เธอลูบไล้กลีบดอกลิลลี่ที่สดใส พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ดอกลิลลี่ เป็นดอกไม้ที่สวยงามมีนัยแห่งความสง่างามแค่ไหน”
หลินซินเหยียนมองเธอ “ที่คุณมาก็เพื่อจะมาชื่นชมความงามของดอกลิลลี่เหรอคะ”
ไม่ใช่ว่าเธอรู้สึกไม่ดีกับกู้หุ้ยหยวน แต่เธอเป็นคนตระกูลกู้ ความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่อาจเป็นเพื่อนกันได้
กู้หุ้ยหยวนถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว โค้งคำนับไปทางหลินซินเหยียน “ฉันมาขอโทษทุกเรื่องที่ทำกับเธอเมื่อก่อนนี้”
การกระทำของเธอทำให้หลินซินเหยียนแปลกประหลาดใจอย่างยิ่ง ในใจยังระแวดระวังตัว ได้แต่เม้มปากไม่พูดอะไร
กู้หุ้ยหยวนรู้ว่าหลินซินเหยียนมีความแค้นเคืองตนเอง ไม่มีทางเชื่อเธอง่ายขนาดนั้น
เธอก็ไม่ได้มาเพื่อให้หลินซินเหยียนเชื่อเธอ
“ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณนายจงและประธานจงคงดีมากใช่มั้ยคะ” แม้ว่าจะใช้ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงที่ใช้พูดอธิบายออกมานั้น เธอนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง
“พูดกันตามความจริงแล้ว ฉันไม่ควรจะมาเยี่ยมคุณ ในเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเรา….” เธอเงยหน้ามองหลินซินเหยียน “ฉันรู้ พวกเขามีความผิด และควรได้รับผลกรรม ฉันไม่ควรมีใจคิดแก้แค้น แต่ พวกเขาเป็นญาติของฉัน คุณนายจงเข้าใจความรู้สึกของฉันใช่ไหม”
“ฉันคิดว่าคุณควรจะไปบอกกับญาติคุณที่ทำความผิดคนนั้น นี่คือสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องรับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่มีใครเพิกเฉยละเลยได้ คุณสงสารญาติของคุณ อย่างนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บเพราะญาติของคุณ เขาเองก็มีครอบครัว คนคนหนึ่ง ไม่รู้จักมองปัญหาจากมุมมองของอีกฝ่ายบ้าง คือคนที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ คือคนที่ยึดติด คุณบอกคุณเข้าใจ ความจริงแล้วคุณไม่เข้าใจ คุณคิดว่าฉันหรือสามีของฉันจะอยู่อย่างไม่มีความสุข จึงจะยุติธรรม ความจริงสิ่งที่เธอต้องทำก็คือ ไปบอกกับกู้เป่ยว่า โลกใบนี้มีความยุติธรรม ทำผิด พยายามแก้ไข กลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่จึงจะถูกต้อง ถ้าเขายังอยู่ดื้อรั้นอยู่ตลอด ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ใช่ไหม”
กู้หุ้ยหยวนเข้าใจทันที ถูกต้อง เธอยืนอยู่ในมุมของตนเองตลอด คิดเพียงว่าการทำให้จงจิ่งห้าวมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุข จึงจะเป็นการปลอบใจคุณพ่อที่ตายไปแล้วและน้องชายที่สูญเสียอิสรภาพได้
ตอนแรกเธอมีความในใจทีอัดอั้นเอาไว้เต็มอกที่ต้องการจะพูดออกมา ตอนนี้ พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
หลินซินเหยียนก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่จุดสูงส่งของศีลธรรม ที่จะไปกล่าวโทษใคร เพียงแค่อยากจะบอกเหตุผลที่ถูกต้องกับเธอ
ถ้ามีคนทำความผิดคนหนึ่ง ไม่ต้องการชดใช้อะไร อย่างนั้นโลกใบนี้จะไม่โกลาหลวุ่นวายหรอกหรือ
เธอลูบไล้กลีบดอกลิลลี่ที่สดใส พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ดอกลิลลี่ เป็นดอกไม้ที่สวยงามมีนัยแห่งความสง่างามแค่ไหน”
หลินซินเหยียนมองเธอ “ที่คุณมาก็เพื่อจะมาชื่นชมความงามของดอกลิลลี่เหรอคะ”
ไม่ใช่ว่าเธอรู้สึกไม่ดีกับกู้หุ้ยหยวน แต่เธอเป็นคนตระกูลกู้ ความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่อาจเป็นเพื่อนกันได้
กู้หุ้ยหยวนถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว โค้งคำนับไปทางหลินซินเหยียน “ฉันมาขอโทษทุกเรื่องที่ทำกับเธอเมื่อก่อนนี้”
การกระทำของเธอทำให้หลินซินเหยียนแปลกประหลาดใจอย่างยิ่ง ในใจยังระแวดระวังตัว ได้แต่เม้มปากไม่พูดอะไร
กู้หุ้ยหยวนรู้ว่าหลินซินเหยียนมีความแค้นเคืองตนเอง ไม่มีทางเชื่อเธอง่ายขนาดนั้น
เธอก็ไม่ได้มาเพื่อให้หลินซินเหยียนเชื่อเธอ
“ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณนายจงและประธานจงคงดีมากใช่มั้ยคะ” แม้ว่าจะใช้ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงที่ใช้พูดอธิบายออกมานั้น เธอนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง
“พูดกันตามความจริงแล้ว ฉันไม่ควรจะมาเยี่ยมคุณ ในเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเรา….” เธอเงยหน้ามองหลินซินเหยียน “ฉันรู้ พวกเขามีความผิด และควรได้รับผลกรรม ฉันไม่ควรมีใจคิดแก้แค้น แต่ พวกเขาเป็นญาติของฉัน คุณนายจงเข้าใจความรู้สึกของฉันใช่ไหม”
“ฉันคิดว่าคุณควรจะไปบอกกับญาติคุณที่ทำความผิดคนนั้น นี่คือสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องรับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่มีใครเพิกเฉยละเลยได้ คุณสงสารญาติของคุณ อย่างนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บเพราะญาติของคุณ เขาเองก็มีครอบครัว คนคนหนึ่ง ไม่รู้จักมองปัญหาจากมุมมองของอีกฝ่ายบ้าง คือคนที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ คือคนที่ยึดติด คุณบอกคุณเข้าใจ ความจริงแล้วคุณไม่เข้าใจ คุณคิดว่าฉันหรือสามีของฉันจะอยู่อย่างไม่มีความสุข จึงจะยุติธรรม ความจริงสิ่งที่เธอต้องทำก็คือ ไปบอกกับกู้เป่ยว่า โลกใบนี้มีความยุติธรรม ทำผิด พยายามแก้ไข กลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่จึงจะถูกต้อง ถ้าเขายังอยู่ดื้อรั้นอยู่ตลอด ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ใช่ไหม”
กู้หุ้ยหยวนเข้าใจทันที ถูกต้อง เธอยืนอยู่ในมุมของตนเองตลอด คิดเพียงว่าการทำให้จงจิ่งห้าวมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุข จึงจะเป็นการปลอบใจคุณพ่อที่ตายไปแล้วและน้องชายที่สูญเสียอิสรภาพได้
ตอนแรกเธอมีความในใจทีอัดอั้นเอาไว้เต็มอกที่ต้องการจะพูดออกมา ตอนนี้ พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
หลินซินเหยียนก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่จุดสูงส่งของศีลธรรม ที่จะไปกล่าวโทษใคร เพียงแค่อยากจะบอกเหตุผลที่ถูกต้องกับเธอ
ถ้ามีคนทำความผิดคนหนึ่ง ไม่ต้องการชดใช้อะไร อย่างนั้นโลกใบนี้จะไม่โกลาหลวุ่นวายหรอกหรือ
“ก็แค่มาเยี่ยมคุณ” เธอเอ่ยอย่างปกติว่า “กวนจิ้งจงรักภักดีกับประธานจงมาก”
หลินซินเหยียนหรี่ตา เธอหมายความว่าอะไร
เธอมีความเกี่ยวข้องอะไรกับกวนจิ้ง
“ฉันคิดว่าถูกแล้วที่ฉันมาวันนี้ ความจริงกระจ่างขึ้นภายในใจอย่างฉับพลัน ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมาก ทำเพื่อตัวเอง หลังจากได้ยินคำพูดคุณแล้ว ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ทำผิดต่อใคร” เธอลุกขึ้นยืนขึ้นมา พลันพูดอีกครั้งอย่างเศร้าโศกว่า “ฉันขอโทษด้วย กับเรื่องที่ฉันทำกับคุณไว้ในอดีต”
“ฉันเข้าใจค่ะ ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันก็อาจจะมีความคิดที่จะแก้แค้น ไม่ว่าพวกเขาจะทำผิดอย่าง แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ การที่คุณเสียใจ คุณไม่พอใจล้วนเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์”
“ขอบคุณที่คุณเข้าใจ” กู้หุ้ยหยวนคิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลเข้าอกเข้าใจคนอื่นแบบนี้ เมื่อก่อนคิดว่าเธอแค่หน้าตาสวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ตอนนี้เธอพบว่า ผู้หญิงคนนี้มีออร่าอยู่บนตัวเธอ
“ต่อไปถ้ามีโอกาสได้พบกัน หวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับคุณ”
เธอยื่นมือออกมา “จับมือกับคุณได้ไหมคะ”
หลินซินเหยียนยื่นมือออกมา และจับมือกับเธอ ไม่นานต่างคนต่างดึงมือกลับ
“วันนี้ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เธอลูบไล้กลีบดอกลิลลี่ที่สดใส พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ดอกลิลลี่ เป็นดอกไม้ที่สวยงามมีนัยแห่งความสง่างามแค่ไหน”
หลินซินเหยียนมองเธอ “ที่คุณมาก็เพื่อจะมาชื่นชมความงามของดอกลิลลี่เหรอคะ”
ไม่ใช่ว่าเธอรู้สึกไม่ดีกับกู้หุ้ยหยวน แต่เธอเป็นคนตระกูลกู้ ความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่อาจเป็นเพื่อนกันได้
กู้หุ้ยหยวนถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว โค้งคำนับไปทางหลินซินเหยียน “ฉันมาขอโทษทุกเรื่องที่ทำกับเธอเมื่อก่อนนี้”
การกระทำของเธอทำให้หลินซินเหยียนแปลกประหลาดใจอย่างยิ่ง ในใจยังระแวดระวังตัว ได้แต่เม้มปากไม่พูดอะไร
กู้หุ้ยหยวนรู้ว่าหลินซินเหยียนมีความแค้นเคืองตนเอง ไม่มีทางเชื่อเธอง่ายขนาดนั้น
เธอก็ไม่ได้มาเพื่อให้หลินซินเหยียนเชื่อเธอ
“ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณนายจงและประธานจงคงดีมากใช่มั้ยคะ” แม้ว่าจะใช้ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงที่ใช้พูดอธิบายออกมานั้น เธอนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง
“พูดกันตามความจริงแล้ว ฉันไม่ควรจะมาเยี่ยมคุณ ในเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเรา….” เธอเงยหน้ามองหลินซินเหยียน “ฉันรู้ พวกเขามีความผิด และควรได้รับผลกรรม ฉันไม่ควรมีใจคิดแก้แค้น แต่ พวกเขาเป็นญาติของฉัน คุณนายจงเข้าใจความรู้สึกของฉันใช่ไหม”
“ฉันคิดว่าคุณควรจะไปบอกกับญาติคุณที่ทำความผิดคนนั้น นี่คือสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องรับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่มีใครเพิกเฉยละเลยได้ คุณสงสารญาติของคุณ อย่างนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บเพราะญาติของคุณ เขาเองก็มีครอบครัว คนคนหนึ่ง ไม่รู้จักมองปัญหาจากมุมมองของอีกฝ่ายบ้าง คือคนที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ คือคนที่ยึดติด คุณบอกคุณเข้าใจ ความจริงแล้วคุณไม่เข้าใจ คุณคิดว่าฉันหรือสามีของฉันจะอยู่อย่างไม่มีความสุข จึงจะยุติธรรม ความจริงสิ่งที่เธอต้องทำก็คือ ไปบอกกับกู้เป่ยว่า โลกใบนี้มีความยุติธรรม ทำผิด พยายามแก้ไข กลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่จึงจะถูกต้อง ถ้าเขายังอยู่ดื้อรั้นอยู่ตลอด ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ใช่ไหม”
กู้หุ้ยหยวนเข้าใจทันที ถูกต้อง เธอยืนอยู่ในมุมของตนเองตลอด คิดเพียงว่าการทำให้จงจิ่งห้าวมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุข จึงจะเป็นการปลอบใจคุณพ่อที่ตายไปแล้วและน้องชายที่สูญเสียอิสรภาพได้
ตอนแรกเธอมีความในใจทีอัดอั้นเอาไว้เต็มอกที่ต้องการจะพูดออกมา ตอนนี้ พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
หลินซินเหยียนก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่จุดสูงส่งของศีลธรรม ที่จะไปกล่าวโทษใคร เพียงแค่อยากจะบอกเหตุผลที่ถูกต้องกับเธอ
ถ้ามีคนทำความผิดคนหนึ่ง ไม่ต้องการชดใช้อะไร อย่างนั้นโลกใบนี้จะไม่โกลาหลวุ่นวายหรอกหรือ