“MR จะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไปเมื่อมีเฉินเป่ยชวน”
ลู่ฉีกล่าวประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ ไม่ต้องพูดถึงการฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการเข้ามาของเฉินเป่ยชวนจะทำให้ MR ก้าวเข้าสู่เส้นทางเส้นทางที่แตกออกไปอย่างสิ้นเชิง
เฉียวชูเฉี่ยนเม้มริมฝีปากทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยถึงเฉินเป่ยชวน “ฉี ฉันออกมานานมากไม่ได้ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วฉันคงต้องกลับเข้าไปก่อน”
ถ้าหากเฉินเป่ยชวนรู้ว่าเธอโดดงาน เขาอาจหาเรื่องทำให้เธอลำบากใจอีกก็ได้
“อื้ม กลับไปเถอะ ผมแค่มาดูคุณเท่านั้น”
ลู่ฉีพูดจบแล้วจึงยิ้มให้ ก่อนจะโบกมือลาอย่างไม่เต็มใจแล้วขึ้นรถ SUV สีน้ำเงินที่จอดอยู่ข้างๆ กลับไป
เฉินเป่ยชวน “เฝ้าดู” รถที่ขับออกไปจนลับตา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ชั้นล่างไม่ได้กลับขึ้นมาทันที แต่ยังยืนมองลู่ฉีที่จากไปไกลแล้วราวกับยังอาลัยอาวรณ์ ก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากอีกครั้ง เฉียวชูเฉี่ยน… ไม่เจอกันเจ็ดปี คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังเรียนรู้ที่จะเล่นบทคนรักอย่างนี้อยู่
ดี!
เนื่องจากมีการพูดถึงข่าวที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาเลิกงานที่ชั้นล่างจึงถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าว แลดูคล้ายเสือดาวที่กำลังรอตะครุบเหยื่อด้วยดวงตาที่เป็นประกายวาววับ
เฉียวชูเฉี่ยนยืนยื่นหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างแล้วรีบถอนสายตาออกมาอย่างรวดเร็ว “ลินดา ขอบคุณที่เตือนฉันนะคะว่ามีนักข่าวอยู่ข้างล่าง”
หากไม่ใช่เพราะลินดาเตือนไว้ เธอคงจะลงไปเจอพวกเขาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่และไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับพวกนักข่าวที่ไม่เคยให้โอกาสคนอื่นได้พูดเลยยังไง
“ขอบคุณทำไม เราเป็นเพื่อนร่วมงานนี่”
ลินดาโบกมือเป็นสัญญาณว่า ‘ฉันขอตัวกลับก่อนนะ’ เธอจึงพยักหน้าให้ยิ้มๆ ในเวลานี้เธอทำได้แค่รอสักพักแล้วค่อยพูด นักข่าวพวกนั้นอาจไม่ได้สนใจอะไรมากนัก หากรออีกสักพักแล้วเธอไม่ยังไม่ลงไป พวกเขาไปก็คงจะกลับไปกันเอง
เมื่อหันไปมองห้องทำงานที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นว่าบานเกล็ดปิดอยู่ จึงมองไม่เห็นข้างใน เฉินเป่ยชวนเป็นคนที่มักจะเลิกงานตรงเวลาเสมอ ตอนนี้เขาคงจะกลับไปแล้ว
“ไม่ใช่ละ รถมายบัคของเขายังอยู่”
เมื่อนึกถึงรถคันเก่งที่เพิ่งเหลือบไปเห็นโดยบังเอิญ แววตาของเฉียวชูเฉี่ยนก็เบนกลับไปมองบานเกล็ดที่ปิดสนิทอีกครั้ง เขายังไม่ไปหรอกหรือ?
เป็นไปไม่ได้ที่เฉินเป่ยชวนผู้สง่างามแห่งซั่นเป่ยจะกลัวการเผชิญหน้ากับสื่อมวลชน
ถ้างั้นทำไมเขาถึงยังไม่ไปล่ะ?
เป็นไปได้หรือว่าจะเป็นเพราะเธอ?
เฉียวชูเฉี่ยนหยิกแก้มของตัวเองอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย อายุก็ตั้งเท่านี้แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังมีความคิดเลอะเทอะแบบนี้อยู่ มิหนำซ้ำคนคนนั้นยังเป็นเฉินเป่ยชวนอีกด้วย
ครั้งหนึ่งเธอเคยหลงใหลคนคนนี้มาก่อน แต่สิ่งที่ได้รับคือความขมขื่น…
ก้มมองนาฬิกาข้อมือเพราะยังต้องไปรับเจ้าตัวน้อยที่โรงเรียน เธอไม่มีทางทิ้งเขาไว้ที่นั่นตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอม จึงขมวดคิ้วมองนักข่าวที่ยังคงรออยู่ข้างล่างไม่ไปไหน ทันใดนั้นหัวคิ้วก็ขดเข้าหากันราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
เธอจัดการดูเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วล้วงมือถือออกมา ต่อสายไปหาลู่ฉี
“ฉี รบกวนคุณช่วยไปรับจิ่งเหยียนแทนฉันหน่อยได้ไหม ที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้เลยยังออกไปไม่ได้”
ถ้าหากบอกลู่ฉีไปว่าที่ชั้นล่างมีนักข่าวดักอยู่ที่ประตูจนออกไปไม่ได้ เขาจะต้องมารับเธอก่อนแน่ๆ ถึงตอนนั้นคงทำให้เกิดข่าวใหม่ตามมาอีก… ไหนๆ ก็ตัดสินใจดีแล้วว่าจะหลบอยู่เงียบๆ ก็ควรจะหลบอยู่อย่างนี้ให้ถึงที่สุดไปเลยดีกว่า
“วางใจได้ ผมจะไปรับจิ่งเหยียนแล้วพาเขาไปกินข้าวเย็น กินข้าวเสร็จผมจะพาไปส่งที่บ้าน รับประกันว่าปลอดภัยหายห่วง”
น้ำเสียงของลู่ฉีที่ปลายสายนั้นอ่อนโยนชวนให้ลุ่มหลง ได้ยินแล้วก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาที่เธอไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเขาได้ ทว่าเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือเธอกลับเรียกหาเขา ทำให้อดชังตัวเองไม่ได้ แต่เพื่อนที่เธอมีในประจีนนอกจากเหยียนสือเซี่ยก็มีแค่ลู่ฉี งานที่สำนักงานทนายความของเหยียนสือเซี่ยยุ่งมาก กว่าจะเลิกงานก็ดึกแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือก
“ขอบคุณนะ ฉี”
หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว เธอก็กำชับอีกสองสามคำว่าอย่าให้เจ้าตัวน้อยกินไอศกรีมมากเกินไปและอื่นๆ อีกนิดหน่อย ก่อนจะวางสายและกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง นอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะและรอต่อไป คอยดูว่าท้ายที่สุดนักข่าวกลุ่มนี้จะหน่วงเธอไว้ได้หรือเธอจะเป็นฝ่ายทำให้นักข่าวเหล่านั้นเสียเวลาเปล่า
ในห้องทำงานข้างๆ เฉินเป่ยชวนกำลังสูบซิการ์อยู่เงียบๆ พลางมองไปที่นาฬิกาบนผนังด้วยแววตาที่ยุ่งยาก
ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะประวิงเวลาไปจนถึงเมื่อไหร่?
เดิมทีเขาคิดว่าเธอตบเว่ยชูหรงเพราะมีอารมณ์ร้อนขึ้นในช่วงเจ็ดปีที่อยู่ที่อเมริกา ไม่คิดเลยว่าจะยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน
เฉินเป่ยชวนดับซิการ์ในมือที่สูบไปเพียงไม่กี่ครั้งแล้วโยนทิ้งไป ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน
นักข่าวที่ชั้นล่างรออยู่จนกระทั่งฟ้ามืดก็ยังไม่เห็นใครออกมา ยุงที่ซั่นเป่ยขึ้นชื่อเรื่องความดุ ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ขาก็มีตุ่มใหญ่จำนวนมาก แล้วความสำเร็จของการกระทำของสัตว์ตัวน้อยก็เริ่มแสดงผลที่เอื้อเฟื้อ
“เราดักรอกันมาตั้งนานแต่ยังไม่เห็นเงาใครสักคน ไม่ใช่ว่าเฉียวชูเฉี่ยนคนนั้นไม่ได้มาทำงานหรอกนะ”
นักข่าวสาวคนหนึ่งทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงบ่นขณะที่ถือกล่องอยู่ ขณะที่กำลังคิดว่าจะทิ้งงานไปซะ แล้วไปหาที่นั่งกินซุปเลือดเป็ดเพื่อชดเชยเลือดที่เสียไป ก็เหลือบไปเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน
“นั่นประธานเฉิน”
มีใครบางคนร้องเรียกออกมาอย่างตกใจ วันนี้พวกเขาตั้งใจมาดักรอเฉียวชูเฉี่ยน แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้พบคนที่เกิดความคาดหมาย ปกติเฉินเป่ยชวนจะหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์ได้ทุกครั้งด้วยเหตุผลนานาประการ แต่เรื่องคราวนี้มีความเกี่ยวข้องกับแม่เลี้ยงของเขา ยังไงเขาก็ควรจะพูดอะไรบ้าง
เฉินเป่ยชวนก้าวขายาวๆ ของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว แสงแฟลชที่วูบวาบอยู่ตรงหน้าทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ปิดแฟลชให้หมด”
“……”
ผู้สื่อข่าวต่างพากันโอดครวญอยู่ในใจ ภาพที่ถ่ายโดยไม่ใช้แฟลชขณะที่ท้องฟ้ามืดขนาดนี้แทบจะเป็นสีดำทั้งแผ่น แล้วแบบนี้จะเอากลับไปเขียนข่าวได้อย่างไร
แต่เมื่อถูกจ้องด้วยสายตาที่เฉยชา พวกเขาต่างก็ปิดแฟลชอย่างว่าง่าย
เฉินเป่ยชวน… ไม่มีใครในซั่นเป่ยกล้ายุ่งกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังนับว่าเป็นผู้ที่กว้างขวางมากอีกด้วย
“ท่านประธานเฉิน พวกเราปิดแฟลชกันหมดแล้ว แต่ขอถามคุณสักสองสามคำถามได้ไหม”
นักข่าวผู้มากประสบการณ์รีบเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจทันที ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เขากันไม่ให้ถ่ายภาพแล้วจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ผมให้เวลาพวกคุณได้แค่สามนาที”
เขาสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สีหน้าฉายแววของความเบื่อหน่าย ถ้าไม่ใช่เพราะต้องไล่นักข่าวที่น่ารำคาญพวกนี้แทนผู้หญิงคนนั้น เขาก็คงไม่ต้องมาเสียเวลาอยู่แบบนี้
สีหน้าของพวกเขาดูดีอกดีใจเมื่อได้ยินที่เขาพูด แค่สามนาทีก็มาพอแล้ว จึงต่างพากันยื่นไมโครโฟนของตัวเองออกมา
“ประธานเฉิน ว่ากันว่าตอนนี้คุณเฉียวทำงานเป็นเลขาที่ MR ขอถามหน่อยครับว่าคุณหญิงเฉินกับคุณเฉียวมีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน ในฐานะสมาชิกในครอบครัว คุณจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
“ประธานเฉิน คุณกับคุณหญิงเฉินไม่ถูกกัน เลขาเฉียวทำร้ายร่างกายแบบนี้ คุณจะเข้าข้างเธอไหม”
“ประธานเฉิน ระหว่างคุณกับเลขาเฉียวมีความสัมพันธ์อะไรกันมากกว่านี้หรือเปล่า”
“……”
ในเวลาเพียงแค่สามนาที พวกเขาแต่ละคนต่างปรับความเร็วในการพูดให้เร็วขึ้น เสียงที่ดังขึ้นมารอบๆ ตัวทำให้เฉินเป่ยชวนเริ่มชักสีหน้า เขาพลาดไปจริงๆ ถึงจะให้เวลาคนปากมากเหล่านี้ถึงสามนาที
“ประธานเฉิน ช่วยตอบหน่อยค่ะ”
“ไม่มีความเห็น!”
เขาพูดเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาเช่นที่เคยเป็น ทุกคนอ้าปากค้างอย่างตะลึง นี่มันปั่นหัวพวกเขาชัดๆ ให้พวกเขาถามแต่กลับตอบมาด้วยประโยคสั้นๆ ที่พวกเขาเกลียดที่สุด… ไม่มีความเห็น