หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1286 แม่ลูกพบกันอีกครั้ง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1286 แม่ลูกพบกันอีกครั้ง

“ของขวัญจากท่านแม่?”

สายตาของมู่เฉินเต็มไปด้วยความสุขที่พล่านในส่วนลึกของนัยน์ตา ขณะมองไปที่หลิงซี เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้กระตุ้นความสนใจของเขาเต็มที่

รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้านางพร้อมกับโบกมือ หินสีดำเบื้องล่างตัวนางก็เปล่งประกายก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าวพราวแสง

จุดแสงเหล่านั้นราวกับกลายเป็นทางช้างเผือก

สายตาของมู่เฉินตรึงอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ก่อนที่เขาจะมองดูวิถีโคจรของดวงดาวก็รู้สึกว่ามีความผันผวนลึกซึ้งค่อยๆ แผ่ออกมาอย่างช้าๆ

“ในอดีตน้าจิ้งก็เคยมาฝึกฝนที่เกาะหัวใจหยกแห่งนี้ จึงมีความเข้าใจและประสบการณ์มากมายที่นางทิ้งไว้ในกระจกหัวใจดำชิ้นนี้ นี่คือสิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยหลิงเจิ้นต้าจงซือตัวจริง ซึ่งเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าสำหรับหลิงเจิ้นซือทุกคน”

สายตาของหลิงซีก็พร่ามัวเมื่อมองไปที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว นางพูดเบาๆ ว่า “เวลาสามปีที่ผ่านมา ข้าได้ฝึกฝนที่นี่จนกระทั่งเมื่อสองเดือนที่แล้ว ข้าก็สามารถบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนได้”

“พี่หลิงซี เจ้าบรรลุหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนแล้วเหรอ?”

มู่เฉินอึ้งไป ตอนที่หลิงซีจากไป นางเป็นเพียงหลิงเจิ้นต้าซือ แต่ตอนนี้นางก้าวเข้าสู่ระดับหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนในเวลาเพียงสามปี!

นี่เป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง!

“ก่อนที่ข้าจะสูญเสียความทรงจำ ระดับของข้าเข้าใกล้การเป็นหลิงเจิ้นจงซืออยู่แล้ว… เมื่อได้รับการกู้คืนความทรงจำ พลังของข้าก็ฟื้นตัวขึ้นตามธรรมชาติและเพิ่มขึ้นทบทวีคูณจากประสบการณ์หลายปีที่ฝึกฝน” หลิงซียิ้มขณะที่อธิบาย

มู่เฉินเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังคงทำการย่อยข้อมูลอย่างช้าๆ เนื่องจากหลิงซีมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นในศาสตร์ค่ายกล บวกกับเรื่องที่นางติดตามมารดาของเขาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นจุดเริ่มต้นของนางจึงอยู่ในจุดที่สูงกว่าคนทั่วไป บวกกับการได้ปลีกวิเวกเพื่อทำความเข้าใจประสบการณ์และความรู้ที่มารดาของเขาทิ้งไว้ ดังนั้นจึงไม่ได้เหลือเชื่อเกินเหตุที่นางจะประสบความสำเร็จเช่นนี้

ที่สำคัญกว่านั้นหลิงซีมุ่งเน้นไปที่ศาสตร์ค่ายกลอย่างเดียวซึ่งไม่เหมือนเขา ตัวเขาไม่เพียงศึกษาค่ายกลเท่านั้น เขายังให้ความสนใจกับศาสตร์ค่ายกลสงครามและศาสตร์พลังหลิงด้วยเช่นกัน

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่หลิงซีจะเอาทิ้งห่างเขาหลายขุมในการบรรลุด้านค่ายกล

หลิงซีพยักหน้าคลี่ยิ้ม “ช่วงนี้เจ้าก็อยู่ฝึกฝนที่นี่เถอะ ข้าเชื่อว่านี่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเจ้า แต่จะบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าแล้ว”

มู่เฉินเลียริมฝีปาก ดวงตาวูบไหวด้วยไฟลุกโชน

หลายปีที่ผ่านมาหลังจากแยกจากหลิงซี เรื่องศาสตร์ค่ายกลเขาก็ได้แต่ทำความเข้าใจด้วยตนเอง แม้ตอนนี้จะถือเป็นหลิงเจิ้นจงซือเช่นกัน แต่ในแง่รากฐานด้านค่ายกล เขาก็ยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลิงซีมาก

ตอนนี้เขาสามารถเรียนรู้จากความเข้าใจและประสบการณ์ที่เหลือจากมารดา ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีค่าอย่างไม่ต้องสงสัย

บางทีเขาอาจสามารถบรรลุเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนได้จากสิ่งนี้

ในเวลานั้นแม้ว่าเขาจะปะทะกับกู้ซือหวงอีกครั้ง เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่เกล็ดจักรพรรดิเพื่อจัดการกับอีกฝ่ายแล้ว

เมื่อมองเห็นความร้อนแรงในสายตาของมู่เฉิน หลิงซีก็ยิ้มก่อนที่นางจะลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปที่นี่เป็นของเจ้า”

มู่เฉินพยักหน้า ไม่ได้เกรงใจอะไร เขาเดินขึ้นหน้าไปนั่งลงบนพื้นสบตากับลั่วหลีสั้นๆ ก่อนจะปิดตาลง

“ไปกันเถอะ ให้เขาดื่มด่ำในการเพาะบ่มในช่วงนี้”

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินเข้าสู่สถานะการเพาะบ่มเรียบร้อย หลิงซีก็ยิ้มให้ลั่วหลีจับมือกันเดินออกจากคุกไป

เมื่อพวกนางจากไป คุกก็กลับมาเงียบงันอีกครั้ง

หัวใจของมู่เฉินสงบลงเหมือนบ่อน้ำลึกที่ไม่มีระลอกคลื่น

แปะ!

ความเงียบกินเวลาอยู่นาน เสียงน้ำหยดหนึ่งก็ดังสะท้อนสร้างระลอกคลื่นในความเงียบ ระลอกคลื่นกระจายออกไป มู่เฉินก็รู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไป

เขาเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ดาวหางพุ่งผ่านขอบฟ้าราวกับภาพสลักอันงดงาม

ทันใดนั้นแสงดาวก็ส่องลงมาเบื้องหน้ามู่เฉินควบแน่นเป็นร่างเงา เรือนผมถูกเกล้าไว้หลวมๆ รอยยิ้มอ่อนโยนประดับที่มุมปาก นางช่างงดงามและสง่างาม ทำให้มู่เฉินต้องอึ้งไปพักหนึ่ง

“ท่านแม่?”

กระทั่งคนใจเย็นอย่างเขาเมื่อเห็นนางก็ยังตะลึงงันไปไม่ได้ เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้พบกับมารดาที่นี่

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงร่างดวงจิต แต่นับตั้งแต่ทวีปเป่ยชางเขาก็ไม่ได้พบมารดาอีกเลย

“ลูกรัก”

ขณะที่มู่เฉินตะลึงงัน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็อึ้งไปเมื่อมองมู่เฉิน ครู่หนึ่งต่อมาหยาดน้ำตากลิ้งไปมาในนัยน์ตานาง ก่อนที่นางจะขยับอย่างรวดเร็วสวมกอดมู่เฉินเบาๆ

แม้ว่านางจะเป็นเพียงร่างดวงจิต แต่ก็ยังเชื่อมโยงกับร่างกายหลัก

เมื่อถูกกอด มู่เฉินที่ใจเย็นก็แข็งทื่อ ตั้งแต่เขายังเด็กสิ่งหนึ่งที่ใฝ่ฝันตลอดก็คือการโอบกอดของมารดา แต่ถึงกระนั้นการร้องของ่ายๆ นี้ก็ไม่สามารถเติมเต็มได้

แม้ว่านางจะเป็นเพียงร่างดวงจิต แต่มู่เฉินก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้พลุ่งพล่านอยู่ในหน้าอกของเขา

ยามนี้แม้ว่าหัวใจจะถูกขัดเกลามาตลอดหลายปี ดวงตาเขาก็ยังอดแดงขึ้นไม่ได้

“มู่เฉิน เจ้าโตมากขึ้นจริงๆ”

นานกว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะคลายอ้อมกอดจากบุตรชายและเริ่มจ้องมองเขาราวกับว่านางไม่ต้องการที่จะพลาดจุดใดๆ รอยยิ้มประดับบนใบหน้างดงาม

มู่เฉินเกาหัวแล้วยิ้ม

“ในเมื่อเจ้าพบร่างดวงจิตนี้ของข้าได้ แสดงว่าเจ้าไปที่เกาะหัวใจหยกแล้วสินะ” ชิงเหยี่ยนจิ้งลูบบุตรชายอย่างรักใคร่ ขณะที่ยิ้มบาง

มู่เฉินพยักหน้า “พี่หลิงซีบอกว่าท่านแม่ได้ทิ้งของขวัญไว้ให้ที่นี่”

ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้ม “มีเพียงเจ้าและหลิงซีเท่านั้นที่สามารถเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้ ดังนั้นความเข้าใจที่ข้าทิ้งไว้ก็มีเพียงพวกเจ้าที่รับไปได้”

นางกวาดสายตาไปที่มู่เฉินพูดว่า “จงแสดงค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าให้แม่ดูหน่อย”

เมื่อย้อนกลับมาที่หัวข้อหลัก มู่เฉินก็รู้สึกตื่นเต้นในหัวใจ สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนบินออกมาราวกับผีเสื้อ ก่อนที่จะรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม

เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิงรวมเข้าด้วยกัน ค่ายกลขนาดใหญ่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรสะท้อนอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ค่ายกลนี้ก็คือค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดที่มู่เฉินสามารถควบคุมได้ตอนนี้…ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร

กวาดสายตามองค่ายกล ชิงเหยี่ยนจิ้งก็พยักหน้าเบาๆ “ค่ายกลนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ไม่คิดว่าความรู้ของเจ้าในศาสตร์ค่ายกลจะมาถึงระดับหลิงเจิ้นจงซือขั้นตี้แล้ว”

น้ำเสียงของนางฟังดูซาบซึ้ง เพราะมู่เฉินพึ่งพาตนเองปลูกฝังค่ายกลมาไกลได้ปานนี้ ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว

“ด้วยระดับปัจจุบันของเจ้า ก็สามารถพิจารณาว่าได้ลงฐานเกี่ยวกับศาสตร์ค่ายกลได้แล้ว”

เมื่อได้ยินว่าแม้แต่หลิ้งเจิ้นจงซือขั้นตี้สำหรับชิงเหยี่ยนจิ้งยังเป็นเพียงแค่การลงฐานเท่านั้น มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะแอบเดาะลิ้น หากอยู่ในทวีปเทียนหลัว หลิงเจิ้นจงซือขั้นตี้สามารถสร้างสำนักของตนได้เลยทีเดียว

แต่เมื่อคิดได้ว่ามารดาของตนเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ เขาก็รู้ว่าหลิงเจิ้นจงซือในสายตาของนางอาจเป็นการตั้งหลักบนเส้นทางแห่งค่ายกลเท่านั้น

“เจ้าเริ่มประสบความสำเร็จในด้านค่ายกลแล้ว เพียงว่าเส้นทางในอนาคตของเจ้าอาจไม่คุ้นเคย”

เมื่อได้ยินมู่เฉินก็พยักหน้าเบาๆ เขารู้ว่าชิงเหยี่ยนจิ้งกำลังพูดถึงระดับต้าจงซืออยู่

ระดับนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่มู่เฉินก็ยังไม่เข้าใจอะไรเลย

“โดยทั่วไปคลื่นหลิงทั้งหมดเริ่มต้นจากการเชื่อมโยงสวรรค์และโลก ยืมพลังงานในธรรมชาติเพื่อเรียกลมฝน ซึ่งนี่เป็นระดับที่เจ้าอยู่ตอนนี้”

“ส่วนที่เรียกว่าระดับต้าจงซือ จะไม่เชื่อมโยงกับสวรรค์และโลก แต่จะสร้างโลกขึ้น ค่ายกลก็คือโลกใบหนึ่ง ทุกคนที่เข้ามาจะถูกมองว่าเป็นศัตรู”

ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้ม จากนั้นก็กำมือ ค่ายกลขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏขึ้น

ค่ายกลนี้วิจิตรบรรจงมาก แต่เมื่อมู่เฉินมองเข้าไปก็รู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด เขาสามารถสัมผัสถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่มีอยู่ในค่ายกลเล็กจิ๋วนี้

หากเขาหลุดเข้าไปในค่ายกลนี้ละก็ ตายคาที่แน่นอน!

“นี่ก็คือการสร้างโลกด้วยค่ายกลของระดับต้าจงซือในตำนาน… ทุกคนที่เข้ามาคือศัตรูของโลกใบนี้”

มู่เฉินมองอย่างหลงใหล คำพูดของชิงเหยี่ยนจิ้งเปิดโลกใหม่ในใจเขา ที่แท้ค่ายกลที่มีอันดับสูงขึ้นมีความลึกซึ้งและยากเกินหยั่งอย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่น่าแปลกใจระดับต้าจงซือสามารถเทียบเคียงกับระดับเทียนจื้อจุนได้!

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินยังคงดื่มด่ำ ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยิ้มบาง ก่อนที่จะเหยียดนิ้วเรียวแตะหน้าผากของมู่เฉิน ข้อมูลไร้ขอบเขตไหลพรวดเข้ามาในห้วงจิตของมู่เฉินกะทันหัน

นี่คือความเข้าใจและประสบการณ์ทั้งหมดของนางในเส้นทางของผู้ฝึกค่ายกล!

ถ้ามู่เฉินสามารถศึกษาและทำความเข้าใจได้ นั่นจะเป็นการเพิ่มขึ้นของความสำเร็จของเขาในศาสตร์ค่ายกลและอาจเป็นรากฐานที่ดีสำหรับเขาในการเข้าถึงการเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ

แสงห่อหุ้มมู่เฉิน แต่เขายังคงนิ่งเฉยราวกับว่าจมลงในนิทรารมณ์

ในเผ่าฝูถูที่ห่างไกล

ร่างหลักชิงเหยี่ยนจิ้งที่นั่งอยู่จู่ๆ ก็สั่นไหวก่อนจะลืมตามองเข้าไปในมิติว่างเปล่าพร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแขวนที่มุมปาก

“มู่เฉิน…แม่จะรอวันที่เจ้าก้าวขึ้นเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset