หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1208 ผู้หญิงคนนั้น
ทวีปซีเทียน ดินแดนซีเทียนเล็ก ตระกูลลั่วเสิน
ใจกลางเขตแดนตระกูลลั่วเสินเมืองสูงส่งเปล่งรัศมีโบราณยืนตระหง่านพิสูจน์ประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองความยิ่งใหญ่
เมืองถูกคั่นด้วยแม่น้ำที่ไหลผ่านรอบเมืองเป็นวงกลม
แม่น้ำนี้ผิดแผกมากเนื่องจากมีสีสันราวกับดวงดาว บางครั้งงดงามยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยซ้ำ สายน้ำหล่อเลี้ยงคนทั้งเมือง
นอกจากนี้ยังมองไม่เห็นความลึก ราวกับไม่เคยมีใครสามารถสำรวจจุดลึกสุดได้ ครั้งหนึ่งเคยมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเข้าไป แต่ก็ไม่สามารถไปถึงปลายทางได้หลังจากใช้เวลาถึงครึ่งเดือน จนสุดท้ายกลับเป็นจอมยุทธ์คนนั้นหมดพลังจนเกือบกลายเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำแทน
นี่คือความลึกซึ้งที่ไม่อาจหยั่งรู้อย่างแท้จริง
แม่น้ำลึกลับแห่งนี้คือแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลลั่วเสิน ตระกูลลั่วเสินจะทำพิธีที่นี่ในวันที่ดูฤกษ์ยามตามกำหนดเอาไว้ ชื่อของแม่น้ำสายนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อแม่น้ำลั่ว
เมืองที่โอบล้อมก็ชื่อว่าเมืองลั่วเสิน ซึ่งเป็นเมืองหลักและเมืองสำคัญที่สุดของตระกูลลั่วเสิน ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจล่วงล้ำได้ในหัวใจของราษฎรทุกคน
ช่วงเวลานี้เมืองลั่วเสินยิ่งกลายเป็นจุดสนใจของประชาชน คนจำนวนมากเดินทางมาจากที่ไกลด้วยความคาดหวังล้นปรี่ในหัวใจ
เนื่องจากประมุขตระกูลลั่ว-ลั่วเทียนเสินกำลังจะทำพิธีเทพธิดาลั่วให้กับจักรพรรดินี
ตระกูลลั่วเสินเคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน แต่ตอนนี้กลับค่อยๆ เสื่อมถอย ปีก่อนๆ ประชากรนับไม่ถ้วนถูกสังหารหรือไม่ก็ถูกจับตัวไปเป็นทาส
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ประชากรสิ้นหวัง จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาทุกอย่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลง…
องค์หญิงน้อยเดินทางกลับมา หลังจากนั้นนางก็แสดงแสนยานุภาพ รักษาเสถียรภาพที่สั่นคลอนภายในราชวงศ์เอาไว้ได้
หลังจากนั้นนางก็นำทัพเข้าต่อสู้แนวหน้ากับตระกูลเสี่ยเสินที่ทรงพลัง บังคับให้พวกเขาล่าถอย ดังนั้นพลเมืองของตระกูลลั่วเสินจึงพบกับความสงบสุขในเวลาหลายปีมานี้
ขณะที่หญิงสาวพยายามปกป้องตระกูลลั่วเสิน น้ำหนักเสียงของนางในตระกูลก็เพิ่มขึ้นทุกวันและเสน่ห์ของนางก็ฟื้นคนที่สิ้นหวังขึ้นมาได้ ผู้คนมากมายมายืนอยู่ข้างหลังนาง แต่ส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์รุ่นใหม่ทั้งสิ้น
ดังนั้นตระกูลลั่วเสินที่จะล้มสลายในตอนแรกกลับได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเหนียวแน่นต่อศัตรูอย่างไร นอกจากนี้ยังราวกับว่ามีสัญญาณว่าจะออกจากสภาพตกต่ำนี้…
ดังนั้นไม่นานทั่วดินแดนซีเทียนเล็กทั้งหมดก็รู้ดีว่ากำลังจะมีจักรพรรดินีตระกูลลั่วเสินคนใหม่ที่สามารถรวมเผ่าพันธุ์ทั้งหมดไว้เป็นหนึ่งเดียว…
ชื่อเสียงของนางเกินกว่าลั่วเทียนเสินผู้เป็นปู่ ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือสมาชิกในราชวงศ์ต่างก็มีเสียงร้องขอให้จักรพรรดินีขึ้นปกครองมากขึ้น
ดังนั้นพิธีเทพธิดาลั่วนี้จึงเป็นพิธีสำคัญก่อนขึ้นครองราชย์!
ถ้าพิธีนี้สำเร็จลง นางจะได้รับมงกุฎสืบทอดบัลลังก์ ในเวลานั้นคลื่นใต้น้ำที่เหลืออยู่ในราชวงศ์ก็จะหายไป
ภายใต้ความสามัคคีจากทุกคน ต่อให้ตระกูลลั่วเสินจะไม่สามารถกลับไปถึงจุดสูงสุด แต่ก็จะกลายเป็นแผ่นเหล็กทนทานที่แม้แต่ตระกูลเทพทั้งสามตระกูลก็ไม่สามารถกลืนกินตระกูลลั่วเสินได้อีกต่อไป
ดังนั้นพิธีเทพธิดาลั่วจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทำให้ประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ พวกเขาต้องการเห็นภาพของจักรพรรดินีที่ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์
สิ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินความรุ่งเรืองหรือล่มสลายของตระกูลลั่วเสิน
เมืองลั่วเสิน
วังสง่างามตั้งอยู่ในใจกลางเมืองช่างดูสูงส่งนัก นี่คือวังลั่วเสินซึ่งเป็นสถานที่ที่ราชวงศ์อาศัยอยู่
ร่างอรชรบนแท่นสูงของวังสวมชุดสีขาวที่มีลวดลายสีม่วงทองบนแขนเสื้อ ปล่อยรัศมีสูงส่งออกมา
รูปร่างของนางสมบูรณ์แบบ เรียวขาขาวราวหยกสลัก ลำคอระเหิดระหง
ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง แต่เมื่อใบหน้าปรากฏ สิ่งอื่นก็หม่นหมอง…
นี่เป็นใบหน้าที่งดงามทรงเสน่ห์ ผิวขาวราวกับหิมะ คิ้วดังวาดไว้ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นดูงามจนหาใดเปรียบ ขณะที่นางมองท้องฟ้า แม้แต่ดวงดาวยังสะท้อนผ่านรูม่านตา ทำให้ท้องฟ้าดูหม่นหมองลง
นี่เป็นความงามที่ทำให้หายใจไม่ได้
ผมยาวสีเงินยวงระแผ่นหลังทำให้หญิงสาวยิ่งดูราวกับเดินออกมาจากภาพวาด…
ขณะนี้หญิงสาวที่งามจนทำให้หายใจไม่ได้กำลังมองไกลออกไปด้วยสายตาโหยหาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดขึ้น
“มู่เฉิน… เจ้าสบายดีไหม?”
นางพึมพำกับตัวเอง เบื้องหน้าเหล่าพลเมืองนางจะแกร่งกร้าวเสมอ แต่เวลาอยู่คนเดียวนางกลับแสดงความนุ่มนวลและปรารถนาที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก
“ยังคิดถึงเจ้าหนุ่มนั่นอยู่อีกหรือ” เสียงสูงวัยดังขึ้นที่เบื้องหลังนาง
เมื่อได้ยินเสียงนั่น อารมณ์ในดวงตานางก็หายวับไป คิ้วที่มุ่นเข้าหากันคลายออก ทันใดนั้นความสูงศักดิ์และไว้ตัวที่ไม่อาจบรรยายได้ก็แผ่ซ่านออกมาจากนาง
นางหันหลังกลับมองไปที่ชายชรา “ท่านปู่จะห้ามกระทั่งสิทธิ์แค่นี้ของข้ารึ?”
ชายชราที่อยู่เบื้องหลังยิ้มอย่างขมขื่นปลอบโยนอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่กล้าหรอก ตอนนี้สถานะของเจ้าสูงกว่าข้าซะอีก”
“แต่ลั่วหลี… นี่ก็หลายปีแล้วไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาเลย เจ้ายังจะรอเขาต่อไปรึ?”
นี่ก็คือลั่วหลี เพียงแต่ว่านางเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความงามตอนนี้สุกปลั่งเต็มที่แล้ว
รัศมีก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นางไม่ใช่หญิงสาวสง่างามและเงียบเฉยยืนอยู่ข้างกายมู่เฉินอีกต่อไป ยามนี้นางเริ่มมีรัศมีแห่งจักรพรรดินีที่ทรงเกียรติและสูงส่ง
ชายชราที่อยู่ข้างหลังนางเป็นใครไม่ได้นอกจากประมุขตระกูลลั่วเสิน—ลั่วเทียนเสิน
ลั่วหลียิ้มไม่ตอบ ทว่าความหมายที่อยู่เบื้องหลังชัดเจนนัก นางกำลังบอกลั่วเทียนเสินว่าไม่ต้องถามถึงสิ่งที่ไร้ความหมายเช่นนี้อีก
เมื่อเห็นการตอบสนอง ลั่วเทียนเสินก็ร้อนใจ “หลายปีแล้วบางทีเจ้าหนุ่มนั่นอาจจะ…”
ทันทีที่สิ้นเสียง คิ้วของลั่วหลีก็มุ่นเข้าหากัน หันมาจ้องมองด้วยสายตากรุ่นโกรธ ทำให้ลั่วเทียนเสินต้องกลืนคำพูดลงไปในท้อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางมีแรงกดดันที่บางครั้งทำให้ลั่วเทียนเสินยังไม่กล้าทำให้นางโกรธ
ลั่วเทียนเสินส่ายหัวยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่ลั่วหลีค่อยๆ รักษาเสถียรภาพของตระกูลลั่วเสิน ข่าวความงามของนางก็กระจายออกไปพร้อมกับชื่อเสียง ไม่ต้องพูดถึงดินแดนซีเทียนเล็ก แม้แต่ทวีปซีเทียนทั้งหมดก็รู้จักชื่อของนาง
นอกจากนี้ยังมีจอมยุทธ์ชั้นสูงที่โดดเด่นหลายคนแวะเวียนมาเยี่ยม พยายามสร้างความประทับใจให้กับนาง นอกจากนี้ยังมีขั้วอำนาจที่ไม่อ่อนแอกว่าตระกูลลั่วเสินที่พยายามสร้างสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน หากพวกเขาได้รวมเป็นทองแผ่นเดียวกัน ตระกูลลั่วเสินก็จะได้รับความช่วยเหลืออย่างมากในการข่มขู่ตระกูลเสี่ยเสิน
มากจนแม้แต่ตระกูลเสี่ยเสินยังแสดงเจตจำนงในการแต่งงานเพื่อสลายความขุ่นเคืองระหว่างสองตระกูล ทว่าข้อเสนอทั้งหมดถูกลั่วหลีปฏิเสธ
นางบอกว่าต้องพึ่งพาตัวเองในการแข็งแกร่งขึ้น ถ้าตระกูลลั่วเสินไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง การปกป้องโดยการแต่งงานก็ไม่มีทางอยู่ได้นาน…
เหตุผลของนางได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในตระกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมยุทธ์รุ่นใหม่ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุน แต่มีเพียงลั่วเทียนเสินที่รู้ว่าเหตุผลนี้เป็นเพียงข้อแก้ตัว นั่นเป็นเพราะหัวใจของนางถูกครอบครองแล้ว… ซึ่งจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตามนิสัยของนาง
“ไอ้เด็กบ้านั่น!”
ลั่วเทียนเสินกัดฟัน เมื่อก่อนเขาคิดว่าถ้าพาลั่วหลีออกห่างจากมู่เฉิน ชายหนุ่มคนนั้นก็จะค่อยๆ กลายเป็นแค่คนที่ผ่านมาในหัวใจนาง เพราะเขาคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มที่แค่ได้รับการฝึกฝนจากสำนักศึกษาเป่ยชางจะมีคุณสมบัติในการท่องยุทธภพในมหาพันภพและมาแสดงตัวต่อหน้าลั่วหลี่ได้อย่างไร
ทว่าเป็นตัวเขาเองที่ประเมินความอดทนและการรอคอยของหลานสาวต่ำเกินไป…
“เฮ้อ”
แม้จะไม่พอใจ แต่สุดท้ายลั่วเทียนเสินก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่ถอนหายใจ สายตาของเขามืดครึ้มลงขณะเลื่อนไปมองที่ลั่วหลี “ลั่วหลีหากพิธีเทพธิดาลั่วประสบความสำเร็จ เจ้าจะก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนกลายเป็นจักรพรรดินีของแว่นแคว้นอย่างแท้จริง…”
“แต่เจ้าต้องรู้ว่าศัตรูของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอก พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ดังนั้นพิธีเทพธิดาลั่วครั้งนี้คงไม่ราบรื่นแน่นอน”
“ครั้งนี้… แม้แต่ปู่…ก็ไม่มั่นใจ”
ลั่วหลีมองไปที่ใบหน้าแก่ชราของลั่วเทียนเสิน ความเปรี้ยวก็พุ่งขึ้นมาในนาสิกประสาท นางเอื้อมมือออกจับมือเหี่ยวย่นเอาไว้เบาๆ “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ข้าจะอยู่และพินาศไปพร้อมกับตระกูลลั่วเสิน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของนางลั่วเทียนเสินก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับความร้ายกาจวูบไหวบนใบหน้าเขา “วางใจเถอะ ตราบใดที่ปู่คนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกสวะเหล่านั้นมารบกวนเจ้าได้!”
“ไปกันเถอะ พิธีเทพธิดาลั่วกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
ลั่วหลีพยักหน้าหันกลับไปมองเข้าในท้องฟ้าห่างไกล ราวกับมองทะลุผ่านมิติเห็นร่างเงาของชายหนุ่มคนรักที่ไม่รู้อยู่ที่ใด
จากนั้นนางก็หันกลับพร้อมกับเสียงหนักแน่นในใจ
‘มู่เฉินไม่ว่าอย่างไร… ข้าก็จะรอเจ้า!”