ทันทีที่หลินหมิงกลืนลูกปัดลงไป
ดวงตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานริ้วเลือดไต่ขึ้นมายั้วเยี้ย หลอดเลือดดำเต้นตุบตับบนหน้าผาก ดูน่ากลัวยิ่งนัก
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้จำกัดเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น ทุกคนสัมผัสได้ว่าในช่วงเวลานี้มีความผันผวนที่น่ากลัวและรุนแรงระเบิดออกราวกับพายุที่ก่อจากจิตใจของเขา
ใบหน้าของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง
นั่นเป็นเพราะความผันผวนที่แปลกประหลาดคือพลังจิต เมื่อเทียบกับก่อนหน้าก็มีความปั่นป่วนขนาดใหญ่พวยพุ่งในคลื่นจิตของหลินหมิงคนนี้ คลื่นจิตของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรง
“เขาสามารถกินคลื่นจิตของคนอื่นแล้วเปลี่ยนเป็นของตัวเองได้เรอะ?!” หัวใจของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งคู่ต่างตกใจกับทักษะของหลินหมิง
นั่นเป็นเพราะพลังของคลื่นจิตไม่เหมือนกับคลื่นหลิง คลื่นจิตอัดแน่นไปด้วยความนึกคิดและเจตจำนงของบุคคล เมื่อคนคนหนึ่งกินความนึกคิดของคนอื่นก็จะเกิดผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว ความเข้ากันไม่ได้ของการควบรวมคลื่นจิต ซึ่งจะทำให้พวกเขาแยกออกจากกัน นำไปสู่ความพินาศ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่มีจั้นเจิ้นซือที่กินคลื่นจิตของผู้อื่น ดังนั้นเมื่อมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเห็นการกระทำของหลินหมิง พวกเขาทั้งสองก็เกิดอาการยากจะเชื่อ
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหลินหมิงถึงกล้ารับคำท้า ที่แท้ก็มีวิธีการแบบนี้ซ่อนไว้ในแขนเสื้อนี่เอง” เทียนหลงจู่รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากวิธีการของหลินหมิงเกินความคาดหมายไปไกลอย่างชัดเจน
“แม้ว่าคลื่นจิตของเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็วุ่นวายและรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย ต้องมีผลกระทบจากการใช้วิธีการนี้แน่นอน” ดวงตาของจินไถหลิวหลีวูบไหวขณะที่พูดเสียงแผ่วเบา ไม่มีพลังใดในโลกที่ได้มาโดยไม่มีเหตุผล แม้ว่าวิธีการนี้ของหลินหมิงจะผิดปกติและทรงพลัง แต่เขาก็ต้องจ่ายในราคาที่แพงระยับ
“ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น มีเพียงการเอาชนะมู่เฉินได้ถึงจะทำให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ดังนั้นแม้ว่าจะต้องจ่ายราคาสูง แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ” เทียนหลงจู่กล่าว
“เมื่อไรที่มู่เฉินแพ้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะต้องพังครืนลงแน่นอน!” ฟังยี่พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
จินไถหลิวหลีไม่ได้พูดอะไร ทว่าคิ้วกลับมุ่นเข้าหากันขณะที่จ้องมองร่างสูงโปร่งอ่อนเยาว์ที่อยู่ไกลไป อย่างที่เทียนหลงจู่พูด ถ้ามู่เฉินแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์แน่นอน
เผชิญหน้ากับหลินหมิงที่ใช้วิธีแปลกประหลาดในการกลืนกินคลื่นจิตของจอมยุทธ์คนอื่นๆ สร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ไม่รู้ว่ามู่เฉินจะยังมีทางที่สามารถโต้กลับได้ไหม…
“ฮี่ๆๆๆ…”
เส้นเลือดไต่ยั้วเยี้ยบนหน้าผากของหลินหมิงทำเอาใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป สีหน้าเคร่งเครียดลงก่อนที่จะยิ้มให้กับมู่เฉิน ความรุนแรงของคลื่นจิตในหัวสมองแทบจะฉีกหัวออกเป็นชิ้นๆ นี้เป็นผลสะท้อนกลับจากการใช้วิธีดังกล่าว แต่ไม่ว่าจะต้องจ่ายราคามากแค่ไหน วันนี้เขาก็ต้องฆ่ามู่เฉินให้จงได้ ตราบใดที่เขาสามารถได้รับคลื่นจิตของมู่เฉิน เขาก็สามารถลดผลกระทบได้มากที่สุด
“วันนี้แกต้องตาย!”
เสียงของหลินหมิงเต็มไปด้วยจิตสังหารหนาแน่น เพื่อที่จะชนะในการประลองครั้งนี้ เขาจ่ายอะไรออกไปมากมาย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้รับชัยชนะ
ตู้ม!
หลินหมิงกระทืบเท้า รัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตด้านหลังก็พวยพุ่งป่าเถื่อนไปบนท้องฟ้า ราวกับมีม่านแสงในเส้นขอบฟ้า การเคลื่อนไหวช่างน่าตกใจ
“ตายซะ!”
ขณะที่เขาคำราม รัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนสีดำสนิทก็กลายเป็นริ้วรัศมีจั้นยี่นับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นดงหอกสีดำที่มีลวดลายจั้นเหวินหนาแน่น
เปรียบเทียบกับกระบวนท่าก่อนหน้าของหลินหมิงถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าหลายส่วน ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากที่เฝ้าดูถึงกับหนังหัวชาหนึบ
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หอกบินฉวัดเฉวียนบนท้องฟ้าราวกับห่าลูกศรล้อมรอบพื้นที่ที่มู่เฉินอยู่ กระทั่งมิติก็บิดเบือนจากการโจมตีน่ากลัวที่กำลังจะบีบกดลงมาไม่ช้านี้
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงของหลินหมิง มู่เฉินก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่จะสูดอากาศเข้าสุดปอด จากนั้นก็วาดตราประทับบนฝ่ามือ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตส่งเสียงหวีดหวิวอยู่ที่ด้านหลังเขา
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ระลอกคลื่นรัศมีจั้นยี่กระเพื่อมออกมาควบแน่นที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็กลายเป็นโล่รัศมีจั้นยี่ขนาดหลายพันจั้งที่มีลวดลายจั้นเหวินหนาทึบกะพริบอยู่บนนั้น
ในตอนนี้มู่เฉินสามารถใช้รัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบทั้งห้าได้อย่างสมบูรณ์
ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อโล่ถูกสร้างขึ้นเรียบร้อย การโจมตีจากทั่วสารทิศบนท้องฟ้าก็พุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด จังหวะที่ปะทะกัน เสียงดังสนั่นก็แตกออก ขณะที่หอกนับไม่ถ้วนซัดลงมากระแทกกับโล่จังใหญ่
การชนกันทุกครั้งทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง คลื่นกระแทกสร้างหายนะทำให้มิติถึงกับกระเพื่อมขึ้นลงพร้อมกับรอยแตกแพร่กระจายออกไป
กองทัพอื่นๆ ก็ตื่นตกใจ เมื่อเฝ้าดูการเผชิญหน้าสะเทือนโลกาที่เกิดขึ้นในท้องฟ้า
ครืน!
การเผชิญหน้าอย่างดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป แต่ทุกคนรู้สึกได้ว่าโล่ค่อยๆ บิดเบือน เห็นได้ชัดว่าเริ่มรู้สึกเครียดขึงจากการโจมตีที่รุนแรงของหลินหมิง
เมื่อเทียบกับก่อนหน้า หลินหมิงรุนแรงมากขึ้นอีกหลายส่วน
“สลาย!”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายของหลินหมิงดังก้อง ดงหอกซัดเข้าไปไม่หยุด สุดท้ายก็แทงทะลุผ่านโล่ที่แข็งแกร่ง
ปัง!
ในที่สุดโล่ขนาดใหญ่ก็พังทลายลง
อั้ก!
ที่ด้านหลังเหล่านักรบทั้งห้าหน่วยรบก็มีใบหน้าซีดเซียว เลือดสดพุ่งออกมาจากปาก ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทกของรัศมีจั้นยี่
ที่เบื้องหลังจอมยุทธ์จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็อดตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าเคร่งเครียดและกังวลถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่าแม้แต่พวกเขายังไม่สามารถรักษาความสงบในใจจากสถานการณ์กลับตาลปัตรแบบรวดเร็วนี้ได้
ร่างของมู่เฉินถอยกลับไปหลายร้อยจั้ง ก่อนที่จะทรงตัวได้ สายตากวาดมองไปที่เหล่านักรบ เมื่อเห็นหลายคนกระอักเลือด แววตาเขาก็เย็นเยือกลงทันที
“กระบวนท่าต่อไป ข้าจะทำให้กองทัพของแกไม่เหลือสักคน!” หลินหมิงแสยะฟันขาว ก่อนยกมือขึ้นแล้วสะบัดลง
ตู้ม!
ที่ด้านหลังรัศมีจั้นยี่สีดำสนิทก็ส่งเสียงหวีดหวิวจากกองทัพมหึมาบนท้องฟ้าราวกับเสาแสงสีดำขณะที่รวมตัวกันแน่นหนา เพียงสิบกว่าอึดใจกะโหลกสีดำขนาดใหญ่ก็ก่อร่างขึ้นอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้กะโหลกดำควบแน่นใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มองเห็นลวดลายจั้นเหวินมากมายกะพริบบนผิว มากจนน่าตื่นตายิ่งนัก
เมื่อกะโหลกปรากฏขึ้น เปลือกตาของจอมยุทธ์หลายคนที่นี่ก็กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากพวกเขารับรู้ถึงภัยคุกคามที่แผ่ออกมาจากมัน
“ลวดลายจั้นเหวินนี่…”
จินไถหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะหดดวงตา สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่จ้องมองกะโหลกดำ ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว “มีลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นห้าพันกว่าลาย…”
ก่อนหน้าหลินหมิงสามารถสร้างลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นกว่าลายเท่านั้น แต่ตอนนี้เท่ากับเพิ่มขึ้นเกือบครึ่งเท่าเลยทีเดียว พลังความแข็งแกร่งนี้สามารถจินตนาการได้เลย
วิญญาณสงครามที่ก่อร่างขึ้นจากลวดลายจั้นเหวินจำนวนมากนี้ หากปล่อยกระบวนท่าโจมตีไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกทั่วไป แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดก็อยู่ในสถานการณ์คับขัน
หลินหมิงตั้งใจที่จะจบศึกลงแล้วจริงๆ
“คึๆ…”
กะโหลกดำขนาดใหญ่ราวกับภูเขาลูกโตลอยอยู่ที่ด้านหลังหลินหมิง แม้ว่าร่างของเขาจะเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับกะโหลกนั่น แต่จากความป่าเถื่อนที่กำจายออกมาจากร่างเขาก็ไม่มีใครกล้าดูถูก
ดวงตาสีแดงจ้องมองไปที่มู่เฉินที่มีสีหน้าเย็นเยือก เสียงหัวเราะหลอนประสาทก็เปล่งออกมาจากปากเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรูที่หนังเหนียวเคี้ยวยาก แต่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะมู่เฉินจะเป็นจั้นเจินซือแท้จริงคนแรกที่ตายด้วยน้ำมือของเขา…
“แกและกองทัพของแกจงกลายเป็นปุ๋ยอยู่ที่นี่เถอะ”
หลินหมิงแสยะยิ้มชั่วร้าย จากนั้นก็ประกบมือวาดตราประทับเร็วรี่ ฉับพลันกะโหลกดำที่ด้านหลังก็ระเบิดออกมาพร้อมกับแสงพราว ระลอกคลื่นรัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนกวาดออกไปราวกับพายุ ส่งเสียงหวีดหวิวไปทั่วบริเวณ
เหล่าจอมยุทธ์ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดลง เนื่องจากพวกเขาสามารถบอกได้ว่าหลินหมิงตั้งใจจะยุติการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว การต่อสู้ครั้งสำคัญของจวนยมโลกและอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะถูกกำหนดแล้ว!
และตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน อาณาเขตกงเวทสวรรค์อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!
ฝั่งของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เหล่าผู้บัญชาการก็ได้แต่กำหมัดอย่างช่วยไม่ได้
ฮา
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็สูดหายใจเข้าลึก ขณะที่สายตากวาดมองไปยังนักรบมากมายที่ด้านหลัง สายตาของพรรคพวกยังคงเต็มไปด้วยเจตจำนงในการต่อสู้และความไว้วางใจ
ระหว่างเดินทางมาที่นี่ มู่เฉินนำพาพวกเขาสร้างปาฏิหาริย์มากมาย หากไม่มีมู่เฉิน พวกเขาก็จะไม่สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้มากนัก บางทีที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นเหมือนในอดีตที่พวกเขาเป็นเพียงปืนใหญ่ระหว่างการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญ
การปรากฏตัวของมู่เฉินทำให้พวกเขามีค่า หากไม่มีจั้นเจิ้นซือ กองทัพก็คือจอมยุทธ์ธรรมดานั่นเอง
ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ตราบใดที่มู่เฉินยังยืนอยู่ตรงหน้า!
เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ในสายตาของเหล่านักรบ มู่เฉินก็เม้มริมฝีปาก ประกายคมกล้าวูบไหวในดวงตา
เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหลินหมิงซึ่งมีแต่ความชั่วร้ายอัดเต็มใบหน้า ในเมื่อแกต้องการสู้ ข้าจะทำให้แกซึ้งจนจบเลย!
แกไม่ใช่คนเดียวที่ซ่อนไพ่ตายไว้ในแขนเสื้อ!
ไอเย็นเยือกพลุ่งพล่านในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นฝ่ามือก็ประกบเข้าหากันแผ่วเบา ดวงตาปิดลงอย่างช้าๆ ภายใต้สายตาตื่นตกใจไม่ถ้วน
ครืน!
คุกสายฟ้าในห้วงแห่งจิต ซึ่งถูกครอบครองโดยเมฆฟ้าคะนอง เม็ดมุกสีดำลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นสายฟ้า จู่ๆ ก็สั่นสะเทือนราวกับว่าได้รับการเรียก เม็ดมุกพุ่งหายออกมาจากคุกสายฟ้า
นั่นคือเมล็ดพันธุ์คลื่นจิตที่เขาทิ้งไว้ หลังจากสร้างคุกสายฟ้าได้ แล้วแยกความนึกคิดของตัวเองเป็นสองส่วน
ตอนนี้หลังจากที่เมล็ดพันธุ์คลื่นจิตกลับคืนมา ในที่สุดคลื่นจิตของเขาก็สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง!