หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1078 เหล่าราชันใหม่

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1078 เหล่าราชันใหม่

ลึกลงไปในเขตต้าหลัวเทียน

ร่างแสงพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางก่อนที่จะพลิ้วตัวลง ช่างเป็นฉากที่น่าตื่นตา เติมเต็มจัตุรัสจนถึงจุดที่ไม่มีที่ว่างโดยรอบ

เทียบกับปีที่แล้ว ในปัจจุบันอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยจำนวนจอมยุทธ์มารวมตัวกันเหมือนเมฆบนท้องฟ้า ด้วยมาตรวัดนี้อาจได้รับการจัดอันดับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทางเหนือแล้ว

ขณะนี้จัตุรัสในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ดึงดูดความสนใจไว้มากที่สุด

นั่นเป็นเพราะการประชุมราชันทุกครั้งจะมีตำแหน่งใหม่เกิดขึ้น ณ สำนักแห่งนี้เพียงได้รับตำแหน่งถึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะสั่งสมพลังอำนาจ ในเวลาเดียวกันก็จะได้รับทรัพยากรมากมายอีกด้วย ดังนั้นในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่รู้มีจอมยุทธ์เท่าไรที่หมายตาชิงตำแหน่งอยู่

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการชิงตำแหน่งดุเดือดกว่าหนึ่งปีก่อนมาก

ในอดีตจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็มีคุณสมบัติที่จะแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่ง แต่ในวันนี้ถ้าไม่ถึงขั้นเจ็ดก็ไม่กล้าจะลงชิงตำแหน่งหรอก

ด้วยสิ่งนี้ก็สามารถบอกได้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์มีการเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว…

ในจัตุรัสใหญ่คึกคักไปด้วยเสียงอื้ออึง บางครั้งจะมีร่างแสงกลุ่มใหญ่ส่งเสียงกระหึ่มบนท้องฟ้าด้วยการเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดาที่สามารถดึงดูดสายตาอิจฉาโดยรอบ นั่นเป็นเพราะในเขตต้าหลัวเทียนตำแหน่งผู้บัญชาการถึงจะเริ่มสร้างกองทัพของตัวเองได้

ภายใต้สายตาอิจฉานับไม่ถ้วน ร่างแสงก็ร่อนลงไปที่ศูนย์กลางจัตุรัส ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอาณาเขตกงเวทสวรรค์

สายตานับไม่ถ้วนพุ่งไปที่ศูนย์กลางนั่น

มีบัลลังก์ทองคำที่สุดปลายบันไดซึ่งโดดเด่นเป็นสง่า ราวกับว่าบัลลังก์มีแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้ ต่อให้แค่ตั้งตรงอย่างเงียบๆ เหล่าจอมยุทธ์ก็ยังให้ความเคารพในสายตาขณะมองดู นั่นเป็นเพราะบัลลังก์นี้เป็นของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคทางเหนือในขณะนี้

ใต้บัลลังก์ทองคำมีบัลลังก์เงินสามบัลลังก์ ภายใต้แสงตะวันสีเงินก็ส่องแสงระยิบระยับพร่างตา ขณะนี้มีชายสามคนนั่งอยู่บนบัลลังก์ ดวงตาแต่ละคู่ปิดอยู่ รับความเคารพนับถือและความอิจฉานับไม่ถ้วนที่จ้องมองมาอย่างเฉยเมย

ในเขตอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ผู้ที่ครอบครองตำแหน่งนี้ก็คือจอมพลซุยนอน จอมพลเทียนจิ้วและจอมพลหลิงถง ทั้งสามเป็นผู้จงรักภักดีที่ติดตามมั่นถัวหลัวมาตั้งแต่แรกเริ่มต้น

ลดลั่นลงมาจากสามจอมพลเป็นบัลลังก์หินกลุ่มหนึ่ง บนนั้นมีร่างที่นั่งอยู่อัดแน่นด้วยความครอบงำที่ไม่ธรรมดา ทุกคนล้วนเปล่งคลื่นหลิงไร้ขอบเขต พวกเขาก็คือเหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์

ในบรรดาผู้บัญชาการที่ดึงดูดความสนใจตอนนี้ไม่ใช่ซิวหลัวและเลี่ยซันที่อยู่ในอันดับต้นๆ ในอดีต แต่เป็นคนสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด

ทั้งสองเป็นผู้นำท่ามกลางเหล่าผู้บัญชาการ คนด้านซ้ายมีลักษณะสูงวัย มีรอยย่นบนผิวหนัง เมื่อมองจากระยะไกลดูเหมือนต้นไม้แก่ใกล้ตาย ดวงตาหลุบต่ำมองดูอ่อนแอ แต่กระนั้นเขากลับเปล่งแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา

นั่นเป็นเพราะชายคนนี้เป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ชั้นยอดของภูมิภาคทางเหนือที่เข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์—ผู้เฒ่าคู

ทางด้านขวาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำ เงาของเขาใหญ่โตพอที่จะห่อหุ้มร่างผู้เฒ่าคูได้ ท่อนแขนของเขามีเอกลักษณ์พิเศษมาก เหมือนจะหนากว่าคนทั่วไป มือกางออกกว้างถูกวางไว้ข้างลำตัว เมื่อมองให้ละเอียดก็จะพบว่าเมื่อเขาขยับนิ้ว ก็จะเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องราวกับว่านิ้วมีพลังทำลายล้างที่สามารถทำลายภูเขาด้วยมือข้างเดียว

เขาก็คือหลงปี้จอมยุทธ์ชั้นยอดของภูมิภาคทางเหนือ ว่ากันว่าวิทยายุทธที่เขาฝึกฝนมีความพิเศษมาก ทำให้เขาสามารถรวมแขนมังกรเข้ากับแขนตัวเองได้ ปรับแต่งจนเป็นของตนเองอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเผ่ามังกร

พวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าซึ่งเป็นขุมพลังที่เหนือกว่าผู้บัญชาการคนอื่น มากจนแม้แต่ผู้บัญชาการที่แข็งแกร่งที่สุดที่ผ่านมาอย่างซิวหลัวยังถูกวางไว้ข้างหลังทั้งสอง

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เห็นตำแหน่งผู้บัญชาการอยู่ในสายตา พวกเขายิ้มสนทนากัน เพียงแต่บางครั้งจะจ้องมองไปที่ร่างเงาทั้งสามบนบัลลังก์เงินด้วยความท้าทายและถือดีในส่วนลึกของดวงตา

นั่นเป็นเพราะในสายตาของทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขุมพลังหรือชื่อเสียง พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าจอมพลทั้งสามแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ในบรรดาจอมพลนอกเหนือจากซุยนอนที่มักจะหลับตานอนอยู่ตลอดเวลาที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย พวกเขาเชื่อว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอกว่าเทียนจิ้วและหลิงถงเลย

ก็เป็นปกติที่พวกเขาต้องการตำแหน่งที่เหมาะสมกับพลังของตนเอง ซึ่งก็คือตำแหน่งจอมพลนั่นเอง

ที่บัลลังก์เงินเมื่อเทียนจิ้วและหลิงถงสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา ก็ไม่มีระลอกคลื่นใดในสายตาของพวกเขา แต่เสียงเย้ยหยันเย็นชากลับดังขึ้นในหัวใจ

ในฐานะสมาชิกดังเดิมของสำนัก พวกเขารู้สึกถึงการแข่งขันรุนแรงในหนึ่งปีที่ผ่านมา มากจนกระทั่งตำแหน่งของพวกเขาก็ถูกเล็งเอาไว้

แต่พวกเขาไม่สามารถกล่าวหาว่าทั้งสองไม่มีสิทธิ์ นั่นเป็นเพราะชื่อเสียงของผู้เฒ่าคูและหลงปี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเขา

มากจนกระทั่งถ้าไม่ใช่เพราะทรัพยากรที่ท่านประมุขมอบให้ในปีที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาเจาะผ่านคอขวดบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าแท้จริง พวกเขาอาจถูกแซงโดยผู้มาใหม่ที่ทะเยอทะยานเหล่านี้ไปแล้ว

ความขัดแย้งระหว่างคนใหม่และคนเก่าเริ่มส่งผลกระทบมาถึงระดับพวกเขาแล้ว

“ครั้งนี้ไอ้สองนั่นดูมั่นใจในการได้รับตำแหน่งจอมพล” หลิงถงมองไปที่ทั้งสอง ริมฝีปากขยับส่งคลื่นเสียงไปยังเทียนจิ้ว

ในอดีตมักจะเกิดการแข่งระหว่างหลิงถงและเทียนจิ้วเสมอ ดังนั้นจึงไม่มีความสัมพันธ์ที่กลมกลืนนัก แต่การแข่งขันเข้มข้นของจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ทำให้การแข่งขันระหว่างพวกเขาหายไป นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังมีความตั้งใจที่จะรวมพลังกันต่อต้านกลับด้วย

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงถง เทียนจิ้วก็พยักหน้าเบาๆ พูดว่า “พลังของสองคนนั่นเพียงพอแล้ว ตอนนี้ยังสร้างรากฐานให้ตัวเองได้ดี กลัวว่าครั้งนี้พวกเขาจะประสบความสำเร็จแล้ว”

ขณะที่พูดเทียนจิ้วก็เบ้ปากอย่างไม่พอใจ ด้วยอุปนิสัยของหลงปี้และผู้เฒ่าคู หากพวกเขาได้รับตำแหน่งจอมพล การแข่งขันก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต

“ฮ่าๆ พี่เหมิงคิดยังไง?” ดวงตาของหลิงถงเป็นประกาย ขณะที่มองไปที่ซุยนอนที่ดวงตาหลุบลงอย่างเฉื่อยเนือย เขาไม่ได้พูดข้ามหัวซุยนอนเมื่อพูดคุยกับเทียนจิ้ว ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจว่าซุยนอนจะได้ยินการสนทนาของพวกเขาหรือไม่

แม้จะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า แต่หลิงถงก็ยังแสดงทัศนคติสุภาพต่ออีกฝ่าย นั่นเพราะเขารู้ว่าซุยนอนติดตามท่านประมุขมานานหลายปีและเป็นคนที่ภักดีมากที่สุด ดังนั้นซุยนอนน่าจะรู้ความคิดบางอย่างของท่านประมุข

เมื่อซุยนอนที่ราวกับกำลังงีบได้ยินคำพูดของหลงถิง เขาก็เปิดเปลือกตาเล็กน้อยและยิ้มบาง “ความคิดเห็นของท่านประมุขก็คือถึงเวลาที่ตำแหน่งจอมพลจะเพิ่มขึ้นอีกสองตำแหน่งแล้ว”

ทั้งสองตกตะลึงก่อนที่จะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “สองคนนั่นโชคดีซะจริง”

ในอดีตหลงปี้และผู้เฒ่าคูพยายามที่จะขอตำแหน่งจอมพลตลอด แต่ก็ถูกมั่นถัวหลัวปฏิเสธ เพราะตำแหน่งนี้สำคัญมากและทั้งสองคนก็ยังไม่มีคุณสมบัติและความภักดีพออีกด้วย

แต่ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มั่นถัวหลัวคงจะเริ่มเห็นด้วยแล้ว หากเป็นเช่นนั้นเรื่องการมอบตำแหน่งจอมพลก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น

ทั้งสองถอนหายใจยาวเหยียด พวกเขารบเคียงบ่าเคียงไหล่มากับท่านประมุขหลายปีเพื่อรับตำแหน่งในปัจจุบัน แต่คนใหม่ที่เพิ่งมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ยังไม่ทันครบปี มิหนำซ้ำยังไม่ได้สร้างคุณูปการ ทว่ากลับกำลังจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ดังนั้นทั้งสองจึงรู้สึกไม่สบาย

ทว่าถ้ามองด้วยเหตุผล พวกเขาก็รู้ว่าพลังของหลงปี้และผู้เฒ่าคูมีคุณสมบัติที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้

นัยน์ตาของซุยนอนเปิดขึ้นอีกเล็กน้อย สายตาจ้องมองไปที่หลงปี้และผู้เฒ่าคูก่อนจะกดยิ้มลึก “ท่านประมุขบอกเพียงว่าจะมีตำแหน่งจอมพลเพิ่มอีกสองตำแหน่ง แต่นางไม่ได้บอกว่าจะมอบให้พวกเขานะ”

หลิงถงและเทียนจิ้วอึ้งไปทันทีจากนั้นก็รู้สึกงุนงง ในสำนักยามนี้มีเพียงหลงปี้และผู้เฒ่าคูเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งจอมพล หรือว่าท่านประมุขตั้งใจจะยกให้ซิวหลัวดำรงตำแหน่งนี้? หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจอย่างแน่นอน เพราะพลังของซิวหลัวที่อยู่ระดับจื้อจุนขั้นแปดยังไม่อาจโน้มน้าวใจคนได้

ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็คิดจะถามต่อ แต่ซุยนอนกลับหลับตาลง ท่าทางจะพักผ่อนนั้น ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

ตึง!

เสียงระฆังโบราณดังก้องขึ้นทั่วบริเวณ จัตุรัสที่คึกคักเงียบสงบลง ผู้คนนับไม่ถ้วนฉายแววเคารพในสายตา แม้แต่หลงปี้และผู้เฒ่าคูยังก้มหน้าเล็กน้อยอย่างนบนอบ

เกลียวแสงทะลุผ่านมิติก่อนที่จะรวมตัวกันบนบัลลังก์ทองมลังเมลือง ภาพเงาเล็กบางสวมชุดสีดำปรากฏขึ้น สายตาไม่แยแสกวาดไปรอบๆ ความกดดันน่าสะพรึงกระจายออกไปตามการจดจ้อง แม้แต่จอมยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างพวกหลงปี้ยังรู้สึกถึงคลื่นหลิงในร่างกายถูกแช่แข็งพร้อมกับหัวใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่คือพลังของระดับตี้จื้อจุน เพียงแค่จ้องมองก็สามารถทำให้พวกเขาไม่มีแรงต่อต้านได้

หลังจากกวาดสายตาแล้ว มั่นถัวหลัวก็โบกมือ น้ำเสียงสงบอ่อนโยนดังก้องไปบนท้องฟ้า ทำให้บรรยากาศปะทุขึ้นทันที

“การประชุมราชันเริ่มขึ้นได้ ณ บัดนี้”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset