หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 824 ฟัน!

หลังจากที่ผู้ฝึกตนรอบๆ และคนที่เพิ่งมาถึงได้เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ต่างตื่นตกใจกันหมด เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมานั้น การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองช่างแสนดุเดือด การวางกลอุบายใส่กันนั้นดูง่าย แต่ในศึกจริงๆ ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วเสี้ยววินาที ผิดพลั้งไปครั้งเดียวอาจส่งผลถึงตายได้!

ขณะเดียวกัน เหล่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นต่างก็ลังเลใจเมื่อได้ยินคำสั่งจากผู้บัญชาการของตน แม้แต่ตระกูลไม่รู้สิ้นที่มีระบบลำดับชั้นที่เข้มงวดก็ยังต้องสั่นคลอนเมื่อเผชิญกับศึกชี้ความเป็นความตายในเสี้ยววินาทีศึกนี้

แต่ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับก็ฝังรากลึกลงไปในหัวของกลุ่มผู้ฝึกตนชั้นผู้น้อยของตระกูลไม่รู้สิ้นบางคน ทำให้พวกเขาร้องคำรามและพุ่งตัวออกไป ขณะเดียวกันนั้นเอง ดวงตาปีศาจด้านหลังหวังเป่าเล่อก็หันมาในทันที พริบตาที่มันลืมตาขึ้น เปลวไฟสีดำก็กระจายไปรอบด้าน พุ่งผ่านเหล่าผู้ฝึกตนที่กำลังพุ่งเข้ามา ส่งผลให้พวกเขาต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะร่างกายโดนเผาเป็นจุณ

เมื่อคนเหล่านี้สิ้นลม ไอสีดำจำนวนมากก็ฟุ้งกระจายออกมา ก่อนที่ดวงตาปีศาจด้านหลังหวังเป่าเล่อจะดูดซับเอาไปทั้งหมด ภาพที่เห็นทำให้เหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นคนอื่นที่คิดจะพุ่งเข้ามาเช่นกันสูดหายใจลึก นึกลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่

เมื่อได้โอกาส ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงวาบขณะทนแบกรับความเจ็บปวดและปลดปล่อยพลังเกราะจักรพรรดิอีกครั้ง แม้จะเสี่ยงใช้งานหนักจนเกินขีดจำกัดก็ตาม อาวุธเทพที่ฝังอยู่ในแขนขวาของเกราะจักรพรรดิก่อตัวขึ้น ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไป พลังรัศมีแผ่กระจายง พร้อมจะฟาดฟันทุกอย่างให้ขาดครึ่ง ทันใดที่ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปใกล้ ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นที่กำลังถอยหนีอย่างรีบร้อนก็สร้างผนึกมือฝ่าและชี้ออกไป วัตถุเวทพลันลอยออกมาจากร่าง ก่อนจะระเบิด ส่งให้ร่างหวังเป่าเล่อกระเด็นถอยหลังไป

“บ้าจริง ทำไมเวลาผ่านไปช้าขนาดนี้นะ!” พลังรัศมีของผู้อาวุโสยุ่งเหยิงไปหมด หลังจากผลักหวังเป่าเล่อที่กำลังพุ่งเข้ามาให้กระเด็นออกไปได้ เขาก็ก่นด่าต่อฟากฟ้าเบื้องบน

“ตระกูลไม่รู้สิ้นฟังข้า จงเข้ามาช่วยข้าให้เร็วที่สุด ใครขัดคำสั่งข้าจะต้องได้รับโทษประหาร!” เมื่อพูดเช่นนั้นออกไป สีหน้าของเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่รอบๆ ก็พลันแปรเปลี่ยน หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นคนเหล่านั้นหายลังเลใจ แม้การโจมตีกลุ่มผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นจะช่วยเพิ่มพูนพลังของวิชาดวงเนตรปีศาจผ่านการสังหารได้ แต่หากพลาดพลั้งขึ้นมา ก็มีโอกาสสูงที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นจะหลบหนีไปได้ และหากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ผู้อาวุโสย่อมต้องพลิกสถานการณ์ได้แน่นอน เขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด ดวงตาของชายหนุ่มฉายแสงวาบขณะยกมือซ้ายขึ้นโบก

ทันใดนั้น เรือบินรบมากมายก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เรือบินรบหลายหมื่นลำปรากฏออกมาราวกับเป็นเมฆดำ เข้าล้อมรอบเหล่าตระกูลไม่รู้สิ้นที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามา ทำให้คนเหล่านั้นผงะไปและรีบถอยกลับตามสัญชาตญาณ

ขณะที่พวกเขาล่าถอยไป ดวงจิตของหวังเป่าเล่อก็เคลื่อนไหว เรือบินรบที่อัดแน่นอยู่บนท้องฟ้าปลดปล่อยพลังระเบิดตัวเองออกมาพร้อมพุ่งตรงไปหาผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น หากเทียบกับพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะแล้ว แรงระเบิดก็เป็นแค่สายลมอ่อนๆ เท่านั้น แต่ถ้าแรงระเบิดขนาดใหญ่สามารถส่งผลต่อผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้เพียงนิดละก็ ลมอ่อนๆ ก็ย่อมก่อตัวเป็นพายุได้หากมีเรือบินรบจำนวนมากพอ

“กำจัด!” หวังเป่าเล่อร้องคำราม ทันใดนั้น เรือบินรบทุกลำก็ร่อนลงมา มองจากที่ไกลๆ จะเห็นเหมือนสรวงสวรรค์บิดเบี้ยวเพราะมีเรือบินรบอัดแน่นอยู่เต็มท้องฟ้า เสียงสะเทือนดังก้องไม่หยุด ฟากฟ้าสั่นคลอน ผืนดินพังทลาย พลังที่ทวีคูณแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พัดกระจายออกไปทั่ว!

ผู้อาวุโสสีหน้าซีดเผือดขณะหลบหนี แต่จำนวนเรือบินรบระเบิดทำลายตัวเองนั้นมีมากเกินไป อาการบาดเจ็บของเขาก็รุนแรงและยังไม่ดีขึ้น ทำให้พลังของชายชราค่อยๆ หดหาย ไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ ยิ่งหวังเป่าเล่อนั้นเป็นคนบ้าระห่ำมาก แม้เขาจะส่งกระเด็นถอยหลังไปกี่ครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ดีดตัวกลับมาไม่หยุดหย่อน

แววตาอำมหิต การกระทำบ้าระห่ำ และจิตสังหารรุนแรงของอีกฝ่ายทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นใจสั่น

ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่รอบๆ รู้สึกเกรงกลัวมากขึ้นไปอีก ขณะที่พวกเขากำลังล่าถอย ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นที่ต่อสู้กับหวังเป่าเล่ออยู่ก็พลันรู้สึกได้ถึงพลังที่เริ่มไม่มั่นคงของตน พลังปราณของชายชราดูเหมือนจะลดทอนลงไปอีกครั้ง

ดวงตาของผู้อาวุโสแดงก่ำ ตระหนักได้ว่าจะคิดหนีหรือหาทางซื้อเวลาอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป ผู้อาวุโสรู้ว่าต้องยอมเสี่ยงชีวิตและทุ่มทุกอย่างที่มี เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่อาจทำให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้

มิเช่นนั้น เขาจะต้องถูกชายหน้ากากหมูเฮงซวยที่มีกลอุบายมากมายฆ่าทิ้งก่อนจะสามารถหลบหนีและรอพลังปราณฟื้นคืนอย่างแน่นอน

มือทั้งห้าของชายชราสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ขณะร้องคำราม เขาปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาในคราวเดียว ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป พายุก่อตัวพัดกระจายไปรอบด้าน เสียงคำรามต่ำดังก้องขึ้น

“ร่างสารัตถะจิตวิญญาณอมตะ!”

พลังปราณพวยพุ่งออกจากร่างชายชราก่อตัวเป็นวังวนทันใดที่สิ้นคำ ชั่วพริบตาเดียว รูปปั้นขนาดยักษ์ก็ก่อตัวขึ้น รูปปั้นดังกล่าวมีลักษณะเหมือนผู้อาวุโสไม่ผิดเพี้ยน ทันใดที่มันปรากฏ พลังกดดันก็พัดกระจายออกไปรอบพื้นที่ ต้านแรงระเบิดของเรือบินรบหลายหมื่นลำ

ขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็ใช้จังหวะนี้พุ่งตรงไปยังอีกฝ่ายอีกครั้ง ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นกรีดร้องขึ้น

“มาดูกันว่าเจ้าหรือข้ากันแน่ที่ยอมเสี่ยงชีวิตทุ่มทุกอย่างที่มี!” ระหว่างที่พูดเช่นนั้น แขนข้างหนึ่งของผู้อาวุโสก็ระเบิดกลายเป็นทะเลหมอกสีดำลอยไปทางหวังเป่าเล่อ ผู้อาวุโสกัดฟันแน่นอีกครั้งและระเบิดแขนข้างต่อไป สร้างทะเลหมอกระลอกที่สองพุ่งไปทางชายหนุ่ม

“เลือกเอาว่าจะกรีดร้องคร่ำครวญหรือจะต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!” ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นตะโกนลั่น ทะเลหมอกแต่ละระลอกที่เกิดจากแรงระเบิดของแขนซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลลอยไปทางหวังเป่าเล่อ มีอยู่แค่สองทางตรงหน้า จะ…หนี หรือ…จะสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!

หวังเป่าเล่อหัวเราะ ดวงตาฉายแสงเย็นเยียบ ไม่นึกลังเลใจแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะลดความเร็วลง แต่กลับเร่งความเร็วพุ่งตรงไปหาหมอก ทันใดที่สัมผัสเข้ากับหมอก แววดุดันก็ฉายขึ้นในดวงตาเย็นชา

เกราะจักรพรรดิ…ทลายสิ้น นอกจากแขนขวาแล้ว ทุกส่วนของมันก็ระเบิดออกมาก่อเป็นคลื่นยักษ์โถมใส่ทุกทิศทาง ระหว่างที่กำลังต้านพลังหมอกระลอกแรก หวังเป่าเล่อก็พ่นลมสารัตถะออกมา ร่างของชายหนุ่มอ่อนแรงลง ทันใดนั้นร่างอวตารเจ็ดถึงแปดร่างก็พลันปรากฏขึ้น

“เจ้าอยากรู้หรือว่าใครยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงมากกว่ากัน จงระเบิด!”

ร่างอวตารแต่ละร่างเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนท่าสารัตถะ เมื่อพวกมันปรากฏตัวขึ้นก็ต่างพุ่งออกไปและระเบิดตัวเองทีละร่าง พลังของหวังเป่าเล่อพวยพุ่งขึ้นอีกครั้งระหว่างต้านพลังทะเลหมอก เขาพุ่งผ่านหมอกทั้งสองระลอก ในมือถืออาวุธทะยานไปฟันใส่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น

ความคลุ้มคลั่งในดวงตาของชายหนุ่มไม่ต่างจากเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ราวกับพร้อมเผาไหม้ดวงวิญญาณของผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นและผู้ฝึกตนโดยรอบให้เป็นจุณ

จิตสังหารในแววตาทำให้ชายหนุ่มเหมือนไม่สนใจแม้ชีวิตจะดับสิ้น ราวกับตั้งใจจะลากศัตรูไปตามพร้อมกับการตายของตน แววตาที่น่าพรั่นพรึงทำให้ใครที่ได้เห็นต่างต้องสั่นกลัวถึงขั้ววิญญาณ

สายตาดังกล่าวทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นสั่นกลัวหนักขึ้นไปอีก สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน กำลังจะยกมือข้างที่เหลือขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ ทันใดนั้นเอง เมล็ดดูดกลืนภายในกายของหวังเป่าเล่อก็ปะทุพลัง มุ่งเป้าไปที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น และเพิ่มพูนความเร็วให้หวังเป่าเล่อขึ้นไปอีก

ความเร็วที่เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นตื่นตกใจหนัก สั่นกลัวไปถึงขั้ววิญญาณ ระหว่างที่กำลังจะลงมือโต้ตอบ ดวงตาสีดำด้านหลังหวังเป่าเล่อก็ลืมตาตื่นพร้อมเสียงของชายหนุ่มที่ร้องคำรามขึ้น

ทันใดที่ดวงตาปีศาจเบิกเพลิง คลื่นพลังสะกดให้หยุดนิ่งก็พวยพุ่งออกมา!

วิชาดวงเนตรปีศาจตื่นพลังที่เหนือชั้นกว่าครั้งก่อนเมื่อสัมผัสได้ถึงความคลุ้มคลั่งและจิตสังหารของหวังเป่าเล่อ ราวกับว่าดวงตาสีดำได้ปลดปล่อยพลังเต็มขั้นเพราะกระหายในวิญญาณของผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ชายหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมขณะเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง เป็นเหตุให้ผู้อาวุโสขั้นจิตวิญญาณอมตะตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ

ยิ่งไปกว่านั้น เมล็ดดูดกลืนยังช่วยเพิ่มพูนความเร็วให้ชายหนุ่มขึ้นอย่างมาก วินาทีที่ผู้อาวุโสตัวแข็งทื่อไปถือเป็นโอกาสอันดี ชายหนุ่มเข้าใกล้อีกฝ่ายในชั่วพริบตา แววคลุ้มคลั่งปะทุเดือดขึ้นในดวงตา อาวุธเทพในมือฟาดฟันลงใส่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นทันที

อาวุธเทพที่ฟาดลงไปทำให้สีสันบนฟากฟ้าเลือนหาย เมฆหมอกหมุนวน เรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่และวิญญาณทุกดวง ราวกับว่าฟ้าดินได้ขาดสะบั้นเป็นสองส่วนกระนั้น อาวุธเทพฟันลงบนหัวผู้อาวุโสที่กำลังกรีดร้องดิ้นรน

ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นเองก็เก่งกาจไม่แพ้กัน ขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาก็ตัดแขนและหัวของตัวเองส่งไปเป็นระเบิดพลีชีพ เมื่อหลุดจากพลังสะกดได้ ผู้อาวุโสก็ยกสองมือที่เหลืออยู่ขึ้นต้านอาวุธเทพที่ฟาดฟันลงมา ร่างกายของชายชราสั่นเทิ้ม พลังปราณทั้งหมดพวยพุ่งออกมา แต่ด้วยอาการบาดเจ็บและต้องทนรับแรงกดดันจากพลังปราณของอีกฝ่าย เขาจึงไม่สามารถทานทนได้นาน เมื่อเห็นอาวุธเทพกำลังฟาดลงใส่หัวทีละนิดพร้อมด้วยเสียงร้องคำรามของหวังเป่าเล่อที่ดังประสานขึ้นมา ความสิ้นหวังและความกล้ำกลืนก็ฉายขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้น

“ข้า…หือ” ขณะที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นหัวเราะขึ้นด้วยความขมขื่น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ความสิ้นหวังในแววตาพลันเปลี่ยนเป็นความหวัง พลังปราณที่อ่อนกำลังลงฟื้นคืนมาในทันใด ดอกไม้สีเลือดบนหน้าผู้อาวุโสเริ่มเลือนรางราวกับว่าจะหายวับไป!

“แย่แล้ว!” สีหน้าของหวังเป่าเล่อพลันแปรเปลี่ยน ดวงตาฉายแววดุดัน เขาสั่งขาทั้งสองข้างให้ระเบิดทำลายตัวเองอย่างไม่ลังเลใจ ถึงจะเป็นการทำลายตัวเองของร่างสารัตถะแต่ก็ส่งผลต่อชายหนุ่มไม่น้อย หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนัก รีบใช้พลังที่เพิ่มขึ้นจากแรงระเบิดของขาทั้งสองข้างพร้อมร้องคำรามลั่นในทันที

“สังหาร!”

“ไม่!” ผู้อาวุโสกรีดร้องลั่น แต่อาวุธเทพก็ฟันลงมากลางหัวด้วยพลังที่เสริมขึ้นใหม่ มันผ่าผ่านลำคอลงมาถึงลำตัว แยกร่างออกเป็นสองท่อน!

พลังที่เหลืออยู่พัดกระจายออกไปพร้อมเสียงสนั่นหวั่นไหว ร่างที่ขาดครึ่งร่วงลงและระเบิด แม้แต่วิญญาณสารัตถะก็ไม่อาจหลบหนีได้ทันจึงโดนฟันขาดเป็นสองส่วนด้วยเช่นกัน!

ร่างและวิญญาณของผู้อาวุโสแหลกสลายไปโดยสมบูรณ์!

……………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset