หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 852 แพ้ทั้งคู่
ดวงตะวันสีทองเจิดจ้าสามดวง
ขึ้นจากหว่างคิ้ว หน้าอกและหน้าท้องของร่างเทพสุริยะ ก่อนที่แสงสีทองไร้ขอบเขตจะกระจายออกไป แสงนี้ดูคล้ายของเหลวสีทองซึ่งทำให้ร่างเทพสุริยะเปล่งประกายด้วยสีทองมากยิ่งขึ้น ช่างดูราวกับพระพุทธรูปทองคำเมื่อมองจากที่ไกล
คลื่นพลังงานผันผวนจำนวนมากกระจายออกไปอย่างน่าตกใจ ทำให้มิติเป็นลอนคลื่นเลยทีเดียว
ร่างมู่เฉินรวมตัวกับร่างเทพสุริยะ จากนั้นก็จ้องมองผ่านร่างใหญ่จับจ้องไปที่หอกที่กำลังซัดเข้ามา เผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มแรงของฟังยี่ กลับไม่มีความกลัวแม้แต่น้อยในดวงตา มีเพียงไฟการต่อสู้ที่เข้มข้น
ยามนี้เก้าตะวันของร่างเทพสุริยะเขาสามารถเปิดได้ถึงกระบวนท่าสามตะวัน พลังงานนั้นราวกับมังกรคำรามพลุ่งพล่านอยู่ภายใน นำมาซึ่งพลังน่าสะพรึงที่สามารถบิดเบือนฟ้าดิน
ถึงแม้ว่าฟังยี่จะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุด มิหนำซ้ำยังฝึกฝนร่างแสงดาวปฐมกาลที่อยู่ในทำเนียบร่างเทห์สวรรค์ แต่ในแง่ความแข็งแกร่งของร่างเทห์สวรรค์ มู่เฉินมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้ากับร่างเทพสุริยะที่เขาได้ขัดเกลา
นั่นเพราะเมื่อร่างเทพสุริยะได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุดแล้ว ก็คือร่างมหาเทพนิรันดร์ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบร่างมหาเทพปฐมกาลในตำนานเลยทีเดียว
แม้ว่าร่างเทพสุริยะจะเป็นเพียงร่างต้นของร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ราชสีห์ก็ยังมีเขี้ยวเล็บแหลมไม่ว่าจะตัวเล็กเพียงใด และไม่ว่าพยัคฆ์จะอ่อนวัยแค่ไหนก็ยังคงมีศักดิ์ศรีของพยัคฆ์ไม่เสื่อมคลาย ดังนั้นใครก็ตามที่คิดดูถูกก็ต้องจ่ายราคามหาศาลแน่นอน
โฮก!
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังก้องอยู่ในใจของมู่เฉิน เขาวาดตราประทับสองมือ ร่างเทพสุริยะยกมือข้างหนึ่งแล้วเหยียดออกไป ขณะที่ของเหลวสีทองหลั่งไหลออกมาก็ปกคลุมท่อนแขนอันใหญ่โต ทั้งแขนถูกปกคลุมด้วยผลึกสีทองที่เต็มไปด้วยลวดลายลึกซึ้งนับไม่ถ้วน คลื่นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวกำลังกระเพื่อมเป็นวงคลื่นอย่างเงียบเชียบ
ตู้ม!
ร่างเทพสุริยะกระแทกฝ่ามือออกไป ทำให้มิติรอบด้านแตกร้าว คลื่นกระแทกสีทองกวาดออกมาอย่างป่าเถื่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังน่ากลัวที่บรรจุอยู่ในฝ่ามือของมู่เฉิน
นี่เป็นคลื่นหลิงของเขาผสมผสานกับคลื่นสามตะวันของร่างเทพสุริยะที่เร้าออกมาจนถึงขีดสุด
เหล่าจอมยุทธ์มีท่าทางเปลี่ยนไปจากกระบวนท่าของมู่เฉิน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดหลายคนยังมีแววเคร่งเครียดบนใบหน้า เห็นชัดว่าต่างรู้สึกถึงคลื่นคุกคามที่แข็งแกร่ง
“มู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ เขาสามารถแสดงพลังการต่อสู้ได้เช่นนี้ทั้งที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ น่าเหลือเชื่อมาก” บรรดาจอมยุทธ์ฉายแววตกใจในดวงตา นั่นเพราะพวกเขารู้ชัดเจนเกี่ยวกับช่องว่างพลังขนาดใหญ่ของขั้นทั้งเก้าในระดับจื้อจุนดี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถมช่องว่างนี้ให้เต็ม ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกยากที่จะเชื่อว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จด้วยขุมพลังที่มี
นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญก็คือฟังยี่ไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าธรรมดา ด้วยความแข็งแกร่งและไพ่ตายหลากหลาย คงแทบไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังระดับเดียวกันหน้าไหนสามารถต่อกรกับเขาได้…
ทว่าตอนนี้มู่เฉินกลับทำได้…
ภายใต้สายตาเคร่งเครียดนับไม่ถ้วน หอกใหญ่ก็ซัดลงมาจากฟากฟ้าราวกับดาวหาง ปะทะเข้ากับฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่
ตึง!
ทันใดนั้นการปะทะกันก็ทำให้บริเวณนี้เงียบกริบลง ราวกับทุกสิ่งอย่างหายไปสิ้นเชิง เวลาก็เหมือนถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์
พายุทอร์นาโดสีทองเกิดขึ้นทันทีและขยายตัวออกไป ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็มีขนาดถึงหมื่นจั้ง จากนั้นความหายนะก็บังเกิด!
คลื่นหลิงในพายุทอร์นาโดสีทองมีความรุนแรงอย่างมาก โดยเฉพาะพลังทำลายล้างเป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์แบบจิ่วโยว สูป้าและเสี่ยยิงยังมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ขณะที่พายุทอร์นาโดสีทองสร้างหายนะ ร่างเทห์สวรรค์สองร่างก็ได้ผลกระทบเป็นกลุ่มแรก
บึ้ม!
แขนร่างเทพสุริยะซึ่งปกคลุมไปด้วยผลึกสีทองแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนหอกของฟังยี่ก็แตกสลาย
คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าระเบิดออกไป
ร่างเทพสุริยะและร่างดาวปฐมกาลกระเด็นออกไปคนละทาง ขณะที่ร่างถลาออกไปรอยแตกหนาแน่นก็ปกคลุมไปทั่วร่างใหญ่ของพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าผลกระทบที่น่ากลัวได้ทำลายแนวป้องกันทรงพลังของพวกเขาในพริบตา
ภายใต้สายตาตะลึงงันนับไม่ถ้วน ร่างทั้งสองก็บินข้ามขอบฟ้า ก่อนจะตกลงมาทิ้งรอยลึกยาวหมื่นจั้งสองรอยไว้บนพื้น ระหว่างทางภูเขาขนาดใหญ่แตกออก ก้อนหินใหญ่น้อยกระเด็นไปคนละทิศละทาง
บึ้ม!
หลังจากทำลายภูเขาอีกลูก แรงผลักของร่างใหญ่ทั้งสองก็หมดลง หลังจากที่แรงกระแทกสลาย ร่างทั้งสองก็แตกกระจายกลายเป็นละอองแสง
ปัง!
จอมยุทธ์ทั้งสองพุ่งออกจากในนั้นแล้วเข้าไปในซากปรักหักพัง พวกเขานอนแนบบนพื้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงเลือดไหลบนร่างและลมหายใจที่อ่อนลง
บนขอบฟ้า หลังจากกินเวลานาน ในที่สุดพายุสีทองน่าสะพรึงก็ค่อยๆ สลายตัวลง ดังนั้นสายตาทั้งหมดของผู้คนจึงจับจ้องมาที่ร่างทั้งสองในซากปรักหักพัง
หากไม่ใช่เพราะหน้าอกของพวกเขาที่ยังขยับขึ้นลง ทุกคนคงคิดว่าทั้งคู่ตายจากการประจัญบานกันที่น่ากลัวเมื่อครู่ไปแล้ว
ทั่วบริเวณเงียบกริบ
จอมยุทธ์มากมายตกตะลึง เนื่องจากไม่มีใครคิดว่าการต่อสู้ระหว่างม้ามืดและเจ้าบันทึกจะน่าสะพรึงขนาดนี้ มิหนำซ้ำผลลัพธ์ยังออกมาเหนือความคาดหมายมากอีกด้วย
นั่นเพราะตอนแรกพวกเขาคิดว่าฟังยี่จะสามารถเอาชนะศึกนี้ได้แบบเบ็ดเสร็จ ทว่าผลลัพธ์กลายเป็นทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บหนักไปพร้อมกัน
หลายคนแลกเปลี่ยนสายตากันและอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็นเข้าไปในปอด ถ้าผลลัพธ์การต่อสู้วันนี้กระจายออกไปละก็ อาจจะทำให้เกิดคลื่นใหญ่ซัดไปทั่วภูมิภาคอีกครั้ง
แม้ว่ามู่เฉินจะไม่ได้กำชัยชนะครั้งนี้ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาประสบความสำเร็จเพียงใดในการบีบฟังยี่ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดต้องใช้ร่างแสงดาวปฐมกาลและสุดท้ายยังมาจบที่บาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่าย
เพราะตอนนั้นมู่เฉินยังถูกห้อมล้อมด้วยอันตรายมากมาย เมื่อเผชิญหน้ากับโยวหมิงที่สองบนบันทึกมังกรหงส์ในเขตหลงเฟิ่ง สุดท้ายเขาทำได้เพียงพยายามซื้อเวลาเพื่อให้ธิดาเทพจักรพรรดิอัคคีจัดการฟังยี่ได้
แต่ตอนนี้เพียงไม่กี่เดือน เขาก็สามารถต่อสู้กับฟังยี่ด้วยพลังที่ตนเองมีและยังไม่เป็นฝ่ายแพ้!
พัฒนาการดังกล่าวน่าตกตะลึงจริงๆ
“เจ้าหนุ่มนี่น่ากลัวจริงๆ ในอนาคตจะต้องมีจอมยุทธ์ชั้นยอดถือกำเนิดในอาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นแน่!”
หลายคนพูดคุยกันเบาๆ ขณะประเมินมู่เฉินในระดับสูง นั่นเพราะพวกเขาตระหนักถึงสถานะของมู่เฉินที่ก้าวกระโดดขึ้นมาในภูมิภาคทางเหนือในเวลาเพียงหนึ่งปียากมากเพียงไร
ในหุบเขาหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตถึงกับไร้เสียง หวูเทียนฉายสีหน้าตกตะลึง แม้แต่เสี่ยยิงยังดูเคร่งเครียดลงหลายส่วน เมื่อก่อนเขามองมู่เฉินอย่างเหยียดหยามเล็กน้อยตลอด แม้ว่ามู่เฉินจะสามารถเอาชนะชิวไท่ยิงได้ แต่ในสายตาเขา มู่เฉินก็ยังอ่อนด้อยกว่าจอมยุทธ์ที่มีประสบการณ์อย่างเขา
ทว่าความคิดนี้ถูกล้างไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากได้เห็นภาพการต่อสู้ของอีกฝ่ายกับฟังยี่ นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจมองข้ามกระบวนท่าการโจมตีที่ทุ่มสุดแรงของมู่เฉินเมื่อสักครู่ได้
ชายหนุ่มคนนี้ราวกับพยัคฆ์ที่ไม่อาจประมาทได้
“สารเลว!”
เมื่อเทียบกับอาการตกตะลึงของฝูงชน สูป้ามีใบหน้าเขียวคล้ำขณะที่แววเกรี้ยวกราดวูบไหวในดวงตา สายตาของเขาดิ่งลงเนื่องจากผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายไปมาก และขณะเวลาเดียวกันเขาก็ทั้งคั่งแค้นและปวดใจ เพราะนี่เท่ากับยาหยุ่นลั้วของพวกเขาสลายกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว
“ข้าขอขอบคุณสำหรับยาหยุ่นลั้วที่เจ้าภูเขาเอ่อมอบให้” ใบหน้าของจิ่วโยวที่เคร่งเครียดมาตลอดเผยรอยยิ้มหวานออกมา นางหลิ่วตามองสูป้าอย่างล้อเลียน
ใบหน้าของสูป้ากระตุก มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
ขณะที่ทั่วบริเวณกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงกับผลการต่อสู้ ร่างชุ่มโชกเลือดสองร่างก็โซเซยืนขึ้นมาจากซากปรักหักพัง
ใบหน้าของมู่เฉินซีดขาว เขาปาดเลือดที่มุมปากพลางอมยิ้มมองไปที่ฟังยี่ที่มีสีหน้าดิ่งลง “วันนี้เจ้ายังฆ่าข้าไม่ได้หรอก”
สายตาฟังยี่เย็นชาและบาดลึก ขณะจ้องมองไปที่มู่เฉิน คลื่นความโกรธไม่รู้จบพวยพุ่งอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประเมินมู่เฉินต่ำ แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกบีบมาอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้
ผลลัพธ์ดังกล่าวมีผลต่อชื่อเสียงเขาอย่างมาก นั่นเพราะในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ ชื่อเสียงของมู่เฉินไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย แต่หากคนอื่นรู้ผลการต่อสู้วันนี้ละก็ ทุกคนจะต้องรู้สึกว่ามู่เฉินคือจอมยุทธ์ที่มีคุณสมบัติระดับเดียวกับเขา เรื่องนี้เขาจะทนไปได้อย่างไร!
“ขอบคุณสำหรับยาหยุ่นลั้วของพวกเจ้านะ”
แสงสีทองกะพริบวูบไหวบนพื้นผิวร่างมู่เฉิน ตอนนี้กายามังกรหงส์เริ่มหมุนเวียน แก่นเลือดมังกรหงส์ที่อยู่ภายในร่างกำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่เขากล้าต่อสู้กับฟังยี่แบบทุ่มสุดตัว ก็เพราะความสามารถในการฟื้นตัวของกายามังกรหงส์ที่ได้รับมาเปรียบได้กับเทพอสูรเลยทีเดียว ตราบใดที่ไม่ใช่การโจมตีถึงแก่ชีวิต เขาก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
ฟังยี่เช็ดคราบเลือดออกจากมุมปากพลางจ้องมองมู่เฉินอย่างเย็นชา ครู่ต่อมาเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังระยะไกล เขาหลับตาสัมผัสอะไรบางอย่างช่วงสั้นๆ ก่อนที่รอยยิ้มแปลกประหลาดจะปรากฏบนใบหน้า
“แม้ผลลัพธ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นตามที่ข้าคาดหวัง แต่…”
ฟังยี่เอี้ยวศีรษะมองมู่เฉินอย่างเย็นชา “สถานการณ์ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าอยู่ดี… บางทีข้าคงต้องบอกเจ้าว่าการสังหารเจ้าเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการต่อสู้นี้ แต่ที่เป้าหมายอีกอย่างคือ…ลากเวลาออกไป เพราะข้าจะสังหารพวกแกทั้งสองกลุ่ม”
“และตอนนี้…พวกแกไม่มีทางหนีแล้ว”
ฟังยี่ชี้ไปยังท้องฟ้าที่ห่างไกล ทางทิศเหนือร่างจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนที่ลุกเป็นไฟกำลังกวาดเข้ามา เสียงโห่ร้องเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ส่วนทางทิศใต้เกล็ดหิมะก็พรั่งพรูกันลงมาพร้อมกับเสียงคำรามเหมือนหมีโบราณที่ข่มใจคนฟังได้ดังสะท้อนออกมา
จิ่วโยวและเสี่ยยิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง เพราะพวกเขารู้ดีว่านี่คือกองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนของหมู่ตึกเทวะ!
นั่นหมายความว่ามีเจ้าภูเขาของหมู่ตึกเทวะอีกสองคนมาถึงแล้ว!
ครั้งนี้พวกเขาถูกล้อมกรอบเสียแล้วจริงๆ!