“ฮ่าฮ่า……”
พอเห็นท่าทางที่เขินอายของฉินซีแบบนี้ หยางเฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
พอเห็นท่าทางที่ดีใจของหยางเฉิน จู่ๆ ดวงตาของฉินซีก็เกิดแดงขึ้นมา ด้วยความรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
“ความจริง สิ่งที่เขาขอมานั้นไม่ได้มากมายอะไรเลย แค่จูบครั้งเดียว ก็ทำให้เขาดีใจจนเหมือนเด็กไปเลย คนเป็นภรรยาอย่างฉันนี่แหละที่มันไม่เอาไหน!”
“ฉันควรทำดีกับเขาให้มากกว่านี้หน่อย และควรเชื่อใจเขาไว้ใจเขา เขายอมทำอะไรให้เรามากมายขนาดนี้ ฉันไม่ควรกีดกันเขาเพราะเรื่องในอดีตเลย”
ฉินซีแอบพูดกับตัวเองอยู่ในใจ
ระหว่างที่กำลังใหใช้ความคิด ฉินซีก็รีบกะพริบตา บังคับน้ำตาตรงเบ้าที่กำลังจะไหลออกมาให้กลับเข้าไป
ฉินซีเหลือบมองหยางเฉินแวบหนึ่ง
พอเห็นท่าทางที่รู้สึกผิดของฉินซี หยางเฉินก็จงใจยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ขยับหัวเข้าไปใกล้ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รัก คุณยังรู้สึกติดหนี้บุญคุณของผมอยู่ใช่มั้ย? เอาอย่างนี้มั้ย จูบผมอีกสักที เพื่อเป็นการชดใช้ดีมั้ยครับ?”
“คุณคะ!”
จู่ๆ ฉินซีก็เรียกออกมากด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“หือ?”
หยางเฉินรู้สึกอึ้งนิดหน่อย ดูจะท่าทางของฉินซีแล้ว เธอคงไม่ได้กำลังจะจูบเขาอีกครั้งหรอกนะ?
“คุณช่วยเข้ามาใกล้อีกหน่อยสิคะ!”
หยางเฉินขยับหัวเข้าไปทางฉินซี
“เข้ามาอีกค่ะ!” ฉินซีพูดอีก
หยางเฉินตัดสินใจ ขยับเข้าใกล้ฉินซียิ่งกว่าเดิม ใบหน้าทั้งสองแทบจะแนบชิดกันแล้ว จนสามารถสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ส่วนหยางเฉินนั้น ตอนนี้ในใจกำลังกระวนกระวายมาก หัวใจกำลังเต้นดังตุบตับ
นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เขารู้สึกตื่นเต้นแบบนี้
ในตอนนั้นเอง ทันใดนั้นฉินซีก็หลับตาลง
“นี่เธอกำลังจะให้ฉันจูบเธออย่างนั้นเหรอ?”
“ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!”
“ความสุขมันมาได้กะทันหันจริงๆ!”
หยางเฉินกำลังตะโกนอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง ตื่นเต้นจนเริ่มทำตัวไม่ถูก
ในที่สุด หยางเฉินก็ได้หลับตาลง แล้วจูบเข้าไป
ในตอนที่หยางเฉินเพิ่งหลับตาลงไปนั้นเอง จู่ๆ ฉินซีก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับสายตาที่เจ้าเล่ห์
“โอ๊ย!”
จู่ๆ ก็มีความเจบปวดเกิดขึ้นที่ริมฝีปากของหยางเฉิน เขาลืมตาขึ้น ก็ได้เห็นฉินซีที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“นี่คุณกัดผมเหรอ!”
หยางเฉินเพิ่งได้รู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกแล้ว จึงได้พูดพร้อมกัดฟันไปด้วย
“ใช่เหรอคะ?”
ฉินซีนั้นตาโตมาก เป็นประกายปริบๆ
จู่ๆ หยางเฉินก็หมดอารมณ์ พูดด้วยท่าทางที่โมโหว่า “คุณรอไว้เลยนะ สักวันหนึ่ง ผมต้องกัดคุณคืนแน่นอน!”
“พรึบ!”
พอเห็นท่าทางที่หยางแสดงออกมา ฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา
พอเธอขำออกมาอย่างนั้น สวยสง่าเหลือเกิน!
หยางเฉินถึงกับช็อกไปทันที
“โอ่ๆ! ไม่งอนนะคะ ที่นี่มันโรงพยาบาล มันไม่สะดวก รอพ่อออกจากโรงพยาบาลก่อน แล้วฉันจะชดเชยให้คุณอย่างดีเลยค่ะ!”
ฉินซีพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
ครั้งนี้ ในที่สุดเธอก็ได้รู้แล้วว่า ในใจของเธอนั้น ได้มีหยางเฉินอยู่ในนั้นนานแล้ว
เธอได้ตัดสินใจแล้วจริงๆ ว่าจะยอมยกตัวเองให้หยางเฉินอย่างสมบูรณ์แล้ว
ส่วนหยางเฉินที่เพิ่งได้ฟังคำพูดของฉินซีนั้น การหายใจก็เริ่มเร่งรีบขึ้นมา สีหน้านั้นตื่นเต้นอย่างมาก
“พ่อตาที่แสนดีของผม พ่อรีบๆ ฟื้นขึ้นมาสักที่ได้มั้ยครับ?”
หยางเฉินจับมือของฉินต้าหย่ง แล้วพูดด้วยความตื่นเต้น
ฉินซีเหลือบมองเขา แต่หยางเฉินนั้นเหมือนเห็นสาวงามกำลังแกล้งงอนเลย
จู่ๆ ก็โอบเอวเธอเข้ามา แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากแดงๆ อย่างลึกซึ้ง
ฉินซีอยากที่จะขัดขืนไปตามสัณชาตญาณ แต่มือของชายหนุ่มที่โอบเอวไว้ก็แข็งแรงอย่างกับโซ่เหล็ก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยเหลือเกิน เธอหลับตาลง แล้วตอบรับริมฝีปากของหยางเฉินกลับไป ทั้งสองที่ไม่อยากพรากจากกันรอจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้วถึงยอมแยกออกจากกัน
หยางเฉินนั่งอยู่ที่ข้างเตียงคนไข้ กุมมือของฉินต้าหย่งแน่น แล้วถึงมือของฉินซีเข้ามา
“พ่อครับ พ่อรีบตื่นขึ้นมานะครับ”
ฉินซีที่อยู่ข้างๆ ยิ้มออกมาได้สวยราวกับดอกไม้
ในคืนวันนั้น หยางเฉินกับฉินซีก็อยู่เฝ้าฉินต้าหย่งด้วยกันทั้งคู่
สองสามีภรรยานอนอยู่บนที่นอน โดยที่ไม่พูดอะไรกันเลย แต่ระหว่างทั้งคู่นั้นได้มีความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่อาจอธิบายได้ห้อมล้อมอยู่
ฉินซียื่นมือมาจับมือของหยางเฉิน แล้วหมอไปที่แก้มของเขาเบาๆ “คุณคะ ขอบคุณนะคะ”
หยางดฉินเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการสื่อ ไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่กอดเธอไว้แน่นๆ
เช้าวันต่อมา ตอนเก้าโมงเช้า หยางเฉินก็ลุกขึ้นมา เตรียมจะไปรับอ้ายหลินที่สนามบิน
ตอนแรก เขาแค่อยากให้อ้ายหลินรีบรักษาฉินต้าหย่งให้หายเท่านั้น เพื่อไม่อยากให้สองพี่น้องฉินซีกับฉินยีต้องเจ็บปวดจากเรื่องของฉินต้าหย่ง แต่ว่าตอนนี้ เขาอยากให้ฉินต้าหย่งหายดีจนออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ชีวิตที่มีความสุขของเขา ก็กำลังจะเริ่มต้อนขึ้นแล้วเหมือนกัน
ระหว่างที่กำลังคิด ใบหน้าของหยางเฉินก็ถูกย้อมไปด้วยรอยยิ้ม จนอยากจะติดปีกให้ตัวเองแล้วบินไปที่สนามบินให้ไว แบบนี้ฉินต้าหย่งก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ
เมืองเอก โรงพยาบาลประชาชน
ภายในห้องคนไข้ห้องหนึ่ง สองมือของเมิ่งฮุยนั้นได้ถูกพันไปเรียบร้อยแล้ว หน้าซีดอย่างถึงที่สุด
“คุณหมอหวางครับ ตกลงมือของลูกชายผม เป็นยังไงบ้างครับ?”
พอเห็นหัวหน้าแพทย์มาถึง เมิ่งเทียนเรียวก็รีบถามไปทันที
คุณหมอหวางเอาแต่ส่ายหน้า แล้วพูดออกมาด้วยความจนใจว่า “มือของลูกชายคุณ แม้แต่กระดูกยังแหลกละเอียดเลยครับ จึงไม่มีทางที่จะหายเป็นปกติแล้วครับ!”
“เป็นไปได้ยังไง?”
เมิ่งเทียนเรียวโมโหขึ้นมาทันที “ลูกชายของผมเป็นถึงอัจฉริยะของตระกูลเมิ่ง แล้วจะให้เขาเสียมือทั้งสองข้างไปได้ยังไง? คุณหมอ คุณต้องมีทางรักษาอยู่แล้ว ใช่มั้ย?”
ถึงแม้เมิ่งฮุยจะถูกขับออกจากตระกูลเมิ่งแล้ว แต่เมิ่งเทียนเรียวก็มีเมิ่งฮุยที่เป็นลูกชายคนเดียว เขาก็ต้องอยากที่จะรักษามือของเมิ่งฮุยเอาไว้อยู่แล้ว
สำหรับชีวิตของคนหนึ่งคนนั้น การต้องเสียมือทั้งสองข้างไป มันถือเป็นสิ่งที่สะเทือนใจมาก
ถ้าเมิ่งฮุยต้องสูญเสียมือทั้งสองข้างไปจริงๆ เกรงว่าหลังจากนี้ เมิ่งฮุยคงไม่หลงเหลือกำลังใจในการมีชีวิตต่อไปแล้วแน่นอน
สำหรับลูกชายของตัวเองแล้ว เมิ่งเทียนเรียวนั้นรู้จักเขาดียิ่งกว่าใคร
และเพราะเหตุนี้ เขาถึงได้ทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะรักษามือของเมิ่งฮุยให้ได้
จู่ๆ คุณหมอหวังก็ได้พูดออกมาว่า “ถ้าคุณสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญอ้ายหลินมาได้ บางทีมือของลูกชายคุณ ก็อาจมีหวังก็ได้!”
“ผู้เชี่ยวชาญอ้ายหลินสินะ?”
เมิ่งเทียนเรียวรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เขาจับแขนทั้งสองข้างของคุณหมอหวางด้วยความตื่นเต้น แล้วถามไปว่า “รีบบอกผมเร็ว ว่าตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญอ้ายหลินอยู่ที่ไหน? ผมจะไปเชิญเธอให้มาช่วยรักษาให้ลูกชายของผมเดียวนี้เลย!”
สีหน้าของคุณหมอหวางดูลังเลเล็กน้อย ไม่ได้บอกกับเมิ่งเทียนเรียวในทันที
เมื่อคืนเขาได้คุยโทรศัพท์กับคุณครูของตัวเองถึงได้รู้เรื่องนี้เข้า
อีกอย่างเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของอ้ายหลิน เขาก็ว่าถ้าเขาเปิดเผยที่อยู่ของอ้ายหลินออกไปแล้ว มันอาจนำพาปัญหาบางอย่างที่ไม่จำเป็นได้เข้าหาตัวเองได้ เขาถึงได้ลังเลที่จะพูดไป
“นี่เงินห้าล้าน!” เมิ่งเทียนเรียวรีบหยิบเช็คเงินสดออกมาหนึ่งใบ แล้วยัดใส่มือของคุณหมอหวาง
คุณหมอหวางรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที แล้วรีบพูดไปว่า “ผู้เชี่ยวชาญอ้ายหลิน กำลังจะไปเมืองเจียงโจว สิบโมงขอวันนี้จะไปถึงที่สนามบินนานาชาติเจียงโจวครับ!”
“ฮ่าฮ่า เยี่ยม!”
เมิ่งเทียนเรียวหัวเราะออกมาเสียงดัง มองไปที่เมิ่งฮุยแล้วพูดออกมาว่า “แกไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันต้องเชิญตัวผู้เชี่ยวชาญอ้ายหลิงมาให้ได้ มือของแก ต้องถูกรักษาแน่นอน!”
เมิ่งฮุยเองก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ตอนแรกเขาก็เริ่มที่จะดูถูกดูแคลนตัวเองแล้ว แต่เมื่อได้ยินเรื่องหมออ้ายหลินคนนี้ ที่สามารถรักษามือของตัวเองให้หายได้ เขาจึงเริ่มมีกำลังใจกับอนาคตของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
“พ่อครับ ขอบคุณครับ!”
เมิ่งฮุยพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ถ้าเมื่อของผมหายดีเมื่อไหร่ ผมจะต้องเริ่มต้นใหม่ ทำให้พ่อได้เห็นในจุดที่ผมยอดเยี่ยมที่สุด!”
“ดี! ดี! ดี!”
เมิ่งเทียนเรียวพูดคำว่า “ดี” ออกมาสามคำติด แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “นี่สิถึงสมเป็นลูกชายของเมิ่งเทียนเรียวคนนี้! แกรอก่อนนะ พ่อจะไปที่เมืองเจียงโจวเดี๋ยวนี้เลย แล้วพาผู้เชี่ยวชาญอ้ายหลินกลับมารักษาให้แก!”