หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 854 พลิกสถานการณ์
ริ้วแสงกว้างใหญ่พาดลงมาจากขอบฟ้า
เผยภาพหน่วยรบยิ่งใหญ่ทั้งสามยืนอหังการอยู่บนท้องฟ้า กองทัพอื่นๆ ที่เฝ้ามองก็อดอ้าปากตาค้างไม่ได้ ก่อนที่จะแลกเปลี่ยนสายตากันแล้วสูดอากาศเย็นเข้าไปในปอด…
เวลานี้มีหน่วยรบของอาณาเขตกงเวทสวรรค์มาเสริมที่นี่ถึงสามหน่วยรบเลยทีเดียว!
ทั่วบริเวณนี้แค่เพียงกองทัพของหมู่ตึกเทวะและอาณาเขตกงเวทสวรรค์รวมกันก็เกือบจะมีนักรบถึงแสนคนแล้ว นี่แทบจะเปิดศึกยักษ์ชนยักษ์ได้เลย!
ใครจะคิดว่าการปิดล้อมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในตอนแรกจะเพิ่มแสนยานุภาพขนาดนี้
หากทั้งสองสำนักเปิดศึกกันที่นี่จริงๆ ละก็ คงมีศพนอนเกลื่อนพื้น เลือดฉาบบนท้องฟ้าเป็นแน่…
กองทัพอื่นๆ ที่มองการเชิญหน้าครั้งนี้ก็ถอยออกไปเงียบๆ พิจารณาจากสภาพการณ์ปัจจุบัน เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นก็จะเป็นศึกนองเลือดระหว่างหมู่ตึกเทวะและอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ถ้าพวกเขาถูกลากเข้าไปในสมรภูมิ ด้วยพลังของพวกเขาคงยังไม่สามารถทนรับแรงทำลายล้างจากสองขั้วอำนาจใหญ่ได้
ขณะที่กองทัพอื่นๆ ถอยไปจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของฟังยี่และเจ้าภูเขาทั้งสามแห่งหมู่ตึกเทวะก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด
พวกเขาไม่คิดว่าการเสริมกำลังของอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะทรงพลังขนาดนี้
เลี่ยซันเป็นหนึ่งในสามลำดับแรกของผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หงหยาและหลิงเจี้ยนก็ต่างมีชื่อเสียงที่โดดเด่นไม่แพ้กัน หน่วยรบของพวกเขาก็ทรงพลังไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ยิ่งบวกหน่วยรบวิหคโลกันตร์และหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตเข้าไปด้วย สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายก็พลิกผันทันที
นั่นเพราะฝั่งพวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกสามคนเท่านั้น แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์เพิ่มจากสองเป็นห้าคนเลยทีเดียว!
หากศึกนองเลือดเกิดขึ้น หมู่ตึกเทวะจะต้องจ่ายราคาแสนสาหัสแน่นอน
เมื่อเปรียบกับพวกฟังยี่ที่มีสีหน้าน่าเกลียดแล้ว จิ่วโยวและเสี่ยยิงกลับโล่งใจไปหลายส่วน โชคช่วยมากที่กำลังเสริมมาทันเวลา มิฉะนั้นพวกเขาเละเป็นโจ๊กแน่
“ที่แท้เจ้าก็วางแผนเรื่องกำลังเสริมไว้เหมือนกัน” จิ่วโยวกลอกตาใส่มู่เฉิน เขามีไหวพริบไม่ต่างกับฟังยี่ ทั้งคู่ต่างใช้แผนซ้อนแผนแก้ไขสถานการณ์ของกันและกัน
“พวกเราคงต้องจ่ายไม่น้อย ถ้าต้องการจัดการกองทัพจระเข้สวรรค์ ดังนั้นการรอกำลังเสริมมาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
มู่เฉินยิ้มบาง “เพียงแต่ข้าไม่คิดว่าฟังยี่ก็วางแผนนี้เช่นกัน โชคดีที่กำลังเสริมของเราทรงพลังกว่า”
จิ่วโยวพยักหน้าในที่สุดหัวใจก็กลับมาเต้นจังหวะปกติ ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมของอาณาเขตกงเวทสวรรค์แล้ว ถึงคราวพวกหมู่ตึกเทวะต้องเป็นฝ่ายกังวลบ้าง
“ฮ่าๆ ข้าก็สงสัยว่าใครกล้าตลบหลังอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกหมู่ตึกเทวะนี่เอง แต่ดูเหมือนจะไม่มีพวกตัวเก่งเลยนะ ทำไม? เจ้าภูเขาเทียนหลงกับเจ้าภูเขาไป๋หู่ไม่อยู่เหรอ? บนท้องฟ้าเลี่ยซันยืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพแยกคีรีที่มีรัศมีจั้นยี่ดุเดือด สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง เสียงหัวเราะที่สร้างแรงกดดันยิ่งใหญ่ดังก้องไปทั่วบริเวณ
เลี่ยซันไม่ธรรมดาและติดลำดับต้นของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ในแง่ของชื่อเสียงก็โด่งดังกว่าจิ่วโยวและผู้บัญชาการอีกสามคนที่อยู่ที่นี่
นอกจากนี้ชัดว่าเขายังมีพลังเหนือล้ำเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเหมือนกัน แต่มู่เฉินก็รู้สึกได้คลุมเครือว่าแรงกดดันที่พล่านออกมาจากร่างอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้บัญชาการคนอื่น
ในสมรภูมินี้ไม่ว่าจะเป็นฝั่งหมู่ตึกเทวะหรืออาณาเขตกงเวทสรรค์ก็ดูเหมือนจะไม่มีจอมยุทธ์คนไหนที่มีพลังมากกว่าเลี่ยซันเลย
ดังนั้นเมื่อคำพูดเปล่งออกไป ก็ทำเอาใบหน้าของสูป้า เจ้าภูเขาเหยียนหลังและเจ้าภูเขาเทียนสงมืดครึ้มลง แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไร นั่นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าขุมพลังของเลี่ยซันมาถึงระยะปลายสุดของระดับจื้อจุนขั้นหกแล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าพวกเขาระดับหนึ่ง
“ถ้าเจ้าภูเขาเทียนหลงกับเจ้าภูเขาไป๋หู่อยู่ที่นี่ ผู้บัญชาการเลี่ยซันก็ไม่พูดแบบนี้หรอก” ฟังยี่ที่สงบเงียบพูดพลางจ้องมองเลี่ยซันและพูดขึ้น
ในฐานะจอมยุทธ์ชั้นสูงที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากหมู่ตึกเทวะ ฟังยี่จึงเต็มไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอะไรจากการข่มขู่ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดของเลี่ยซัน
“ไม่มีความหมายที่จะสร้างสมมุติฐานที่ไร้ประโยชน์แบบนี้นะพี่ฟังยี่” มู่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม แววหยอกล้อฉายที่มุมปากทำเอาใบหน้าของฟังยี่ดิ่งลง เปลวเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวคุกรุ่นอยู่ในใจ สถานการณ์ที่คาดว่าอยู่ในมือกลับตาลปัตร กระต่ายที่อยู่ในปากกลับงอกเขี้ยวแหลมคมพยายามจะกัดตอบ
“แกคิดว่าตัวเองจะชนะจากกำลังเสริมที่แข็งแกร่งกว่าเรอะ?” คำพูดของฟังยี่เย็นชาขณะจ้องมองมู่เฉินด้วยแววตาคมกริบ “ถ้าเราสู้กันจริง พวกเจ้าก็ต้องจ่ายไม่น้อย ดังนั้นข้าขอเตือนว่า…”
แต่มู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับการคุกคามของอีกฝ่าย เขาไม่รอให้ฟังยี่พูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองผู้บัญชาการทั้งสาม “ทั้งสามท่าน ตั้งกระบวนทัพเถอะ ในเมื่อมาแล้วก็ต้องให้เห็นเลือดออกกันมั่ง มิฉะนั้นคนอื่นจะเอาไปพูดได้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ดีแต่คุย”
“ผู้บัญชาการเสี่ยยิง เมื่อเราเคลื่อนพล ก็ขอให้เจ้าหาโอกาสนำทัพตะลุยเปิดทางออกมา” สายตาของมู่เฉินเบนไปมองหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตในหุบเขา พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ได้เลย!”
เลี่ยซันหัวเราะสาสมใจในน้ำเสียง ชัดว่ารู้สึกชอบในการตัดสินใจเด็ดขาดแบบนี้ของมู่เฉิน ในเมื่อเวลานี้พวกเขาเหนือกว่าก็ต้องเอาทุกอย่างใช้ให้หมด สำหรับราคา ทุกสิ่งอย่างก็ต้องมีการสูญเสียเสมอ พวกเขาไม่สามารถหยุดได้เพียงเพราะต้องจ่ายราคาบางส่วนออกไป
พร้อมกับเสียงหัวเราะก้องของเลี่ยซันแล้ว หน่วยรบแยกคีรีก็คำรามลั่น เสียงพวกเขาดังสะท้อนไปทั่วบริเวณนี้ รัศมีจั้นยี่น่าอัศจรรย์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
จำนวนนักรบแยกคีรีมีมากกว่าหนึ่งหมื่นคน ซึ่งมากกว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ จากจุดนี้จุดเดียวก็สามารถมองเห็นรากฐานยิ่งใหญ่ของหอแยกคีรีในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ แม้ว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์จะพยายามไล่ตามในช่วงปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับราชันชาญศึกของอาณาเขตกงเวทสวรรค์
สำหรับอีกสองหน่วยรบก็ระเบิดรัศมีจั้นยี่ออกมาอย่างพร้อมเพรียง หน่วยรบทั้งสามเข้าล้อมกองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนที่อยู่บนท้องฟ้าเอาไว้ ขณะที่รัศมีจั้นยี่ระเบิดออกไปทั่ว
ใบหน้าของฟังยี่ สูป้าและคนอื่นๆ ถึงกับเขียวคล้ำ พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะตัดสินใจเด็ดขาดโดยไม่คำนึงสิ่งที่จะต้องจ่ายในศึกนองเลือดครั้งนี้เลย
“ตอนนี้ควรทำยังไง?”
ฟังยี่และเหล่าเจ้าภูเขาพูดคุยกันภายใต้คลื่นหลิงที่ห่อหุ้มเอาไว้ จากสถานการณ์ปัจจุบันอาณาเขตกงเวทสวรรค์ถือไพ่เหนือกว่า ถ้าพวกมู่เฉินเต็มใจที่จะจ่ายราคา สามทัพของหมู่ตึกเทวะตกที่นั่งลำบากแน่
ใบหน้าของฟังยี่บิดเบี้ยวก่อนจะกัดฟันกรอดพูดว่า “ถอยเถอะ เราต้องรักษาพลังของเรา ไม่ควรจะสู้ศึกที่เสียเปรียบเช่นนี้ รอให้กองทัพของหมู่ตึกเทวะมารวมตัวกัน การแก้แค้นเรื่องวันนี้ก็ยังไม่สาย!”
เมื่อได้ยินสามเจ้าภูเขาก็ทำได้เพียงกัดฟันกรอดพลางพยักหน้า ถ้าพวกเขาสู้ในสถานการณ์นี้ ก็คงจะบาดเจ็บหนักกันถ้วนทั่ว แม้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะต้องสูญเสียไม่แพ้กัน แต่ชัดว่าหมู่ตึกเทวะจะต้องสูญเสียมากกว่า
ตู้ม!
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็ไม่ลังเล แต่ละคนโบกมือส่งสัญญาณ กองทัพที่ด้านหลังก็ระเบิดรัศมีจั้นยี่กว้างใหญ่ กลายเป็นลำแสงยิงออกไปสามทิศทาง
“ในเมื่อมาแล้วก็ต้องทิ้งอะไรไว้หน่อยสิ” เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า เลี่ยซันก็เค้นเสียงเย็นขึ้นจมูก เขาโบกมือส่งสัญญาณ ทันใดนั้นรัศมีจั้นยี่แยกคีรีก็กวาดออก ก่อตัวเป็นหอกนับไม่ถ้วน ล้อมกองทัพหมีเวหนที่กำลังถอยร่นออกไป
ส่วนอีกสองผู้บัญชาการก็นำทัพเข้าโรมรันกองทัพหมาป่าเพลิง
ตู้ม!
แม้ว่ากองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนจะล่าถอย แต่พวกเขาก็ตั้งแนวป้องกันเอาไว้ ดังนั้นเมื่อเห็นการโจมตีพุ่งเข้ามา พวกเขาก็เร้ารัศมีจั้นยี่ออกมาเพื่อป้องกัน รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตปะทะกันเปรี้ยงปร้าง ทำเอามิติถึงกับสั่นสะเทือน
พายุรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงกวาดออกซัดเข้าใส่ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าจนพังทลายลงกลายเป็นที่ราบเลยทีเดียว
แต่เผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของสามหน่วยรบแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ กองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนที่มีความคิดจะถอยอยู่แล้วก็ไม่สามารถต้านทานได้ ขณะที่รัศมีจั้นยี่ปะทะกันเปรี้ยงๆ รัศมีกองทัพทั้งสองของหมู่ตึกเทวะก็กระเพื่อมไหว ทำให้มีร่างแสงจำนวนมากดิ่งพสุธาลงมาจากกกองทัพ ทั้งหมดนั้นเป็นนักรบที่ได้รับบาดเจ็บหรือที่ตายไป…
มู่เฉินก็ทะยานไปบนท้องฟ้าในเวลานี้ ปรากฏตัวเบื้องหน้าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ แสงสีทองกะพริบวูบวาบบนชั้นผิว บาดแผลที่ได้รับจากการต่อสู้กับฟังยี่ก็เกือบจะหายดีเนื่องจากพลังในการฟื้นฟูที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งทียบได้กับเทพอสูรเลยทีเดียว
“เราจะฟัดใครดี?” จิ่วโยวยืนอยู่ด้านข้างมู่เฉินถามอย่างตื่นเต้น ยืนรอมาตั้งนานในที่สุดนางก็จะได้ยืดเส้นยืดสายเสียที
สายตามู่เฉินพุ่งเป้าไปที่ฟังยี่ที่กำลังถอยหนีออกไปพร้อมกับกองทัพจระเข้สวรรค์ เห็นชัดว่าเขารู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับอีกฝ่ายนัก ครั้งนี้แม้เขาใช้ไพ่ตายไปมากมาย แต่ก็สามารถแค่บีบฟังยี่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ นี่ทำให้เขาเข้าใจดีว่าเจ้าบันทึกมังกรหงส์สมคำล่ำลือจริงๆ
ในเมื่อเขาบีบอีกฝ่ายจนมีสภาพแบบนี้แล้ว ก็ไม่สามารถปล่อยให้มันหนีไปได้ง่ายๆ หรอก
“เราปล่อยมันไปไม่ได้”
ดังนั้นมู่เฉินจึงชี้นิ้วไปยังฟังยี่ที่กำลังถอยไปกับกองทัพจระเข้สวรรค์ รัศมีสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาสีดำ
“ลงมือ!”
มู่เฉินโบกมือลงฉับพลัน หน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่อยู่เบื้องหลังก็คำรามลั่น หลังจากอดทนมาครึ่งค่อนวันในที่สุดก็ถึงเวลาระเบิดความเกรี้ยวกราดเสียที!