เฉียวชูเฉี่ยนรีบรั้งแขนเจ้าตัวน้อยไว้ทันทีที่เห็น “จิ่งเหยียน หนูต้องเรียกว่าคุณย่าทวดจ้ะ”
ความเอาแต่ใจของเด็กก็ส่วนความเอาแต่ใจ แต่อย่างไรก็ไม่ควรทำตามอำเภอใจกับผู้อาวุโส
“ไม่เป็นไรจ้ะ คุณย่าทวดก็ฟังดูแก่เกิน ขอแค่เป็นเหลนของฉัน จะเรียกว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
แววตาของท่านผู้หญิงเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นเจ้าตัวน้อย… เหมือนมาก เหมือนมากๆ ช่างเหมือนกับเฉินเป่ยชวนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด
“เหมือนกันเลย เหมือนกันอย่างกับแกะ เหมือนกับเป่ยชวนตอนเด็กๆ ราวกับเป็นคนๆ เดียวกันยังไงยังงั้น”
ท่านผู้หญิงมองสำรวจซ้ายทีขวาที แล้วใบหน้าที่มีริ้วรอยของเธอก็แย้มบานราวกับดอกไม้ แต่ก่อนเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงความมหัศจรรย์ของพันธุกรรมมามาก แต่หลานชายทั้งสองคนกลับไม่ได้คล้ายคลึงกับลูกชายของเธอนัก ทว่าเจ้าตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ทำให้เธอรู้แล้วว่าพันธุกรรมนั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริงๆ
“…”
เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้ว สายตาของคุณย่าต้องมีปัญหาแน่ๆ เพราะถ้าเหมือนเขาขนาดนั้นแล้วเด็กคนนี้จะเป็นลูกของลู่ฉีได้อย่างไร
เจ้าตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็แทบทนไม่ไหวที่จะแขวะออกมา มันประหลาดขนาดนั้นเลยหรือไง เขาเองก็ยอมรับว่ามีส่วนคล้ายกันนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันหมดเสียทีเดียว
“คุณแม่ ปล่อยให้แขกยืนรออยู่ที่ประตูได้ยังไงล่ะคะ รีบเข้ามาเถอะค่ะ ไม่งั้นแขกคนนอกเขาจะคิดยังไง”
เว่ยชูหรงทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ พูดด้วยน้ำเสียงที่เสียดสีและประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด เฉินเป่ยชวนกับเฉียวชูเฉี่ยนหย่ากันมาตั้งนานแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมถึงมีงานแถลงข่าวในวันนี้แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่ ถึงอย่างไรคนสกุลเฉียวคนนี้ก็ถือเป็นคนนอก
“ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเธอเป็นใบ้หรอกนะ”
ทันใดนั้นท่านผู้หญิงก็หันไปจ้องมองเธออย่างเตือนๆ เว่ยชูหรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่เงียบๆ …ยายแก่เอ๊ย วันหนึ่งไม่ช้าก็เร็วฉันจะไม่ยอมให้คุณกดขี่อีกต่อไป
“ยายหนู เหลนของย่าทวด เข้ามาเร็วเข้า ย่าเตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้เยอะเลย อุ่นร้อนตั้งหลายครั้งรอให้พวกหนูมาทานแน่ะ”
ท่านผู้หญิงพูดพลางเดินเข้าไปจูงมือของเจ้าตัวน้อย ถ้าหากเป็นเวลาปกติเจ้าตัวน้อยจะต้องหาทางหลีกเลี่ยงแน่นอน แต่คราวนี้เขากลับยอมให้ท่านผู้หญิงจับมือเล็กๆ ของเขาอย่างว่าง่าย
สัมผัสที่อ่อนนุ่มในมือทำให้ท่านผู้หญิงยิ้มจนตาหยี เพราะว่ายังเด็กอยู่จึงจับแล้วรู้สึกสบายมือ ไม่เหมือนคนแก่อย่างเธอที่แม้ว่าตอนสาวๆ จะใส่ใจบำรุงอย่างดีแค่ไหน แต่เมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังก็เหมือนหนังไก่ไปเสียอย่างนั้น
“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณย่า พอดีตอนไปรับจิ่งเหยียนเกิดเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยเลยทำให้เสียเวลาน่ะค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนไม่ใช่คนชอบมาสาย ยิ่งเป็นท่านผู้หญิงที่เธอเคารพมาตลอดยิ่งไม่ต้องพูดถึง เธอจึงรีบอธิบายทันทีโดยไม่ทันคิดว่าคำอธิบายของเธอจะทำให้สีหน้าของเฉินเป่ยชวนที่อยู่ข้างๆ อึมครึมขึ้นมาอีกครั้ง
เขาถูกลูกชายของเธอแจ้งตำรวจจับ แต่เธอกลับบอกว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย ดีจริงๆ!
“ไม่เป็นไรๆ แค่พวกหนูยอมมาย่าก็ดีใจมากแล้ว”
หลังจากล้างมือและนั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนก็เหลือบมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ข้างกาย แม้ว่าวันนี้จะถูกบังคับให้มาพบอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในเมื่อมาแล้ว แถมอีกฝ่ายยังอาวุโสกว่า เด็กคนนี้คงไม่ก่อความวุ่นวายอย่างที่ชอบทำตอนอยู่ที่บ้านหรอกนะ
“ลองดูสิ หนูชอบกินอะไร เดี๋ยวย่าทวดจะตักให้” ท่านผู้หญิงไม่ได้นั่งในที่ประจำของเธอแต่มาอยู่ข้างๆ เจ้าตัวน้อยแทน เพราะอยากจะใช้เวลาทุกวินาทีอยู่กับเหลนรักของตนอย่างใกล้ชิด
“คุณย่าทวด ผมไม่เลือกทานหรอกฮะ หม่ามี๊บอกว่าเด็กที่ไม่เลือกทานจะตัวสูง”
เจ้าตัวน้อยยิ้มกว้างแบบไม่เห็นฟัน รอยยิ้มนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ท่านผู้หญิงหัวใจพองโตแต่ยังทำให้หัวใจของเฉียวชูเฉี่ยนพองโตเช่นกัน ไม่คิดว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะรู้จักโปรยเสน่ห์ตั้งแต่ยังเด็กขนาดนี้
“เยี่ยมมาก พวกเธอดูสิ ยายหนูสอนลูกดีมาก เด็กไม่เลือกกินเป็นเด็กดี ไม่เหมือนเจ้าสองตอนเด็กๆ ที่เลือกกินทุกอย่าง”
คำกล่าวชมเชยของท่านผู้หญิงทำให้เว่ยชูหรงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
แค่ยกย่องเจ้าตัวน้อยนี่ก็เกินไปแล้ว ทำไมต้องดึงลูกชายของเธอมาเกี่ยวด้วย
“คุณแม่ คุณแม่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะคะ ตอนเด็กๆ ลูกสองเลือกกินก็จริง แต่ตอนนี้เขาก็โตมาเป็นเด็กฉลาด รู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
เมื่อพูดถึงลูกชายของตน แววภาคภูมิใจก็ปรากฏบนสีหน้าของเว่ยชูหรง ตอนนี้ลูกชายของเธอไม่ได้อยู่ในประเทศจีน ไม่อย่างนั้นเฉินเป่ยชวนคงไม่ได้มีหน้ามีตาและยิ่งใหญ่เหมือนอย่างตอนนี้
“หึ ฉันรู้ว่าเธอเป็นแม่ที่ตามใจลูกมากแค่ไหน”
ท่านผู้หญิงทำเสียงไม่พอใจ จากนั้นจึงตักหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงใส่ชามให้เจ้าตัวน้อยหนึ่งชิ้น
“หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงสูตรตระกูลเฉินของเรานุ่มมันแต่ไม่เลี่ยน พอหอมปากหอมคอ เหลนย่าลองชิมดูสิ”
เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวน้อยได้กินหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง เขามองชิ้นหมูที่มันเยิ้มพลางขยับปากอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี รู้อย่างนี้เขาน่าจะบอกว่าตัวเองชอบกินผักใบเขียวไปซะก็ดี
เขาคีบมันเข้าปากด้วยความลำบากใจและคิดว่ายังไงก็คงกลืนไม่ลง แต่หลังจากเอาเข้าปากเขาก็เบิกตากว้างในทันที คิดไม่ถึงว่าเนื้อมันๆ จะอร่อยขนาดนี้
“เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม?”
ท่านผู้หญิงมองดูอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ เธอรู้ว่าจะต้องถูกปากเจ้าตัวน้อยอย่างแน่นอน
“อื้อ อร่อยฮะ”
หลังจากกินหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงเข้าไป เจ้าตัวน้อยก็ยกนิ้วโป้งให้จากใจจริง
“พ่อของหนูก็ชอบกินหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงของที่บ้านตั้งแต่ยังเด็กๆ ถ้าสัปดาห์ไหนไม่ได้กินละก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยละ”
ที่หน้าผากของเฉินเป่ยชวนมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นมาอีกเส้น เขาชอบกินหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงก็จริง แต่เขาเคยร้องไห้ขี้มูกโป่งตอนไหนกัน
เฉียวชูเฉี่ยนที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ รู้สึกกลัวจับใจ หากปล่อยให้คุณย่าพูดแบบนี้ต่อไปเฉินเป่ยชวนอาจจะสงสัยเอาได้ ถึงตอนนั้นถ้าหากเขาลากจิ่งเหยียนไปโรงพยาบาลได้ ก็คงจะปกปิดความลับต่อไปไม่ได้อีก
“คุณย่า ช่วงนี้คุณย่าสบายดีไหมคะ?” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ท่านผู้หญิงไม่ได้ยึดติดกับหัวข้อที่คุยกับเจ้าตัวน้อย จึงยิ้มรับและหันไปตอบเฉียวชูเฉี่ยนทันที
“คนแก่อย่างย่ากระดูกยัง… โอ๊ย ย่าปวดท้องจังเลย”
ในขณะที่ท่านผู้หญิงกำลังจะบอกว่าเธอมีสุขภาพที่ดีอย่างไร ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบกุมท้องของตัวเองและเอ่ยด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“คุณย่าเป็นอะไรไปคะ”
“คุณย่าคุณเป็นอะไรครับ”
ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน เฉินเป่ยชวนหันไปมองเฉียวชูเฉี่ยนและเธอก็หลบสายตามองไปทางอื่นทันที
ท่านผู้หญิงใช้โอกาสนี้แอบขยิบตาให้เฉินเป่ยชวน หลานรัก ย่ากำลังเปิดโอกาสให้เธอ เธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้นะ
“โอ๊ย ย่าปวดท้องมากเลย”
เฉียวชูเฉี่ยนรู้ว่าระบบทางเดินอาหารมักจะแย่ลงเมื่อคนเราอายุมากขึ้น อาการปวดท้องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เมื่อเสริมด้วยการแสดงที่สมจริงของท่านผู้หญิงที่ราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอยู่จริงๆ จึงทำให้เธอคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
“ให้พวกเราพาคุณย่าไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
คนอายุมากขนาดนี้ไปโรงพยาบาลและพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างน้อยก็อุ่นใจกว่ารักษาตัวอยู่ที่บ้าน
“ย่าไม่อยากไปโรงพยาบาล ยายหนูไม่รู้อะไร คนเราอายุขนาดนี้ สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือการไปโรงพยาบาล เมื่อไรที่ได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อย่าจะรู้สึกไม่สบายไปทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่แน่ว่าดมไปดมมาอาจจะหายป่วยแล้วตายไปเลยก็ได้”
แม้ว่าท่านผู้หญิงจะแทบทนไม่ไหวเมื่อเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเฉียวชูเฉี่ยน แต่เมื่อเธอคิดถึงชีวิตที่มีความสุขของพวกเขาสี่ชั่วอายุคนในอนาคตเธอก็ทำใจสู้ การโกหกครั้งนี้เธอมีเจตนาดี ถ้ายายหนูรู้ความจริงทีหลังก็คงตำหนิเธอไม่ลง