หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1302 หวู่ทง
ตามแนวเทือกเขาสูง
ร่างร่างหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังขณะยืนบนภูเขาเขียวชอุ่มลูกหนึ่ง สายตาจดจ้องไปยังส่วนลึกเทือกเขาเบื้องหน้าก่อนที่จะหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม “พี่ต่งดูเหมือนว่าแผนของเราล้มเหลวสินะถึงได้กลับมาตอนนี้”
ที่เบื้องหลังร่างที่ฉายสีหน้าดำมืดเดินออกมาจากป่า ซึ่งก็คือต่งซันที่เพิ่งประจันหน้ากับพวกมู่เฉินมา
“หวู่ทงแผนของเจ้าล้มเหลว เวินชิงเฉวียนฉลาดมาก นางรู้ทันทีว่าพวกเราร่วมมือกัน” ต่งซันพูดด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
ชายที่ชื่อหวู่ทงมีผมสีแดงเพลิง ในมือถือลูกโลหะสองลูกซึ่งถูกแกะสลักด้วยลวดลายลึกซึ้ง ความผันผวนของคลื่นหลิงที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายเขาเป็นครั้งคราวกว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทรที่ไม่สามารถประเมินได้
เมื่อได้ยินคำพูดของต่งซัน เขาก็ยิ้มสบายๆ “ตอนแรกก็แค่จะลองเชิงเฉยๆ ไม่คิดจะประสบความสำเร็จหรอก นอกจากนี้แม้ว่าแผนการจะล้มเหลว แต่ด้วยพลังของกลุ่มพวกเจ้า ก็น่าจะทำให้ตระกูลเวินสูญเสียไปบ้างไหม?”
ใบหน้าของต่งซันน่าเกลียดมากยิ่งขึ้นขณะตอบว่า “พวกเขาไม่ได้รับความเสียหายอะไรทั้งนั้น เพราะมีกลุ่มอื่นเข้ามาสะเออะ ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่เวินชิงเฉวียนร่วมมือด้วย”
“โอ้?” ลูกโลหะในมือของหวู่ทงหยุดลงชั่วครู่ “พลังของพวกมันเป็นอย่างไร?”
“หลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนหนึ่งคนและจอมยุทธ์ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มหนึ่งคน” ต่งซันตอบ สำหรับมู่เฉินกับลั่วหลีทั้งสองคนอยู่นอกสายตาเขา เนื่องจากมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น
“หลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนเรอะ?” หวู่ทงหรี่ตาแคบลงก่อนที่จะยิ้มบาง “ดูท่าพวกเวินชิงเฉวียนก็ไม่โง่ พวกนางรู้จักหาผู้ช่วยเหลือด้วย แต่นางคิดว่าแค่หลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนคนเดียวจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้เหรอ?”
“สำหรับมรดกนี้ ตระกูลหวู่เตรียมการมาหลายปีแล้ว เราจะปล่อยโอกาสให้พวกเขาได้ยังไง?”
หวู่ทงหันกลับมายิ้มให้ต่งซัน “ต่อไปพี่ต่งก็ร่วมเดินทางไปที่สุสานกับเราเลยนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าตอบแทน ตระกูลหวู่จะให้ตามที่คุยกันไว้แน่นอน ”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
ต่งซันเค้นเสียงส่งผลให้แผลเป็นบนใบหน้าดูน่ากลัวยิ่งขึ้น การไปขัดขวางเวินชิงเฉวียนครั้งนี้เขาสูญเสียจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสี่คน นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะพรรคพวกเหล่านี้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงที่ผ่านศึกมาแล้วนับร้อยครั้ง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แววตาของต่งซันก็เย็นชาลง “ถ้าเราสามารถจับพวกมันได้ เจ้าจะต้องส่งไอ้คนที่ชื่อมู่เฉินมาให้ข้า ข้าจะให้มันรู้ว่าความตายช่างแสนสบายที่กล้าทำให้ข้าโกรธ!”
“ได้ตามที่ขอ”
หวู่ทงยิ้ม เขาไม่สนใจคนที่ชื่อมู่เฉินแม่แต่น้อย ในมุมมองของเขากลุ่มของเวินชิงเฉวียนจะต้องแพ้อย่างแน่นอน สำหรับผลของผู้แพ้เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
เขามองไปในส่วนลึกของเทือกเขาด้วยแววความโลภวูบไหวในดวงตา
“มรดกภูตผีเสื้อโอสถ… ฮ่าๆ ข้าหวู่ทงจะบรรลุจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนที่สองของตระกูลได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แล้ว …”
“ออกคำสั่ง เคลื่อนพล!”
“เราจะต้องไปเตรียมของขวัญบางอย่างสำหรับเพื่อนที่มาทีหลังสักหน่อย”
เขาหันหลังกลับ เสียงสะท้อนไปทั่วบริเวณ
ฟิ้ว!
เขาทะยานออกไปเป็นคนแรก ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาส่วนลึก เงาดำกลุ่มหนึ่งกำจายรัศมีน่าขนลุกออกมาติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด
ฟิ้ว!
ลำแสงสิบสายบินข้ามขอบฟ้าขณะที่จับจ้องไปที่เทือกเขา
“มรดกภูตผีเสื้อโอสถอยู่ตรงใจกลางเทือกเขา ด้วยความเร็วเราน่าจะใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงจะไปถึงที่นั่น” ระหว่างทางเวินชิงเฉวียนเข้าหาใกล้มู่เฉิน เสียงของนางถูกส่งไปที่โสตประสาทของทุกคนภายใต้การห่อหุ้มด้วยคลื่นหลิง
“แต่กลุ่มตระกูลหวู่น่าจะนำหน้าเราอยู่ ดังนั้นเราต้องเร่งหน่อย ไม่งั้นพวกมันจะแซงหน้าไปหมด”
มู่เฉินกับลั่วหลีพยักหน้า พวกเขาเดินทางมาอย่างยากลำบาก ดังนั้นจึงไม่ต้องการแค่รับสิ่งที่เหลือจากอีกฝ่าย
ดังนั้นพวกเขาจึงเพิ่มความเร็ว เสียงอัดอากาศดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
ภายใต้การเดินทางด้วยความเร็วสูง หนึ่งชั่วโมงต่อมาเวินชิงเฉวียนที่เป็นผู้นำทางก็ชะลอตัวช้าลง นางมองเข้าไปในระยะไกล
สายตาของคนอื่นๆ ก็กวาดตาม จากนั้นพวกเขาก็เห็นหมอกพิษปกคลุมไปทั่วเทือกเขา
มู่เฉินหายใจเข้าเล็กน้อยก็รู้สึกได้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายสั่นเทา ความคิดปฏิเสธลุกขึ้นในใจกระตุ้นให้ออกจากพื้นที่นี้โดยเร็ว
“หมอกพิษ”
มู่เฉินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าหมอกพิษนี้มีพิษร้ายแรง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ไม่สามารถรับได้
เวินชิงเฉวียนพยักหน้าตอบว่า “เล่าลือกันว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการสลายตัวของเกล็ดยาที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยภูตผีเสื้อโอสถ สารพิษนี้มีอานุภาพสูงมาก กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ได้รับบาดเจ็บหนักได้”
มู่เฉินขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางผ่อนคลายของเวินชิงเฉวียน เขาก็ยิ้ม “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าเตรียมตัวมาพร้อมนะ”
เวินชิงเฉวียนยิ้มพลางโบกมือ ลำแสงหลายสายก็ยิงเข้าหาทุกคน มู่เฉินคว้าลำแสงสายหนึ่งเอาไว้ เมื่อเปิดฝ่ามือออกก็เห็นเม็ดยาสีฟ้าน้ำแข็งกำจายไอเย็นฉ่ำออกมา ให้ความรู้สึกโปร่งสบายยิ่งนัก
“นี่คือเม็ดยาหัวใจน้ำแข็งเป็นยาแก้พิษ มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นผลิตภัณฑ์จากแคว้นหวู่จิ้งฮั่วที่มีราคาค่างวดสูงลิ่ว หนึ่งเม็ดเท่ากับของเหลวจื้อจุนหลายล้านหยดเลยทีเดียว อมไว้ใต้ลิ้นก็จะสามารถสลายพิษหมอกพิษนี้”
“ผลิตภัณฑ์จากแคว้นหวู่จิ้งฮั่วหรือ?”
มู่เฉินจ้องมองเม็ดยาหัวใจน้ำแข็งบนฝ่ามือของเขาด้วยความสนใจขณะที่อุทานด้วยความชื่นชม ในฐานะหนึ่งในสามนักเล่นแร่แปรธาตุชั้นนำของมหาพันภพ เม็ดยาจากแคว้นหวู่จิ้งฮั่วเป็นที่รู้จักกันในชื่อของผลิตภัณฑ์ชั้นสูงของมหาพันภพเลยทีเดียว
เมื่ออมเม็ดยาหัวใจน้ำแข็งเข้าไปในปาก ไอเย็นฉ่ำก็กระจายออกทำให้จิตใจสงบลง
“ไปกันเถอะ ต่อจากนี้ทุกคนก็ระวังตัวกันหน่อย เมื่อเข้าในหมอกพิษก็ถือว่าอยู่ในพื้นที่ของมรดกซึ่งเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย นี่จะไม่ง่ายอย่างที่เคยเป็นมาก่อน” เวินชิงเฉวียนเอ่ยเตือน
เมื่อพูดจบนางก็ไม่อ้อยอิ่งทะยานตัวออกไปทันที
มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็ติดตามไป ร่างแสงสิบร่างพุ่งเข้าไปในหมอกพิษมรกต
เมื่อเข้ามาแต่ละคนก็รู้สึกว่าท้องฟ้ามืดหม่นลง นอกจากนี้พวกเขายังรู้สึกถึงไอพิษพยายามที่จะกัดกร่อนร่างกายจากทุกทิศทางเมื่อสัมผัสโดน
ขณะที่ไอพิษเข้าสู่ร่างกาย มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงว่าคลื่นหลิงในร่างลดลง
เขาทำการตรวจสอบก็ตระหนักว่ามีอนุภาคเล็กๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าบุกรุกร่างกายและดูดซับคลื่นหลิงของเขาไป
เมื่อรับรู้สถานการณ์นี้ ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไร ไอเย็นฉ่ำก็ไหลเวียนในร่างกาย อนุภาคเหล่านั้นถูกแช่แข็งกลายเป็นสะเก็ดฝุ่นทันที…
ฮา
ลมหายใจสีขาวขุ่นพรูออกมาจากจมูกของมู่เฉิน บรรจุสะเก็ดของพิษหมอกเอาไว้
“ช่างเป็นพิษที่น่ากลัวจริงๆ!”
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน โชคดีที่เวินชิงเฉวียนเตรียมการมาพร้อม มิฉะนั้นเพียงแค่หมอกพิษเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ฮึ่ม ฮึ่ม
ทว่าขณะที่มู่เฉินกำลังชื่นชมยินดีในใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงหึ่งๆ ดังออกมา ทำให้ม่านตาเขาต้องหดลง
มีกลุ่มเมฆสีแดงเข้มเคลื่อนมาอย่างรวดเร็ว เมื่อใกล้เข้ามาเขาก็ตระหนักว่าเมฆนั้นคือฝูงยุงสีแดงเข้มนับไม่ถ้วน…
ยุงฝูงใหญ่ปกคลุมแสงอาทิตย์ แม้ว่าพวกมันจะมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ แต่ปากแหลมเล็กของพวกมันก็วูบไหวด้วยแสงสีมรกตที่มีพิษ
ทว่าหลังจากพบว่าหมอกพิษนี้เป็นพิษมากเพียงไร มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะดูถูกอะไรที่นี่แล้ว ทันใดนั้นเขาก็โบกมือคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาก่อตัวเป็นม่านคลุมห่อหุ้มทุกคนไว้ภายใน
ปัง!
แต่ฝูงยุงก็ยังพุ่งกระหน่ำเข้ามาก่อนที่จะปะทะกับม่านคลุมคลื่นหลิง
ปุ ปุ!
เมื่อเกิดการชนกัน ยุงเหล่านั้นก็ระเบิด เลือดสีแดงเข้มกระเด็นติดเข้ากับม่านคลุม สร้างรูบนม่าน ถ้าไม่ใช่มู่เฉินเทคลื่นหลิงลงไปอย่างต่อเนื่อง ม่านนี้ก็พังทลายไปแล้ว
แต่ถึงกระนั้นท่าทางของมู่เฉินก็ไม่สู้ดี เนื่องจากยุงมีจำนวนมหาศาล เขารู้สึกถึงพลังงานในร่างกายที่หมดลงอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่พยายามป้องกันฝูงยุงอย่างเดียว ก็กินพลังงานจำนวนมากแล้ว
“มู่เฉินนี่คือยุงผีพิษ แค่เลือดของพวกมันเพียงอย่างเดียวก็สามารถกัดเซาะคลื่นหลิงได้ ครอบงำมาก!” เวินชิงเฉวียนรีบตะโกนบอก
มู่เฉินพยักหน้าขณะที่รักษาม่านคลุมปกป้องทุกคนให้ผ่านฝูงยุงนี้ไปโดยเร็วที่สุด
แต่ไม่นานความคิดของเขาก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะเขารู้สึกว่าไม่รู้ด้วยเหตุใดยุงจำนวนมากจับกลุ่มรุมล้อมเข้ามามากขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวของพวกเขายากขึ้น
หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป ความเร็วในการมุ่งหน้าของพวกเขาจะช้าขึ้นอีกหลายส่วน
มู่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้ามืดครึ้มลง จากนั้นม่านตาก็หดเกร็งเสียงเย็นส่งผ่านเข้ามาในโสตประสาทของคนอื่นๆ
“สถานการณ์นี้ไม่ถูกต้อง มีคนกำลังใช้ยุงพวกนี้จัดการพวกเรา!”