องเกิดเรื่องที่ย่ำแย่ขึ้นเป็นแน่
“คุณย่าครับ ตอนเย็นผมนัดคนคุยธุระกัน ไม่ต้องรอผมทานข้าวนะครับ” สิ้นเสียงเขาก็ขับรถออกจากบ้านไปทันที
“คุณย่าทำไมวันนี้พี่ใหญ่เขาถึงได้กลับมาเร็วแบบนี้ล่ะครับ ?”
เฉินเป่ยชวนเพิ่งขับรถจากไป เฉินจิ้นถงก็ขับรถเข้าคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฉินมาพอดี เมื่อเห็นสีหน้าอันเป็นกังวลใจของท่านผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้วนั้น เขาก็ยังถามไปทั้งที่ทราบอยู่แล้ว
“สองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องทะเลาะกันแน่ ๆ ไม่ได้การละ ฉันจะต้องไปปลอบยายหนูซะแล้ว”
ไม่อย่างนั้นหากเธอจากไปอีกเจ็ดปี หญิงชราอย่างตนคงอดทนรอไม่ถึงช่วงเวลาที่ได้เจอกันอีกคราเป็นแน่
“คุณย่าครับ สามีภรรยาทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ คุณย่าเองรอคอยอย่างใจเย็นก็พอแล้ว ไม่แน่ว่าพอพี่ใหญ่กลับมาตอนดึกสองคนนั้นอาจหายโกรธกันแล้วกลับมารักหวานแหววกันอีกครั้งก็ได้นะครับ”
ระหว่างที่พูดก็ประคองท่านผู้หญิงมานั่งอยู่บนโซฟา เฉินจิ้นถงเงยหน้ามองห้องนอนที่ประตูปิดแน่นชั้นสาม นัยน์ตาเบื้องหลังแว่นตาขอบทองก็ผุดความพึงพอใจขึ้นมาทันควัน
“ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็คงดี ฉันก็จะรอ รอดูพรุ่งนี้เช้าถ้าทั้งสองคนยังไม่ดีกัน ฉันก็จะไปตีพี่ใหญ่เธอ จะต้องให้เขาไปขอโทษยายหนูให้ได้”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงเวลาผมจะช่วยด้วย”
เฉียวชูเฉี่ยน วันเวลาอันแสนหวานที่เธอต้องการ เฉินเป่ยชวนให้เธอไม่ได้โดยสิ้นเชิง
รถยนต์ยี่ห้อมายบัคขับผ่านท้องถนนอย่างรวดเร็ว น่าตกใจจนทำให้คนขับรถคันอื่นต่างก็ขับหนีออกไปไกล ๆ กลัวว่าหากไม่ระวังไปชนเข้า เงินเดือนทั้งปีก็ยังไม่พอชดเชยค่าเสียหายเลย
ภายในรถ ความหงุดหงิดที่อยู่ในแววตาของเขาไม่ต้องปกปิดไว้แล้ว เมื่อนึกถึงนัยน์ตาอันเย็นชาที่เธอมองหน้าตนแล้วนั้น แม้แต่ความคิดต้องการฆ่าคนก็ผุดขึ้นมา
สายตาของเขากวาดไปเห็นป้ายร้านสีทองข้างทาง เฉินเป่ยชวนจึงตีไฟเลี้ยวทันที จากนั้นรถยนต์ก็เข้ามาจอดอยู่หน้าประตูร้านโซ่วจิน
เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นรถยนต์ของเขา จึงรีบวิ่งเขามาเปิดประตูรถยนต์ให้เขาทันที “คุณชายเฉินครับ วันนี้คุณมาร้องเพลงหรือมาหาบอสของเราเหรอครับ ?”
“ฉันมาหาถังอี้”
“ครับ เชิญคุณทางนี้ครับ”
คุณชายเฉินเป็นถึงเพื่อนรักของบอส และต่อให้ไม่มีความสัมพันธ์เช่นนี้กับบอสก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าเพิกเฉยเขาได้แม้แต่น้อย เขาคือเฉินเป่ยชวนเชียวนะ
ถังอี้กำลังนั่งชิมเหล้าสูตรใหม่ที่บาร์เทนเดอร์ร้านตัวเองคิดค้นขึ้นในบาร์ เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ “หวานเกินไป ฉันอยากได้รสชาติที่ทั้งแสบทั้งหวานและน่าสนใจ”
ก็คล้ายกับความรู้สึกที่ผู้หญิงคนนั้นให้เขาอย่างไรอย่างนั้น
“บอสครับ คุณไปดื่มเหล้าแบบนั้นมาจากที่ไหนเหรอครับ ?”
แขนของบาร์เทนเดอร์เมื่อยล้าเต็มทนแล้ว เขาทำมาอย่างน้อย 50 แก้ว ทว่าบอสไม่พอใจทั้งหมด
“เอ่อ……นายไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันจะไปดื่มมาจากไหน ฉันต้องการเหล้ารสชาติแบบนั้น”
“บอสครับ คุณชายเฉินมาหาครับ”
คราวนี้สายตาของถังอี้เคลื่อนออกจากแก้วเหล้าที่เรียงรายกันเป็นแถวเสียที เมื่อเห็นเฉินเป่ยชวนที่กำลังเดินเข้ามา บนใบหน้าของเขาจึงผุดรอยยิ้มหยอกล้อขึ้นมาทันที “หน้าหม่นหมองขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าชีวิตของสามีภรรยาในหลายวันมานี้ไม่ค่อยลงลอยกันเพราะเรื่องบนเตียง ถ้าเป็นอย่างนี้ ก่อนที่นายจะกลับเอาเหล้าไปสองขวดนะ รับประกันได้ว่านายจะต้องพึงพอใจอย่างหาที่สุดไม่ได้เลยละ”
เฉินเป่ยชวนเข้ามานั่งที่ประจำของเขาเมื่อมาที่นี่ “เอาเหล้าที่แรงที่สุดของที่นี่มา”
“ฉันพูดตรงเผงเลยจริง ๆ น่ะเหรอ ? ไม่จริงมั้ง ?”
ถังอี้ส่งสัญญาณทางสายตาบอกพนักงาน จากนั้นตนเองก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ใบหน้านี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเพียงความหมองหม่นแถมยังมีความเสียใจปะปนอยู่ด้วย
เฉินเป่ยชวนเสียใจ ? ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เสียแล้ว ?
“ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักกัน ฉันจะยอมเป็นผู้รับฟังโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายให้นายเอง” หลังจากที่พนักงานยกเหล้ามาเสิร์ฟ ถังอี้ก็รินให้เขาด้วยตัวเอง ครั้นไม่ใช่เหล้าที่แรงไม่ส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อร่างกายแต่อย่างใด
“นายเคยรักผู้หญิงคนไหนหรือเปล่า ?” หลังจากที่ดื่มเหล้าในแก้วจนเกลี้ยงภายในอึกเดียว เฉินเป่ยชวนจึงเงยหน้าขึ้นมา ความเฉียบคมที่อยู่ในแววตาเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดใจและความเคว้งคว้าง
“คำถามนี้จะตอบยังไงดีล่ะ นายก็รู้ ระหว่างผู้หญิงกับเพื่อน ฉันจะคิดถึงเพื่อนก่อนเสมอ”
สำหรับผู้หญิง นอกเสียจากว่าต้องการเงินจากเขาอย่างเดียว และเขาก็เป็นคนเรียบง่าย ใช้เงินเล่นสนุก ต่างฝ่ายต่างได้รับในสิ่งที่ต้องการ ครั้นความรักเล่า ? คำนี้ช่างน่าขันเสียจริง ไม่รู้ว่าผู้หญิงแบบไหนบนโลกใบนี้ที่จะทำให้เขาตกหลุมรักได้กันแน่
แก้วเหล้าอันว่างเปล่าถูกรินให้เต็มอีกครั้ง เฉินเป่ยชวนดื่มเหล้าราวกับดื่มน้ำ เพียงเวลาหนึ่งนาทีเท่านั้น ก็ดื่มจนอยากอาเจียนขึ้นมา
ทั้งที่เขาได้ยินคำพูดที่เธอเอ่ยในร้านอาหารตะวันตกแล้ว ทว่ากลับยังคงอดไม่ได้ไปถามเธอว่ารักหรือไม่รักตนอีก มีชั่วเวลาพริบตาหนึ่งที่เขาถึงขั้นคิดว่าต่อให้ผู้หญิงเลวคนนั้นจะโกหกเขาก็ยังดี
ทว่าเธอไม่ยินยอมเอ่ยแม้แต่คำพูดปลดด้วยซ้ำ เป็นเพราะผู้ชายที่ชื่อลู่ฉีคนเดียวแท้ ๆ !