หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1381 สำนักมังกรเทวะ

“ภูเขาเสี่ยหมัว…”

มู่เฉินพึมพำกับตัวเองขณะที่ดวงตาเปล่งประกายด้วยความปีติยินดี ในที่สุดเขาก็พบเบาะแสบางอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงได้วิ่งวนเหมือนแมลงวันไร้หัว

แต่เขารู้สึกประหลาดใจที่จอมยุทธ์มังกรขาวและคนอื่นๆ เป็นผู้อาวุโสของสำนักไป๋ซู่ซู่

เมื่อเห็นความประหลาดใจของมู่เฉิน ไป๋ซู่ซู่ก็ถอนหายใจรำพึงว่า “สำนักของพวกข้าเป็นที่รู้จักกันในนามสำนักมังกรเทวะ ซึ่งเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกยุคโบราณ แต่ความแข็งแกร่งที่ว่านั้นก็เพียงเป็นหลอกตัวเองเท่านั้น”

ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่วาบขึ้นด้วยริ้วขมขื่น “เมื่อเผ่าเสี่ยเสียบุกโลกนี้ พวกข้าถึงตระหนักได้ว่าเราอ่อนแอเพียงใด แม้ว่าผู้อาวุโสจะต่อสู้จนตัวตายก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเดินทัพของเผ่าเสี่ยเสียได้”

มู่เฉินพยักหน้าอย่างเงียบๆ โลกใบนี้เป็นเพียงพิภพเขตล่าง ส่วนสิ่งมีชีวิตแบบเผ่าปีศาจก็มีขุมพลังสูงกว่าเมื่อเทียบกับมาตรฐานของมหาพันภพด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้ามาในโลกนี้ ก็เหมือนกับเสือที่ติดในฝูงแกะ เป็นไปไม่ได้ที่โลกนี้จะต่อต้านได้

ท้ายที่สุดไม่ใช่ทุกคนที่มีความสามารถแบบเทพจักรพรรดิสงครามและเทพจักรพรรดิอัคคี… มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่ถูกเรียกว่าเป็นตำนานมีชีวิต

“แต่เมื่อพวกเราพ่ายแพ้ ผู้อาวุโสหลายคนก็ตัดสินใจที่จะจากไป เพราะพวกเขาทราบเกี่ยวกับระนาบมิติที่อยู่เหนือโลกนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดจะลองดูว่าจะหาจอมยุทธ์กลับมาช่วยโลกของเราได้หรือไม่”

“ด้วยเหตุนี้ภายใต้ความร่วมมือของสำนัก พวกเขาก็เปิดอุโมงค์มิติจากโลกนี้ไปเพื่อไปในโลกอันไกลโพ้น ส่วนพวกเราทุกคนในโลกนี้ก็เฝ้ารอวันที่พวกเขากลับมา” ไป๋ซู่ซู่ตอบ

มู่เฉินเงียบไป หากเขาเดาถูกผู้อาวุโสที่ไป๋ซู่ซู่พูดถึงน่าจะเป็นเหล่าผู้ที่ก่อตั้งตำหนักมังกรปีศาจ ทว่านางคงไม่รู้ว่าผู้อาวุโสกลุ่มนั้นมีความคิดเห็นแตกแยกกันหลังจากไปที่มหาพันภพ จนสุดท้ายได้แตกฉานซ่านเซ็น จอมยุทธ์มังกรขาวก่อกบฏ แม้แต่ตำหนักมังกรปีศาจก็สูญสิ้นในมือมู่เฉิน

แต่เขาไม่มีความคิดที่จะบอกไป๋ซู่ซู่ หากนางพบว่าศรัทธาทั้งหมดได้ลืมเลือนภัยพิบัติของโลกนี้ยกเว้นจอมยุทธ์มังกรขาวที่พยายามอย่างยิ่งยวด จิตใจของนางจะแตกสลายเพียงใด

“เรารอมานานแสนนาน แต่ก็ไม่มีข่าวคราว จนสุดท้ายสำนักถูกทำลาย ตอนนั้นข้าที่ยังเด็กกลายเป็นความหวังสุดท้ายของสำนัก เหล่าผู้อาวุโสใช้วิธีโบราณเพื่อส่งพลังที่เหลือทั้งหมดมาให้ข้า”

ไป๋ซู่ซู่ยิ้มขมขื่น “ดังนั้นข้าจึงมีพลังในปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่ก็ยังไม่สามารถต่อสู้กับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตได้”

“นี่ไม่เลวเลยนะที่พวกเจ้าทำมาถึงตรงนี้” มู่เฉินกล่าว

“ท่านเทพเคยพบบรรพบุรุษของสำนักมังกรเทวะของข้าหรือไม่?” ไป๋ซู่ซู่มองมู่เฉินด้วยความคาดหวัง

มู่เฉินลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้า

ไป๋ซู่ซู่รู้สึกโล่งใจมากขณะแววยินดีแผ่ซ่าน “ข้าว่าแล้วพวกเขาจะไม่ทิ้งเราไปแน่ๆ พวกเขาค้นหาวิธีการที่จะช่วยโลกเรามาตลอด!”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่แสงหลิงจะรวมตัวกันที่ปลายนิ้ว ก่อรูปจอมยุทธ์มังกรขาวขึ้น

“ข้ามาเพราะคำขอร้องของผู้อาวุโสท่านนี้น่ะ”

เมื่อมองไปที่ภาพจอมยุทธ์มังกรขาวดวงตาของไป๋ซู่ซู่ก็เปลี่ยนแดงก่ำ “นั่นคือท่านไป๋หลง เขาเป็นต้นตระกูลของข้า!”

จากนั้นนางก็หันไปหามู่เฉินคุกเข่าลง “ท่านเทพ ซู่ซู่ขอขอบคุณแทนทุกคนบนโลกนี้!”

มู่เฉินโบกแขนเสื้อใช้คลื่นยกร่างไป๋ซู่ซู่ขึ้นมาพลางส่ายหัวไม่ได้รับความชอบคนเดียว “ข้ามาที่นี่เพื่อผลประโยชน์ ท่านไป๋หลงสัญญากับข้าถึงค่าตอบแทนที่ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้”

ไป๋ซู่ซู่ยิ้มขณะที่มองมู่เฉินด้วยดวงตางดงาม

“ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้ว เป้าหมายของข้าก็คือภูเขาเซิ่งหลงหรือภูเขาเสี่ยหมัวในปัจจุบัน” มู่เฉินไม่ได้สนใจสายตาของนาง เขาหรี่ตาลงความเฉียบคมวาบไหว

มีผู้บัญชาการปีศาจโลหิตสามคนอยู่ในภูเขาเสี่ยหมัว ซึ่งทั้งสามคนสัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุนแล้ว ถ้าเขาต้องการขึ้นไปบนภูเขาก็จะต้องกำจัดทั้งสามคนนั่น ในเวลานั้นจะต้องมีการต่อสู้ใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ครั้งนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้ของเขากับพวกเจ้าภูเขาเหลยยิง นี่เป็นการต่อสู้มรณะแท้จริง

“ดูเหมือนว่าข้าต้องจัดการผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่ลาดตระเวนสองคนนั่นให้เร็ว มิฉะนั้นหากพวกมันรู้เรื่องนี้และรวมตัวกัน ถึงตอนนั้นข้าก็คงไม่ได้เปรียบ”

แม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัยแม้จะเผชิญหน้ากับทั้งห้า แต่ตอนนั้นกลัวว่าผู้คนในโลกนี้จะถูกล้างบางภายใต้ความโกรธของเหล่าปีศาจ

ในเวลานั้นภารกิจของเขาก็จะล้มเหลว

ดังนั้นเขาทำได้เพียงประสบความสำเร็จในภารกิจนี้เท่านั้น

 

หลายวันต่อมา

มู่เฉินอยู่ในเมืองเพื่อปรับสภาพให้สามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดได้ทุกเมื่อต้องการ

ไป๋ซู่ซู่ก็ไม่มารบกวนเขา ไม่ว่าจะเป็นการปกปิดข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ก่อนหน้าหรือค้นหาร่องรอยของผู้บัญชาการทั้งสองก็ต้องใช้คนจำนวนมาก ดังนั้นงานของนางจึงล้นมือ

แต่โชคดีที่นางทำสิ่งที่สัญญาได้สำเร็จทั้งหมด

ทันใดนั้นดวงตาของมู่เฉินก็เปิดขึ้น เขาไปปรากฏตัวนอกห้องซึ่งไป๋ซู่ซู่ยืนรออยู่แล้ว

“ข้าได้รับข่าวมาแล้ว” ทันทีที่เห็นมู่เฉิน ไป๋ซู่ซู่ก็รีบบอกทันที

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเนื่องจากเขารู้สึกกังวลที่มีเวลาจำกัด แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถเร่งรีบมากเกินไปเพราะจะส่งผลต่อจิตใจคนทำงานทุกคน

“ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนหนึ่งอยู่ที่เมืองเทียนหยวนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และเขาจะอยู่ที่นั่นประมาณครึ่งวัน” ไป๋ซู่ซู่ยิ้ม

เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง มู่เฉินก็ลังเล “สูญเสียใหญ่ไหม?”

ไป๋ซู่ซู่อึ้งไปก่อนที่จะกัดริมฝีปาก “ทางเราเปิดเผยร่องรอยบางอย่าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก”

มู่เฉินเงียบไป แม้ว่าไป๋ซู่ซู่จะพยายามใช้เสียงเรียบเฉย แต่เขาก็เข้าใจถึงราคาที่ต้องจ่ายสำหรับข้อมูลนี้

“ถ้างั้นข้าจะไปทันที”

“ช่วยพาข้าไปด้วยได้ไหม” ไป๋ซู่ซู่มองไปที่มู่เฉินและขอร้อง “ถ้าเราทำสำเร็จ ข้าจะได้รับข้อมูลใหม่เพื่อค้นหาผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกคนทันที”

“ถ้าเราล้มเหลว…” ไป๋ซู่ซู่ยิ้ม “ก็แค่ตายไม่ใช่เหรอ?”

มู่เฉินครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะพยักหน้า เขาเข้าใจเรื่องเวลาดี เมื่อไป๋ซู่ซู่อยู่ด้วย เขาก็ไม่ต้องเดินทางไปกลับเพื่อมาสอบถามข้อมูลอีก

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินตกลง ไป๋ซู่ซู่ก็ยิ้มออกมาทันทีก่อนที่นางจะยืนตรงหน้ามู่เฉิน เสื้อผ้าแนบเนื้อช่างเผยส่วนโค้งเว้านัก

“ถ้างั้นข้าต้องรบกวนท่านเทพเพื่อพาข้าไปด้วย!”

มู่เฉินลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะคว้าเอวบาง แสงหลิงห่อหุ้มพวกเขาทั้งสองก่อนที่จะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

บนภูเขานอกเมืองเทียนหยวน

มู่เฉินปรากฏตัวขึ้นคลายอ้อมกอดไป๋ซู่ซู่ ดวงหน้าเล็กแดงซ่านก่อนที่นางจะถอยหลังสองก้าว

มู่เฉินมองไปที่เมืองก็กล่าวว่า “มีพลังร้ายที่ทรงประสิทธิภาพจริงๆ น่าจะเป็นของผู้บัญชาการปีศาจโลหิต”

ไป๋ซู่ซู่มองไปที่เมืองขณะกำหมัดแน่น ไม่รู้ว่ามีคนตายในเมืองนี้มากแค่ไหน ทั้งเมืองจมในทะเลเลือด

“เจ้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ข้าจะล่อผู้บัญชาการปีศาจโลหิตเข้าไปในภูเขาลึก รอข้ากลับมานะ” มู่เฉินสั่ง

ไป๋ซู่ซู่พยักหน้า นางไม่ใช่หญิงสาวเจ้าพยศและยโส ตอนนี้นางรู้ว่าไม่สามารถรบกวนมู่เฉินได้

มู่เฉินไม่ลังเลเคลื่อนตัวออกไปทันที คลื่นหลิงหมุนเวียน ความผันผวนทรงพลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ขณะที่ความผันผวนของคลื่นหลิงแผ่กระจายออกไป ในโถงที่อยู่ส่วนลึกเมือง ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มและมีร่างเล็กสองคนอยู่ในอุ้งมือเขา ขณะที่เขาดึงเขี้ยวออก ม่านตาก็หดเกร็ง จากนั้นก็โยนร่างทั้งสองออกไปปรากฏตัวบนท้องฟ้า

เขามองไปในระยะไกล มองเห็นริ้วแสงบินลึกเข้าไปในภูเขา

“ไอ้พวกชนพื้นเมืองนี่ช่างกล้า บังอาจมาสอดแนมข้า!” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้มน่าขนลุกก่อนที่แสงสีแดงเข้มจะปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้า เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไล่ตามร่างเงานั่นไป

ร่างสองร่าง หนึ่งหน้าหนึ่งหลังพุ่งเข้าสู่เทือกเขา

เมื่อไป๋ซู่ซู่เห็นฉากนี้ หน้าอกก็ยกขึ้นลงก่อนที่นางจะหายใจเข้าลึกๆ สงบใจนั่งลงบนยอดเขา

นางไม่คิดที่จะไปแอบดูการต่อสู้ แม้ว่าจะกังวลและอยากรู้ผล แต่นางก็เข้าใจดีว่าตนเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงจะรู้ไปก่อนแล้วมีประโยชน์อะไร?

หากมู่เฉินล้มเหลวความหวังทั้งหมดของพวกนางจะดับวูบ หากเป็นเช่นนั้นนางก็ระเบิดตัวที่นี่เลย ดีกว่าไปถูกทรมานโดยเผ่าเสี่ยเสีย

ไป๋ซู่ซู่ผ่อนคลายคลี่ยิ้ม จากนั้นก็ยืดเอวก่อนจะล้มนอนลงมองไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าในอดีตช่างปลอดโปร่งและสดใสไม่มีกลิ่นคาวเลือดในอากาศ…

ชวนให้คิดถึง

นางค่อยๆ หลับตาลงด้วยรอยยิ้ม

ทว่านางก็ไม่ได้หลับตานาน ก่อนที่นางจะลืมตาโพลง เนื่องจากเห็นว่าร่างเงาสูงโปร่งยืนตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มในมือถือไข่มุกสีแดงเข้ม

นางมองไปที่มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ทว่าในดวงตากลับเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยอารมณ์ในใจ

“ท่านเทพ ถ้ายังทำเท่แบบนี้ ข้าจะตกหลุมรักเจ้าจริงๆ แล้วนะ”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset