หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1080 กลับมาด้วยความแข็งแกร่ง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1080 กลับมาด้วยความแข็งแกร่ง

“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

เสียงประเมินไม่แยแสของหลงปี้ดังก้องในท้องฟ้า ปกคลุมบทสนทนาทั้งหมดไว้ เวลาเดียวกันทั่วทั้งจัตุรัสก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

ผู้คนมีสายตาแปลกประหลาด โดยเฉพาะเหล่าผู้บัญชาการดั้งเดิมของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ใบหน้าน่าเกลียดลงทันที หลงปี้ทรงพลังและมีชื่อเสียงโด่งดังก็จริง ทว่ามู่เฉินมีคุณูปการมากมาย หากไม่มีมู่เฉิน ไม่เพียงแต่ท่านประมุขจะไม่สามารถบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้ สุดท้ายอาจจะทำให้หมู่ตึกเทวะได้รับชัยจนพวกเขาไม่สามารถดำรงอยู่ต่อในภูมิภาคทางเหนือได้อีกเลย

ผลงานของเขาเป็นบุญกับทุกคนในสำนัก แม้แต่จอมพลทั้งสามยังเกรงใจมู่เฉิน ไม่ได้ดูถูกอีกฝ่ายเพราะความอ่อนเยาว์

ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกไม่พอใจที่หลงปี้ทำเช่นนี้ต่อหน้ามู่เฉิน

“หลงปี้ แม้เจ้าจะมีชื่อเสียงในภูมิภาคทางเหนือ แต่สำหรับสำนักเจ้าก็เป็นเพียงคนใหม่ เจ้าเข้าร่วมกับเราเพราะสำนักที่ทรงพลังขึ้น แต่อย่าลืมว่าที่เรามีวันนี้ได้เป็นเพราะการช่วยเหลือของมู่เฉิน” ซิวหลัวพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจคนใหม่ทั้งสอง

“ฮ่าๆ ใครมาก่อนก็มีสิทธิ์ก่อน อย่าเอาความแก่มาเบ่งที่นี่” เลี่ยซันเผยรอยยิ้มเยาะ

ผู้บัญชาการดั้งเดิมคนอื่นๆ ก็ส่งเสียงดังแสดงความคิดเห็น ส่วนผู้บัญชาการใหม่ได้แต่แลกเปลี่ยนสายตากัน ไม่ได้เข้าร่วมศึกแลกน้ำลายที่เกิดขึ้น กลัวว่าจะไปมีปัญหากับหลงปี้และผู้เฒ่าคู เพราะหากทั้งสองได้ขึ้นครองตำแหน่งจอมพลก็จะถือเป็นเสาหลักของสำนักหลังจากนี้

เมื่อหลงปี้และผู้เฒ่าคูเห็นเหล่าผู้บัญชาการดั้งเดิมฟาดใส่ไม่ยั้ง พวกเขาก็อึ้งไป ก่อนที่ใบหน้าจะกลายเป็นไม่น่าดู

ในฐานะจอมยุทธ์ชั้นสูงของภูมิภาคทางเหนือที่สร้างชื่อเสียงมานาน พวกเขามีความภูมิใจและไว้ตัว พวกเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับมู่เฉินมากนัก จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพ ถึงยังไงมู่เฉินก็ยังเด็กเหลือเกิน แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโชคดีไปสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่อะไรในสงครามล่าจนทำให้ท่านประมุขดูแลเป็นอย่างมาก แต่การดูแลที่ได้มาจากความสัมพันธ์เช่นนี้ ยิ่งทำให้พวกเขาดูถูกเข้าไปใหญ่

ดังนั้นหลงปี้จึงอดเยาะเย้ยไม่ได้ เมื่อเขาเห็นมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับความตั้งใจที่จะลงประลองเพื่อชิงตำแหน่งจอมพลกับพวกเขา แต่ชัดว่าเขาประเมินชื่อเสียงของมู่เฉินต่ำเกินไป เมื่อเขาพูดเยาะเย้ยออกมาก็คล้ายกับแหย่เข้าไปในรังแตน

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ตอบโต้อะไร เทียนจิ้วและหลิงถงก็พูดย้ำเสียงดังก้องว่า “ผู้บัญชาการมู่และผู้บัญชาการจิ่วโยวมีบุญยิ่งใหญ่ต่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ ตอนนี้พวกเจ้าก็ยังไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง จึงมีสถานะเดียวกัน ดังนั้นอย่าได้ไร้มารยาทเกินไป”

ทั้งสองจอมพลมีความเห็นเกี่ยวกับหลงปี้และผู้เฒ่าคูไม่ดีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ดังนั้นเมื่อสบโอกาสที่เห็นว่าทั้งสองถูกโจมตีจากเหล่าผู้บัญชาการดั้งเดิม พวกเขาก็โยนหินใส่ลงไปโดยไม่ลังเล

กระทั่งซุยนอนก็ยังระบายยิ้มเบาบาง ขณะที่พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้

สีหน้าหลงปี้และผู้เฒ่าคูสลับไปมาระหว่างเขียวกับขาว พวกเขาไม่คิดเลยว่าประโยคเดียวสั้นๆ จะทำให้ผู้คนเกิดความโกรธแค้นขนาดนี้

ทีแรกเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะวิจารณ์คนที่อายุน้อยกว่าจากพลังและชื่อเสียงที่มี แต่ใครจะคิดว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้

พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันแบบกระอักกระอ่วนก่อนจะมองมั่นถัวหลัวบนบัลลังก์ พยายามจะให้นางพูดอะไรบางอย่าง ทว่านางก็ยังคงทำราวพักสายตา โดยไม่มีท่าทีจะเอื้อนเอ่ยคำใดและยิ่งไม่สนจะหยุดคนอื่นๆ ไม่ให้พูด

เมื่อหลงปี้และผู้เฒ่าคูเห็นท่าทางของมั่นถัวหลัวหัวใจก็ดิ่งลง พวกเขาประเมินมู่เฉินต่ำไป เห็นได้ชัดว่าในหัวใจของประมุขพวกเขามีน้ำหนักน้อยกว่ามู่เฉิน เนื่องจากนางไม่ได้มีท่าทีการสนับสนุนพวกเขา แม้จะตกเป็นเป้านิ่งของทุกคนก็ตาม

คิดถึงจุดนี้ สีหน้าทั้งสองก็เขียวสลับขาว แม้จะรู้สึกไม่พอใจในใจ แต่สุดท้ายสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือระงับอารมณ์ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉินและจิ่วโยวบนท้องฟ้าพลางยิ้มลุแก่โทษและฝืนยิ้ม “เป็นความผิดของข้าเอง หวังว่าผู้บัญชาการมู่จะไม่ถือโทษโกรธกัน”

ไม่ว่าตอนนี้จะรู้สึกยังไง พวกเขาก็ต้องเลือกกลืนลงไปเพราะกลัวว่าจะเพิ่มคำตำหนิมากขึ้น ซึ่งเท่ากับสร้างความอับอายให้แก่ตนเอง

บนท้องฟ้า มู่เฉินอึ้งไปเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก่อนที่จะส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า อาณาเขตกงเวทสวรรค์ในปัจจุบันน่าสนใจมากและในเวลาเดียวกันก็วุ่นวายมาก แม้หลงปี้และผู้เฒ่าคูจะล้ำเส้นเขาไปบ้าง แต่ชัดว่าได้สร้างความไม่พอใจไว้มากแล้วก่อนหน้า ทำให้เรื่องนี้เป็นเพียงชนวนที่จุดระเบิด

“ตาแก่สองคนนี้ซวยจริงๆ”

มู่เฉินพึมพำในใจ จากนั้นก็ส่ายหัวยิ้มบางพูดว่า “ในเมื่อท่านประมุขบอกว่าทุกคนสามารถประลองเพื่อตำแหน่งจอมพลทั้งสองได้ งั้นพวกข้าสองคนก็น่าจะเข้าร่วมได้ใช่ไหม?”

บนบัลลังก์มั่นถัวหลัวเปิดเปลือกตามองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มไม่เชิงยิ้มกระจายบนใบหน้างาม

แม้ทั้งสองจะปกปิดความผันผวนของคลื่นหลิงไว้ แต่จอมยุทธ์ในระดับนางก็สามารถรับรู้ถึงพลังได้

“ได้” ดังนั้นนางจึงพยักหน้าเอ่ยตอบ

เมื่อคำประกาศหลุดออกมา ความโกลาหลก็เกิดขึ้น แต่ครั้งนี้แม้แต่เหล่าผู้บัญชาการดั้งเดิมก็ยังขมวดคิ้ว พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินและจิ่วโยวจะลงชิงตำแหน่งจอมพลจริงๆ

หลงปี้และผู้เฒ่าคูมีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นซึ่งทรงพลังมาก แม้กระทั่งเทียนจิ้วและหลิงถงก็ยังอยู่ในระดับนี้เช่นกัน

พวกเขารู้ว่าพลังของมู่เฉินและจิ่วโยวจะต้องเพิ่มขึ้นหลังจากการเดินทางออกจากสำนักเกือบหนึ่งปี แต่ตอนที่จากไปจิ่วโยวอยู่ในขั้นเจ็ดส่วนมู่เฉินอยู่ในขั้นหกเท่านั้น เวลาหนึ่งปีอย่างมากที่สุดการบรรลุขึ้นไปอีกขั้นก็เป็นขีดจำกัดแล้ว

แต่กระนั้นโอกาสก็เท่ากับศูนย์เมื่อเทียบกับหลงปี้และผู้เฒ่าคู

ประกายแสงวูบไหวในดวงตาของหลงปี้และผู้เฒ่าคู จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มเย้ยหยันเพิ่มขึ้น

ด้วยชื่อเสียงของมู่เฉินและจิ่วโยวในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ก็คงไม่มีทางที่จะเอาคืนด้วยวิธีปกติ แต่ในเมื่อทั้งสองยืนกรานที่จะลงประลอง พวกเขาก็จะช่วยส่งเสริมให้ได้อับอายบ้าง

พวกเขาจะมาดูสิว่าหลังจากที่ไอ้เด็กอ่อนเยาว์สองคนพ่ายแพ้ในมือพวกเขา ชื่อเสียงนั้นจะทนต่อความอับอายได้กี่ครั้ง?

“ผู้บัญชาการมู่ ผู้บัญชาการจิ่วโยว การชิงตำแหน่งจอมพลไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าสองคนต้องระวังนะ” เทียนจิ้วเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แม้จะสัมผัสได้ว่าความผันผวนของคลื่นพลังรอบตัวมู่เฉินและจิ่วโยวดูคลุมเครือ แต่พิจารณาจากสภาพทั่วไป พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าพลังของทั้งสองจะทะยานขึ้นแบบฉุดไม่อยู่

“ขอบคุณสำหรับการเตือนขอรับท่านจอมพลเทียนจิ้ว” มู่เฉินตอบด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้แสดงเจตนาในการถอนตัว

แววสงสัยวูบไหวในดวงตาเทียนจิ้วเมื่อได้ยินคำพูดมั่นใจของมู่เฉิน เขามีความเข้าใจในพื้นนิสัยของมู่เฉินดี ชายหนุ่มคนนี้มีนิสัยแน่วแน่แม้จะอายุน้อย ดังนั้นจะไม่ยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงถ้าไม่ได้มีความมั่นใจ หรือว่ามู่เฉินมีวิธีทรงพลังที่สามารถเผชิญหน้ากับระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นได้?

เมื่อนึกถึงไพ่ตายทรงพลังของมู่เฉินในฐานะหลิงเจิ้นซือและจั้นเจิ้นซือ ก็ทำให้ความกังวลของเขาคลายลงเล็กน้อย เขาหวังว่ามู่เฉินจะทำได้สำเร็จ มิเช่นนั้นจะต้องอับอายขายหน้าทั้งตัวเองและหอวิหคโลกันตร์

“ฮ่าๆ ในเมื่อเจ้าสองคนยืนกราน ข้าคงต้องถูกตราหน้าว่าแกล้งเด็กสักครั้ง” ผู้เฒ่าคูหัวเราะเสียงแหบห้าว ก่อนที่จะหายตัวไปปรากฏบนลานหินในจัตุรัส จากนั้นก็มองไปที่มู่เฉินและจิ่วโยวด้วยสายตาเย้ยหยัน

“ไม่รู้ว่าใครที่จะท้าทายข้า? ถ้าข้าแพ้ ข้าจะไม่แย่งตำแหน่งจอมพลนี้อีก”

ดวงตาทุกคู่จ้องมองมาที่มู่เฉินและจิ่วโยว บางคนคาดหวัง บางคนงุนงง ขณะเดียวกันก็มีคนยินดีในความโชคร้ายของทั้งคู่

“ข้าได้ยินชื่อเสียงของผู้เฒ่าคูมานานแล้ว วันนี้จะมาขอคำแนะนำสักหน่อยเจ้าค่ะ”

จิ่วโยวยิ้มหวานเคลื่อนตัวไปปรากฏตรงหน้าผู้เฒ่าคู ไฟแห่งการต่อสู้ร้อนแรงลุกฮือในดวงตา

นั่นคือรัศมีการสู้ที่เร่าร้อน

ฝึกฝนในมิติสองปี ด้วยคำแนะนำของราชินีวิหคอมตะและความช่วยเหลือของแก่นมรดกโลหิต พลังของนางได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตอนนี้นางต้องการคู่ต่อสู้ที่สูสีเพื่อทดสอบพัฒนาการของตนเอง ซึ่งผู้เฒ่าคูชัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ผู่เฒ่าคูปรายตามองไปที่จิ่วโยวก่อนที่จะขมวดคิ้ว เมื่อเข้าใกล้เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นหลิงของจิ่วโยวเก็บกลับสู่ร่างกายทั้งหมดโดยไม่มีการรั่วไหลแม้แต่น้อย

“เจ้าซ่อนพลังไว้หรือ?” ผู้เฒ่าคูถามด้วยอาการตกตะลึง

จิ่วโยวยิ้มไม่ตอบ เพียงแค่เยื้องย่างออกมา คลื่นหลิงที่น่ากลัวที่ถูกบีบอัดในร่างกายถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ราวกับภูเขาไฟปะทุ ทำให้ผืนฟ้าและผืนดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อพลังงานกวาดออกก็พวยพุ่งปกคลุมดวงอาทิตย์ แรงกดดันน่าขนพองสยองเกล้าระเบิดออกมาจากร่างของจิ่วโยว

สายตาตะลึงพรึดเพริดจ้องมองร่างเพรียวบาง โดยเฉพาะเหล่าผู้บัญชาการดั้งเดิม ดวงตาเบิกโตเท่าไข่ห่าน

เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บนใบหน้าของเทียนจิ้วและหลิงถงเช่นกัน สายตาจ้องมองไปที่จิ่วโยวด้วยความตกตะลึง สุดท้ายก็สูดหายใจลึกพึมพำด้วยความไม่เชื่อ “นาง…นางบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าแล้วรึ?!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset