เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินเสียงขู่นี้ ทำไมจะไม่รู้ว่าเธอตั้งใจจะเอาเรื่องกลับไปฟ้องอีก
“ลู่ซือหยี่ทำไมยังทำตัวราวกับเป็นเด็ก ๆ สู้ไม่ชนะก็กลับบ้านไปฟ้องผู้ปกครอง เคยรู้สึกละอายใจบ้างไหม?”
เธอพูดแดกดันกลับไป ทำให้สีหน้าของลู่ซือหยี่ดูน่าเกลียดยิ่งนัก
แต่แค่นี้ยังไม่จบ
“อีกอย่าง มีอีกเรื่องหนึ่งที่น้องซือหยี่อาจจะเข้าใจผิด ที่นี่เป็นบ้านตระกูลเฟิง ฉันคือลูกสะใภ้ตระกูลเฟิง ส่วนเธอเป็นแค่เพียงแขกผู้มาอาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าต้องการหาใครสักคนเพื่อระบายอารมณ์ เกรงว่าจะหาผิดคนแล้ว หรือที่ผ่านมาตั้งหลายครั้ง น้องซือหยี่ยังได้รับบทเรียนไม่พอ?”
เมื่อกู้ฉางฉิงพูดจบ ก็มองไปที่ลู่ซือหยี่ที่กำลังโกรธจนตัวสั่น เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ จากนั้นก็จากไป
ลู่ซือหยี่ไม่พลาดที่จะเห็นประกายดูถูกจากแววตาของเธอ จึงกัดฟันจ้องมองเธอที่กำลังเดินจากไป
“กู้ฉางซิน เธอคอยดูนะ ฉันไม่มีวันให้เธออยู่อย่างเป็นสุขแน่!”
หลังจากที่กู้ฉางฉิงออกไป เธอก็ไม่รู้ว่าความเกลียดชังที่ลู่ซือหยี่มีต่อเธอนั้นพุ่งสูงไปถึงระดับไหนแล้ว
เมื่อเธอเข้าไปที่บริษัทก็เข้าสู่โหมดทำงานทันที
ในช่วงบ่าย ผู้ช่วยของลู่ซือหยี่ก็ประกาศว่ามีประชุมด่วน ให้ทุกคนวางงานในมือไว้ก่อน และไปที่ห้องประชุม
ทันทีที่กู้ฉางฉิงเข้าไปในห้องประชุม เธอก็สังเกตเห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมามอง
เธอมองกลับไป ก็พบกับสายตาดุเดือดของลู่ซือหยี่ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจนัก
ผู้หญิงคนนี้จู่ ๆ ก็เรียกประชุมกระทันหัน คงไม่ได้คิดหาเรื่องอะไรมากลั่นแกล้งเธออีกนะ?”
เธอนั่งลงในขณะที่กำลังคาดเดาไปด้วย
ลู่ซือหยี่สังเกตเห็นความกังวลในแววตาของเธอ ริมฝีปากแดงของเธอก็ยกขึ้นยิ้มเยาะ
หลังจากนั้นเธอก็ถอนสายตากลับมา เมื่อเห็นว่าคนมากันครบแล้ว เธอปรบมือแล้วยืนขึ้น
“วันนี้ที่เชิญทุกคนมาประชุมด่วนก็เพราะมีเรื่องอยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่า เสื้อผ้าสำเร็จรูปล๊อตแรกนี้จำเป็นต้องส่งล่วงหน้า”
เธอพูดระยะเวลาออกมา ทำให้ทุกคนประหลาดใจและกังวลใจ
ไม่มีเหตุผลอื่น เพราะหลายคนยังหาผ้าที่เหมาะสมไม่ได้ นับประสาอะไรกับตัดเย็บชุดให้เสร็จ
“หัวหน้า นี่มันเร่งเกินไปไหม?”
“นั่นน่ะสิ ฉันยังหาผ้าไม่ได้เลย”
“ฉันก็ด้วย ฉันยังขาดผ้าอีกหลายชนิด ยึดเอาเวลาเดิมไม่ได้เหรอ?”
ทุกคนต่างเสนอความคิดเห็น ต่างก็หวังว่าเวลาจะไม่เปลี่ยน
แม้กู้ฉางฉิงจะไม่ได้ร่วมสนทนา แต่ในใจเธอก็หวังว่ากำหนดเวลายังคงเดิม
เสียดายที่ความจริงไม่เป็นไปดั่งหวัง
“ทุกคน ฉันรู้ถึงความลำบากของพวกคุณ แต่นี่ไม่ใช่ความคิดของฉัน เบื้องบนเป็นผู้สั่งลงมา”
ลู่ซือหยี่กล่าวอย่างหนักแน่น “และฉันก็เชื่อในศักยภาพของทุกคนว่าจะต้องสามารถเอาชนะความยากลำบากทันในเวลาที่กำหนดได้อย่างแน่นอน”
เมื่อทุกคนได้ยินว่านี่เป็นคำสั่งของเบื้องบน พวกเขาต่างก็มองหน้ากันและสงบลง
ลู่ซือหยี่มองดูอย่างพึงพอใจ แล้วก็พูดต่ออีกเล็กน้อยเกี่ยวกับการส่งงานเสื้อผ้า ก่อนที่จะปิดการประชุม
เมื่อเธอออกไปแล้ว คนอื่น ๆ ก็ทยอยกันออกไปด้วย
กู้ฉางฉิงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ยังขาดผ้าอีกหลายแบบ เมื่อออกจากห้องประชุมแล้ว ก็ตรงไปที่โรงงานย้อมผ้าของบ้านสกุลกู้
“คุณหนูใหญ่”
เมื่อผู้ดูแลได้ข่าวจากคนงาน ก็รีบออกจากสำนักงานของโรงงานมาต้อนรับทันที
“คุณผู้จัดการไม่ต้องสนใจฉันค่ะ ฉันเลือกผ้าไม่กี่แบบเสร็จแล้วก็จะกลับ”
กู้ฉางฉิงมองเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูต้องการผ้าแบบไหนโทรมาสั่งพวกเราก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาเลือกด้วยตัวเองเลยครับ”
ผู้จัดการโรงงานไม่ได้รับคำของกู้ฉางฉิงแต่กลับพูดจาประจบเอาใจ
ขณะที่เดินเข้าไปในโรงงานกู้ฉางฉิงก็หันไปตอบเขาว่า “ไม่เป็นไร ฉันเลือกเองสบายใจกว่า”
ขณะที่พูด ทั้งสองก็เข้ามาถึงในโรงงาน แม้ว่าไม่อยากให้กู้ฉางฉิงเห็นผ้าบนสายพานแต่เธอก็เห็นเข้าจนได้
“ตอนที่ฉันมาครั้งที่แล้วก็บอกไปแล้วว่าผ้าชนิดนี้เนื้อผ้าแย่ ไม่สามารถนำมาทำเสื้อผ้าได้ ทำไมพวกคุณยังทำการผลิตอยู่?”
เธอถามด้วยความโกรธ ผู้ดูแลยืนปาดเหงื่อด้วยความประหม่า
“นี่เป็น……คำสั่งของท่านประธานกู้ครับ”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นความคิดของกู้หงเซิน
ทั้งที่เธอเคยเตือนเขาแล้ว ถ้าหากว่าผ้ามีปัญหาเมื่อไหร่ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทก็จะสิ้นสุดลงเมื่อนั้น นี่เขาไม่คิดจะฟังเธอเลยสักนิด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรออก
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงงานย้อมผ้า เห็นผ้าด้อยคุณภาพที่ฉันคัดออกแล้วยังคงทำการผลิตอยู่”
เมื่อกู้หงเซินได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเขาก็หรี่ลง เดาได้ถึงจุดประสงค์ที่เธอโทรมา
“แล้วไง?”
“เพราะฉะนั้นคุณต้องการขายผ้าคุณภาพต่ำเหล่านี้ให้เฟิงจิ่งเหยาจริง ๆ ?”
กู้ฉางฉิงถูกน้ำเสียงที่รู้ทันนั้นทำให้โมโหจนขึ้นหน้า
“ทำไมจะทำไม่ได้? เมื่อซื้อวัตถุดิบมาแล้วไม่ขายออกไป รู้ไหมว่าบริษัทต้องสูญเสียเท่า?”
“หึ ฉันไม่สนหรอกว่าจะสูญเสียเท่าไหร่ และก็ไม่อยากรู้ด้วย โปรดเข้าใจไว้ด้วย เมื่อถึงเวลาอย่าหาฉันไม่เตือน เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ไว้ใจฉัน เพราะฉะนั้นถึงได้ตั้งคนอื่นให้เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพผ้าของคุณ คุณหลอกเขาด้วยผ้าด้อยคุณภาพแบบนี้ไม่ได้หรอก”
กู้ฉางฉิงโกรธมากกับพฤติกรรมโกงของเขา เมื่อเถียงจบ เธอก็วางสายไป
“คุณหนู……”
ผู้ดูแลมองดูเธอที่เต็มไปด้วยความโกรธและเรียกเธอเบา ๆ
กู้ฉางฉิงเก็บโทรศัพท์ แล้วหันไปมองเขาด้วยสายตาเย็นชาโดยไม่ได้พูดอะไรและกลับไปทันที
ระหว่างทางกลับ เธอก็ค่อย ๆ สงบลง
เมื่อพิจารณาจากท่าทีของกู้หงเซินเมื่อครู เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะขายผ้าพวกนั้นให้เฟิงจิ่งเหยา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เขาคงไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่
ตามที่คาดไว้ เธอได้รับข้อความที่มาจากกู้หงเซินภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากเธอกลับมาถึงบ้านตระกูลเฟิง
เธอเปิดดูข้อความ สิ่งที่ปรากฎเป็นรูปของคุณแม่เธอ ด้านล่างยังมีข้อความข่มขู่แนบท้ายมาด้วยว่า
เธออยากลองให้แม่ของเธอไม่สามารถได้เข้ารับการรักษาไหมล่ะ?
หลังจากที่อ่านข้อความนี้จบ กู้ฉางฉิงก็โกรธจนตัวสั่น เธอรีบกดโทรออกโดยไม่ต้องคิด
ไม่นานปลายสายก็รับ
“กู้หงเซิน คุณกล้าเหรอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันไม่มีวันปล่อยคุณแน่!”
เธอในเวลานี้ อยากที่จะออกไปสู้กับกู้หงเซินเสียจริง ๆ
เสียดายที่เธอทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะมีคุณแม่ตกอยู่ในมือของเขา
เธอกลับไม่รู้เลยว่า เสียงโมโหของเธอถูกสาวใช้ด้านนอกได้ยินเข้า และรีบวิ่งไปรายงานให้กับลู่ซือหยี่ที่บ้านใหญ่
“คุณหนูลู่คะ ดิฉันได้ยินคุณนายรองเหมือนกับจะทะเลาะกับพ่อของตัวเอง”
เธอเล่าเรื่องที่ได้ยินมา ลู่ซือหยี่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ
ใคร ๆ ก็รู้ว่ากู้หงเซินรักลูกสาวมาก ตามใจกู้ฉางซินทุกอย่าง
จู่ ๆ จะมาทะเลาะกันได้อย่างไร?
เธอคิด และถามออกไปว่า
“เธอได้ยินว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไรไหม?”
สาวใช้ลังเลส่ายหัวและพูดว่า “ได้ยินไม่ค่อยชัดค่ะ แต่ได้ยินคุณนายรองพูดอะไรเกี่ยวกับผ้า แล้วพูดประมาณว่าถ้าเธอเป็นอะไรไป จะไปสู้กับเขาแน่”
เมื่อเธอพูดจบก็มองไปที่ลู่ซือหยี่อย่างระมัดระวัง
ลู่ซือหยี่รู้สึกระแคะระคายใจเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะแง่มุมไหน เธอรู้สึกว่ากู้ฉางซินไม่น่าจะใช้ท่าทีแบบนี้พูดกับพ่อของเธอ
สาวใช้ผู้รู้ใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยว่า “คุณหนูคะ จะว่าไป ดิฉันรู้สึกว่าช่วงนี้กู้ฉางซินดูแปลกไปมาก”
สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 90 สู้กับเขา
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ