หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1263 ผู้ชนะเลิศ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1263 ผู้ชนะเลิศ

ตึง!

หลิงจั้นจื่อเหวี่ยงหมัดออกมา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็มารวมตัวกัน ก่อร่างเป็นกำปั้นขนาดหมื่นจั้ง อำนาจยิ่งใหญ่ตระการตาสั่นสะเทือนสวรรค์และโลก

ขณะที่แย็บหมัด ใบหน้าของหลิงจั้นจื่อก็ซีดลงทันที แต่มีความภาคภูมิใจพล่านอยู่ในสายตา เพราะพลังที่อยู่เบื้องหลังกำปั้นนี้มาถึงขีดสุดของเขาแล้ว

การโจมตีครั้งนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายระยะปลายสุดยังต้องหลีกเลี่ยง!

“หลังจากกำปั้นนี้แล้ว แม้ว่าข้าจะหมดเรี่ยวแรงต่อสู้ ข้าก็จะลากมู่เฉินออกจากสนามรบด้วย ในเวลานั้นตำแหน่งก็ยังจะเป็นของตำหนักซีเทียน ข้าเชื่อว่าอาจารย์จะชดเชยความสูญเสียให้อย่างแน่นอน”

สายตาของหลิงจั้นจื่อวูบไหว เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถได้รับชัยชนะเหนือกว่ามู่เฉินได้ต่อไป สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเสี่ยงชีวิตลากมู่เฉินออกจากสนามรบไปพร้อมกัน ในกรณีนี้เขาจะสามารถกำจัดศัตรูที่หลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อไม่สามารถเผชิญได้

หากเขาประสบความสำเร็จก็จะมีส่วนสำคัญมาก ในเวลานั้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่เพียงแต่จะไม่ตำหนิ ยังจะมอบรางวัลให้สำหรับการกระทำของเขา

ด้วยความคิดนี้ หลิงจั้นจื่อก็มองมู่เฉินอย่างเย็นชา แต่เขากลับเห็นว่ามู่เฉินไม่แสดงอาการหลบหลีก ความเย้ยหยันเยือกเย็นก็ผุดขึ้นที่มุมปาก

“ไอ้ยโส คิดว่าชัยชนะอยู่ในมือตัวเองแล้วรึ?”

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาเยาะเย้ย มู่เฉินก็ไม่ได้สนใจอะไร เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าเมื่อมีการสร้างค่ายกลรบสามกำลังขึ้น มู่เฉินชุดดำและชุดขาวก็ตัวสั่นสะท้านและรัศมีจั้นยี่เชี่ยวกรากรุนแรงพวยพุ่งสูงขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนที่จะขยายขอบเขตเป็นมหาสมุทรไร้ที่สิ้นสุดเหนือท้องฟ้า

รัศมีจั้นยี่แข็งแกร่งกว่ากองทัพสังหารวิญญาณและกองทัพดับปีศาจรวมตัวกันซะอีก!

“รัศมีจั้นยี่ของสองคนกลับแข็งแกร่งกว่ากองทัพชั้นยอดทั้งสองซะอีก ค่ายกลรบสามกำลังลึกซึ้งอย่างแท้จริง” ดวงตาของมู่เฉินเปล่งประกายด้วยความดีใจ พลังของค่ายกลรบนี้เกินความคาดหมายของเขาไปไกล

ด้วยความปีติยินดีเต็มหัวใจ มู่เฉินก็หัวเราะเสียงดังลั่น เขามองกำปั้นขนาดมหึมาที่ห่อหุ้มเข้ามา มือข้างหนึ่งก็วาดตราประทับขึ้น

ฟู่ ฟู่!

เมื่อตราประทับสร้างขึ้น มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ก็คำรามลั่น ชั่วขณะต่อมาทุกคนก็ต้องตกใจที่เห็นมือขนาดใหญ่เอื้อมคว้าออกมาจากมหาสมุทร

นี่เป็นมือที่มีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นของหลิงจั้นจื่อเสียอีก นอกจากนี้สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือมันปกคลุมด้วยลวดลายจั้นเหวินนับไม่ถ้วน

“นั่นคือ…วิญญาณสงคราม?!”

หลิงจั้นจื่ออุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ ดวงตาถึงกับหดลง นั่นเป็นเพราะขณะนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้กองทัพทั้งสองที่มี ดังนั้นพลังการต่อสู้ที่ทรงพลังนี้มาจากที่ไหนกัน?

สายตาหวาดผวามองไปที่มู่เฉินอีกสองคน แล้วก็ตระหนักได้ว่ารัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตนั่นมาจากทั้งสอง

“เป็นไปได้ยังไง?! เขาบัญชารัศมีจั้นยี่ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ยังไง?!”

ใบหน้าของหลิงจั้นจื่อราวกับเห็นผี ทุกคนรู้ว่ายิ่งผู้ฝึกมีพลังมากขึ้น รัศมีจั้นยี่ที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งทรงพลัง ทำให้ยากที่จะควบคุมมากนัก

การที่จะสั่งรัศมีจั้นยี่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเป็นสิ่งที่มีเพียงเชียนวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่มู่เฉินไม่ได้อยู่ในระดับนั้นอย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่แม้กระทั่งจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ยังต้องหวาดกลัว

ครืน!

เผชิญหน้ากับความหวาดผวาของอีกฝ่าย มู่เฉินไม่คิดจะอธิบายใดๆ ก่อนที่ฝ่ามือจะกวาดลงมา อึดใจกำปั้นของหลิงจั้นจื่อก็ถูกคว้าโดยฝ่ามือภายใต้สายตาตกตะลึงของผู้คนทั้งหมด

พลังสองสายปะทะกัน ทว่าฝ่ามือไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่เริ่มบีบแน่น กำปั้นครอบคุลมไปด้วยรอยแตกก่อนที่จะระเบิด

ใบหน้าของหลิงจั้นจื่อเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความสิ้นหวังวาบขึ้นในดวงตา เขาไม่เคยคิดเลยว่าการโจมตีเสี่ยงชีวิตของตนจะถูกทำลายอย่างง่ายดายโดยมู่เฉิน

คลื่นกระแทกทรงพลังกวาดออก มู่เฉินไม่แม้แต่จะกะพริบตา เขาสะบัดแขนเสื้อ มือใหญ่โตที่หม่นแสงลงเล็กน้อยก็เคลื่อนไหว พุ่งทะยานไปยังทิศทางของหลิงจั้นจื่อ

ก่อนที่ฝ่ามือจะกดลงบนพื้นดิน แผ่นโลกก็ทรุดตัวลงแล้ว

ความผันผวนที่น่าสะพรึงบีบกดลงมา ทำให้หลิงจั้นจื่อฟื้นคืนจากอาการตื่นตะลึง ร่างกายของเขาเย็นเยือก เขารับรู้ได้ว่ามู่เฉินไม่มีท่าทางที่จะหยุด ถ้าเขาปะทะกับกระบวนท่านี้ได้ตายคาที่แน่!

ขณะที่ความตายคืบคลานในหัวใจ หลิงจั้นจื่อก็เผยความกลัวในสายตา

ตู้ม!

แต่ขณะที่ฝ่ามือนั่นกำลังจะขยี้ลงมา ทันใดนั้นมิติก็แตกออกรอบตัวหลิงจั้นจื่อ ก่อตัวขึ้นเป็นรอยแตกมิติกลืนกินเขาเข้าไป

เมื่อรอยแยกมิติดูดร่างหลิงจั้นจื่อเข้าไป ป้ายสัประยุทธ์ก็บินออกมาพร้อมกับคลื่นละเอียดห่อหุ้มมือขนาดใหญ่ ทำให้มันแตกเป็นเกลียวแสงทันที

สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยกับฉากนี้ นอกจากจักรพรรดิสัประยุทธ์จะมีใครเล่าที่จะช่วยหลิงจั้นจื่อและทำลายการโจมตีของเขาได้

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่เต็มใจที่จะเห็นศิษย์เอกตายคามือมู่เฉิน

ณ จัตุรัสใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์มืดครึ้ม มิติแตกออกที่เบื้องหน้า ก่อนที่ร่างหลิงจั้นจื่อจะกลิ้งออกมา

เมื่อเห็นฉากนี้ความปั่นป่วนก็ระเบิดออกมา เนื่องจากทุกคนรู้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์เป็นคนช่วยชีวิตหลิงจั้นจื่อเอาไว้

“ไม่ได้เรื่อง!” จักรพรรดิสัประยุทธ์มองหลิงจั้นจื่ออย่างโกรธเกรี้ยว เขาไม่คิดว่าลูกศิษย์คนนี้ที่เขาให้ความหวังสูงจะพ่ายแพ้น่าอนาถ มิหนำซ้ำยังต้องได้รับการช่วยเหลือให้รอดด้วยซ้ำ

ใบหน้าของหลิงจั้นจื่อซีดเผือดพร้อมกับอาการหดหู่

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ไม่คิดสนใจอีกฝ่ายต่อ ดวงตาเขายังคงจับจ้องไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ เขามองไปที่เงาร่างเหมือนกันทั้งสามพร้อมกับแววตาประหลาดใจ “เล่าลือกันว่าในสมัยโบราณจักรพรรดิฟ้ามีวิชาระดับเสินทงขั้นสุดยอดชื่อว่าสามพิสุทธ์ แต่วิชานี้หายสาบสูญหายไปนับหมื่นปี ไม่คิดว่าจะตกอยู่ในมือของมู่เฉิน เขาช่างโชคดีจริงๆ”

จักรพรรดิสัประยุทธ์เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ซึ่งมีประสบการณ์มาก ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดช่วงสั้นๆ เขาก็รับรู้ถึงต้นกำเนิดของร่างพิมพ์ของมู่เฉินได้

ขณะที่พูดเสียงก็ร้อนแรงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่า วิชาสามพิสุทธิ์เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งแม้แต่กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน

“ฮ่าๆ สายตาไม่เลว ตอนที่มู่เฉินได้รับมรดกจากจักรพรรดิฟ้า เทพจักรพรรดิสงครามและข้าก็อยู่ที่นั่น ซ้ำพวกข้ายังได้รับการฝากจากจักรพรรดิฟ้าให้ช่วยดูแลมู่เฉินแทนเขาด้วย” เซียวเหยียนยิ้มบาง

พอได้ยินคำพูดนั่น จักรพรรดิสัประยุทธิ์ก็หัวใจสั่นไหว เขาจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าเทพจักรพรรดิอัคคีเตือนเขากลายๆ ว่าอย่าได้คิดฉกชิงวิชาสามพิสุทธิ์ของมู่เฉิน มิฉะนั้นจะถือว่าคุกคามทั้งเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

ในมหาพันภพหากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามร่วมมือกัน แม้แต่เผ่าโบราณก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดี

ดังนั้นไฟที่โหมกระพือในดวงตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ค่อยๆ มอดลง ถึงแม้ว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดจะเยี่ยมปานใด เขาก็ไม่มีวาสนาที่จะได้เพลิดเพลิน ถ้าสร้างความไม่พอใจให้กับเทพจักรพรรดิทั้งสอง

แม้ว่าตอนนี้เทพจักรพรรดิอัคคีจะดูอ่อนโยน แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายแค่ให้หน้าเขา ท้ายที่สุดแล้วพลังของตำหนักซีเทียนยังไม่สามารถต่อกรกับแคว้นหวู่จิ้งฮั่วได้

ขณะที่เซียวเหยียนและจักรพรรดิสัประยุทธ์กำลังสนทนากัน ความโกลาหลก็ระเบิดจากในจัตุรัส ผู้คนถอนหายใจกับผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมาย

ใบหน้าของลั่วเทียนเสินก็แดงก่ำ เขารู้สึกไม่เชื่อในเวลานี้ นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าหลิงจั้นจื่อจะแพ้มู่เฉิน

“เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น… หากเขาก้าวเข้าสู่ขั้นปลายละก็ คงไม่มีใครหน้าไหนในขั้นเดียวกันสามารถต่อกรกับเขาได้” ใบหน้าของลั่วเทียนเสินวูบไหวขณะมองเงาร่างของมู่เฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อน หลายปีก่อนตอนที่พวกเขาพบกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่ามู่เฉินที่อ่อนแอจะก้าวมาเป็นดาวจรัสแสงในช่วงเวลานี้

“สายตาของลั่วหลีดีกว่าตาแก่คนนี้จริงๆ…”

แม้แต่ลั่วเทียนเสินก็ไม่รู้ว่าตนเองพูดประโยคนี้ซ้ำไปกี่ครั้ง

ขณะที่ผู้คนกำลังเผชิญกับความโกลาหลจากความพ่ายแพ้ของหลิงจั้นจื่อ มู่เฉินก็ถอนรัศมีจั้นยี่ออก ยกเลิกค่ายกลรบสามกำลังก่อนที่จะมองไปอีกสองทิศทาง

ตอนนี้หลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อยังคงโรมรันพันตูกับซูมู่และฉู่เหมินที่ถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์

ทว่าพวกเขาก็ต้องตัวสั่นเทาเมื่อสายตาของมู่เฉินถูกส่งมา พวกเขาถอยกลับทันทีมองมู่เฉินด้วยความกลัวและหวาดระแวง

สามมู่เฉินเคลื่อนไหวมองไปที่หลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “พวกเจ้ายังต้องการสู้อีกเรอะ?”

สายตาจ้องมองอย่างเย็นชาของมู่เฉินสามคน ทำเอาหลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อรู้สึกว่าหัวใจเย็นสะท้านไปหมด ในเมื่อพวกเขาได้เห็นความพ่ายแพ้ของหลิงจั้นจื่อแล้ว ดังนั้นความกลัวที่พวกเขามีต่อมู่เฉินเรียกว่าถึงสุดขีดไปเลยทีเดียว

พวกเขารู้ว่าผลลัพธ์ถูกตัดสินตั้งแต่หลิงจั้นจื่อล้มเหลวแล้ว

“แกสองคนก็แค่โชคดี!”

หลิงหลงจื่อและหลิงเจี้ยนจื่อจ้องซูมู่และฉู่เหมินด้วยความฝืนใจ หากไม่ใช่เพราะมู่เฉินพวกเขาก็จะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ในอีกไม่ช้า

พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันโยนป้ายสัประยุทธ์ทั้งหมดไว้ถอยออกจากสนามรบไป

เผชิญหน้ากับมู่เฉิน พวกเขาไม่มีความต้องการที่จะต่อสู้เลย

หลังจากเห็นหลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อถอยหนี ซูมู่และฉู่เหมินก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนที่จะมองมู่เฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อน พวกเขาไม่คิดเลยว่าผู้ช่วยที่พวกเขาได้รับในนาทีสุดท้ายจะดุดันและยังเอาชนะหลิงจั้นจื่อได้

“พี่มู่พิเศษอย่างแท้จริง ครั้งนี้เราเป็นคนที่ได้รับประโยชน์จากเจ้า… ข้าคิดว่าคงมีเพียงคนอย่างพี่มู่เท่านั้นที่สมควรกับตำแหน่ง” ซูมู่และฉู่เหมินเข้าใจสถานการณ์อย่างดี ตำแหน่งมีเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะมอบให้กับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจยอมแพ้ ด้วยสิ่งนี้พวกเขาอาจจะสามารถกระชับความสัมพันธ์กับมู่เฉินได้แนบแน่นขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสอง รอยยิ้มอบอุ่นก็กระจายบนใบหน้าของมู่เฉิน เขาเผยยิ้มสุภาพให้ทั้งสอง “หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าสองคน ผลลัพธ์วันนี้ก็ยากที่จะคาดการณ์”

ขณะที่พูดมู่เฉินก็สะบัดนิ้ว ป้ายสัประยุทธ์ที่หลิงเจี้ยนจื่อและหลิงหลงจื่อโยนทิ้งไว้ก็บินไปหาทั้งสอง

“ใช้ป้ายเหล่านี้เลือกสมบัติสำหรับตัวเจ้าเพื่อการเดินทางครั้งนี้จะไม่เปล่าประโยชน์”

ในเมื่อทั้งสองฉลาดเลือก มู่เฉินก็ต้องให้ประโยชน์กับพวกเขา

เมื่อเห็นจำนวนป้ายเหล่านั้น ซูมู่และฉู่เหมินก็เปิดเผยท่าทางยินดีปรีดา เนื่องจากพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติบางอย่างที่หมายตาเอาไว้

“ขอบคุณความใจกว้างของพี่มู่!”

ทั้งสองไม่ได้มากมารยาท แต่ละคนใช้ป้ายแลกเปลี่ยนสมบัติในคลังสัประยุทธ์อย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ใช้ป้ายทั้งหมดเรียบร้อย ร่างของพวกเขาก็เริ่มเลือนหายไปและถูกส่งออกจากสนามรบ

ขณะที่กำลังจะไปทั้งสองก็ประสานมือให้มู่เฉินด้วยรอยยิ้ม “เราขอแสดงความยินดีกับพี่มู่ที่นี่ที่ได้รับตำแหน่งนักรบทวีป”

เมื่อคำพูดสิ้นสุด พวกเขาก็หายไป

เมื่อพวกเขาจากไป มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะเห็นว่ามิติแห่งนี้เริ่มบิดเบือน เขารู้ว่านี่คือสัญญาณของการต่อสู้ที่สิ้นสุดลง

ดังนั้นมู่เฉินจึงเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้ายิ้มบาง “นักรบทวีป… ตอนนี้ข้าตั้งตารอเชียวแหละ”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset