หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 849 ต่างเผยความสามารถ
ภายใต้สายตาแผดเผาของผู้คน
การโจมตีน่าสะพรึงกลัวสองสายก็ปะทะกันอย่างดุเดือดราวกับอุกกาบาตชนกัน
เปรี้ยง!
ทันทีที่ปะทะกัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็เกิดขึ้น พายุคลื่นหลิงป่าเถื่อนก่อตัวตามมา จากนั้นด้วยปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว พายุคลื่นหลิงก็ตีวงรัศมีถึงหนึ่งพันลี้เลยทีเดียว
ภูเขาโดนกดจนเป็นที่ราบจากพายุที่ซัดกระหน่ำ หินน้อยใหญ่กลายเป็นฝุ่นผง รอยแตกขนาดใหญ่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นบนพื้น…
เผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างที่น่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็อดมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรงไม่ได้ นั่นเพราะพวกเขารู้ดีว่าหากเป็นพวกเขา ต่อให้ทุ่มสุดแรงก็ยากที่จะทำได้ระดับนี้
แต่ตอนนี้สิ่งนี้กลับปรากฏขึ้นในการดวลกันระหว่างมู่เฉินและฟังยี่
พวกเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับฟังยี่ แต่ที่เกินความคาดหมายคือมู่เฉินสามารถสู้ถึงระดับนี้ได้ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่เท่านั้น…
จอมยุทธ์หลายคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ต่างเห็นร่องรอยความเคร่งเครียดฉาบบนนัยน์ตากันและกัน มู่เฉินไม่ได้โอ้อวดความสามารถที่กล้ารับคำท้าของฟังยี่ ตัวเขามีทักษะที่ทรงพลังจริงๆ
วันนี้ศึกระหว่างม้ามืดและเจ้าบันทึกจะต้องน่าตื่นตายิ่งกว่าอะไร
ขณะที่จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนมีความคิดนี้กวาดข้ามในใจไป ลำแสงสองสายก็ปะทะกันบนเส้นขอบฟ้า กัดเซาะอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน ฉากนี้เกิดจากตราประทับเคลื่อนฟ้าของฟังยี่กับง้าวเทพมังกรคชสารของมู่เฉิน…
ลำแสงสองสายชัดว่าต่างเร้าคลื่นหลิงออกมาเต็มที่ แต่ตอนนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเกร็ง ไม่มีใครสามารถทำลายอีกฝ่ายได้
วิชาเก้ามังกรคชสารของมู่เฉินไม่ด้อยกว่าคัมภีร์เทพโจวเทียนของฟังยี่!
ที่เบื้องหลังการกวนตัวรุนแรงของคลื่นหลิง ฟังยี่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ความโกรธเกรี้ยววูบไหวในส่วนลึกของดวงตา เห็นได้ชัดว่าภาพเบื้องหน้าเกินความคาดหมายของเขาไปไกล
เขาบอกได้เลยวิชาเก้ามังกรคชสารของมู่เฉินน่าจะเป็นกระบวนท่าเสินซู่ขั้นเกือบจะยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน ในแง่ของระดับไม่ได้แตกต่างกับตราประทับเคลื่อนฟ้าเลย แต่ว่าขุมพลังของเขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดนะ!
เขามีขุมพลังเหนือกว่ามู่เฉินนะ พูดโดยทั่วไป พลังอำนาจของวิชาที่อยู่ในระดับเดียวกันจะตัดสินจากคลื่นหลิงของผู้ฝึก ดังนั้นโดยทั่วไปเขาควรจะประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ในการปะทะกันกระบวนท่านี้ แต่ผลลัพธ์กลับเกินความคาดหมายของเขา
“แม้คลื่นหลิงของมันจะด้อยกว่าข้า แต่มันสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีพลังสูญเสียแม้แต่น้อยในการหมุนเวียนคลื่นหลิง…”
สายตาฟังยี่วูบไหว ตัวเขาเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูง ดังนั้นหลังจากปะทะกันกระบวนท่าแรก เขาก็ค่อยๆ ตระหนักถึงเหตุผลที่มู่เฉินสามารถต่อสู้ในระดับเดียวกับเขาได้ นอกจากนี้การค้นพบนี้ก็ทำให้ฟังยี่ตกใจมาก นั่นเป็นเพราะยากสำหรับเขาที่จะเชื่อว่ามู่เฉินสามารถควบคุมคลื่นหลิงได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่และบรรลุผลโดยไม่สูญเสียอะไรโดยเปล่าประโยชน์
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เขาก็ทำไม่ได้!
“หืม?”
ขณะที่ฟังยี่กำลังคิดถึงวิธีเอาชนะมู่เฉิน ทันใดนั้นสายตาก็ต้องหดเกร็งรีบเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือบริเวณที่ลำแสงสองสายปะทะกัน จู่ๆ ง้าวเทพมังกรคชสารก็ระเบิดคลื่นหลิงที่รุนแรงออกมา
ยามนี้มู่เฉินเร้าง้าวเทพมังกรคชสารจนระเบิดออกแล้ว!
ตู้ม!
เมื่อง้าวเทพระเบิดออก ท้องฟ้าที่สว่างจ้าแต่เดิมก็มืดลง นั่นเป็นเพราะจุดที่ระเบิดเกิดแสงแพรวพราวที่ยับยั้งแสงตะวันและส่องสว่างไปทั่วแทน
พร้อมกับการเกิดระเบิดของแสงพร่างพราว คลื่นกระแทกของคลื่นหลิงหมื่นจั้งก็กวาดออกไป มิติโดยรอบรัศมีหลายพันจั้งก็เกิดรอยแตกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ตราประทับเคลื่อนฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นกัน
เหล่าจอมยุทธ์มีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ละคนถอยหนีกันจ้าละหวั่น ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนี้
สายตาของฟังยี่เย็นชาลง ร่างเขาเปลี่ยนเป็นเงามายาแล้วพุ่งถอยขณะที่หลบคลื่นกระแทกที่แพร่กระจายออกไป ส่วนสายตาเย็นชายังจดจ่ออยู่บนมิติที่โดนผลกระทบจากคลื่นหลิง
มู่เฉินน่าจะอยู่ในจุดนั้น ด้วยความเร็วและการระเบิดของหอกเทพมังกรคชสารระยะประชิด เขาไม่น่าจะหลีกเลี่ยงคลื่นกระแทกได้
ฮึ่ม!
แต่ขณะที่ฟังยี่เกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ สีหน้าก็เปลี่ยนไปรุนแรง เพราะเขาสัมผัสได้ว่ามิติที่เบื้องหลังตนเองกำลังฉีกออกจากกัน ร่างแสงร่างหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับปีกหงส์ฟ้าขนาดใหญ่ที่กางออกปิดบังดวงอาทิตย์เอาไว้
ตึง!
เมื่อร่างนั้นเผยออกมา เขาก็เหวี่ยงหมัด ลวดลายมังกรแท้จริงมองเห็นได้เลือนรางบนกำปั้น พลังหมัดนั้นทำให้รอยแตกร้าวปรากฏในมิติเลยทีเดียว
เผชิญหน้ากับพลังทรงศักยภาพ แม้แต่หัวใจของฟังยี่ก็ยังเต้นไม่เป็นส่ำ ทว่าเขาก็ไม่ใช่พวกเบาปัญญาเช่นกัน เขากำมือคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับคลื่นยักษ์
“โล่เคลื่อนฟ้า”
คลื่นหลิงกวาดออกก่อร่างเป็นโล่โบราณเบื้องหน้าฟังยี่อย่างรวดเร็ว โดยมีแผนภาพดวงดาวสลับซับซ้อนกะพริบวูบไหวอยู่บนพื้นผิวของโล่ ให้ความรู้สึกทนทานไม่สามารถทำลายได้
ตึง!
หมัดของมู่เฉินซึ่งอัดแน่นด้วยคลื่นหลิงของมังกรแท้จริงก็ชกลงบนโล่ ทำให้เกิดระลอกคลื่นแผ่ออกไป โล่โยกคลอนสุดแรงก่อนจะพังทลายลง
ทว่าฟังยี่ก็ดึงสติกลับมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ใบหน้าเขามืดครึ้มลง เห็นได้ชัดเขาไม่คิดว่ามู่เฉินไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทก แต่ยังสามารถปรากฏตัวที่เบื้องหลังเขาอย่างลึกลับ ถ้าเขาไม่ได้ระมัดระวังตลอดเวลา เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากน้ำมือมู่เฉินไปแล้ว
“ในเมื่อแกกล้าลอบกัด ก็อย่าคิดจะได้จากไป!”
ฟังยี่เค้นเสียงเย็นชาในลำคอ ขณะที่คลื่นหลิงของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดถูกเร้าออกมาเต็มที่ แสงสีทองพลุ่งพล่านบนร่างกาย พร้อมกับคลื่นเสียงมังกรคำรามป่าเถื่อน
ฟังยี่ใช้กายามังกรแท้จริงที่ได้รับจากมิติหลงเฟิ่งแล้ว!
แม้ว่ากายามังกรแท้จริงจะด้อยกว่ากายามังกรหงส์ แต่ก็เสริมความแข็งแกร่งได้มากเช่นกัน เมื่อบวกกับพลังทรงประสิทธิภาพของฟังยี่ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า คงแทบไม่มีจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันสามารถต่อกรกับเขาได้
ปัง! ปัง!
ร่างของฟังยี่ยิงออกมาราวกับสายฟ้าฟาด หมัดซัดออกไปราวกับมังกร ทุกหมัดทำให้เกิดรอยแตกบนมิติ ชุดหมัดนี้ประหนึ่งพายุฝนฟ้าคะนอง ปิดทางหนีทีไล่มู่เฉินเอาไว้ทุกทิศทาง
ฟังยี่ก็มีความเชี่ยวชาญสูงในด้านปะทะด้วยพลังกายเช่นกัน!
ภายใต้การโจมตีนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดก็ตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบได้
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน เนื่องจากฟังยี่รับมือยากกว่าที่คิด การจู่โจมกะทันหันในกระบวนท่าเมื่อครู่ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผลลัพธ์ กลับยังทำให้ฟังยี่ใช้ประโยชน์เข้าสู้กันในระยะประชิดตัวได้ โดยเร้าพลังของระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดเพื่อสยบเขา
ดวงตาของมู่เฉินวาบแสง เนื่องจากเขาเข้าสู่สภาวะฤทัยปีศาจดำขั้นต้น ใบหน้าของเขาจึงยังคงสงบอยู่ได้จากนั้นเขาก็กระโจนตัวออกไปภายใต้เสียงอุทานนับไม่ถ้วน
แสงสีทองเข้มแล่นเปรียะออกมาจากร่างของมู่เฉิน วิญญาณมังกรแท้จริงแหวกว่าย ส่วนที่แผ่นหลังวิญญาณหงส์ฟ้าแท้จริงก็กลายเป็นปีกคู่ขนาดใหญ่ เกิดมวลลมคลั่งเมื่อเริ่มกระพือ
ยามนี้มู่เฉินเร้ากายามังกรหงส์จนถึงขีดสุดแล้ว เมื่อผสานกับเพลิงอมตะและสายฟ้าฤทัยปีศาจดำที่ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยสภาวะฤทัยปีศาจขั้นต้น
ด้วยทักษะทั้งหมด หมัดของมู่เฉินก็นำพาพายุไร้ขอบเขตปะทะกับฟังยี่อย่างดุเดือด
ตึง! ตึง! ตึง!
ทั้งสองซัดกันราวกับมังกรร้าย เสียงหมัดฟังดูราวกับเสียงฟ้าคำรน การปะทะกันทุกครั้งทำให้ระลอกมิติกระเพื่อมไหวพร้อมกับลมหมุนคลื่นหลิงน่ากลัวก่อหายนะ
เบื้องล่างสมรภูมิ เหล่าจอมยุทธ์ฉายแววตาตกตะลึง ขณะที่พวกเขามองจอมยุทธ์ทั้งสองฟัดกันไม่ยั้งบนท้องฟ้า
“ไอ้หนูนั่นต่อกรกับฟังยี่ได้ถึงระดับนี้เชียวเหรอ” ใบหน้าของสูป้ามืดครึ้มลง ขณะที่จ้องมองการดวลเดือดบนท้องฟ้า ด้วยสายตาเขาสามารถบอกได้เลยว่าแม้ฟังยี่จะได้เปรียบเล็กน้อยในการต่อสู้ แต่ก็ไม่มากพอจะพลิกสถานการณ์ให้ชนะได้
ความยากในการจัดการกับมู่เฉินเหนือความคาดหมายจริงๆ
ทว่าสูป้าก็ไม่ได้กังวลมากนักเนื่องจากรู้ว่าฟังยี่ทรงพลังเพียงใด ตอนนี้มู่เฉินตกอยู่ในกระบวนการโจมตีของฟังยี่แล้ว หากการดวลยืดเยื้อออกไป มู่เฉินก็จะเผยช่องโหว่ขึ้นมาแน่นอน
ส่วนจอมยุทธ์ที่มีสายตาแหลมคมอย่างสูป้าก็คือจิ่วโยวและเสี่ยยิง ตอนนี้ทั้งสองกำลังขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขากังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
“ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ยังกล้ามาปะทะซึ่งหน้ากับข้า ช่างไม่รู้จักประมาณตน!”
สองกระบวนท่าปะทะเดือดอีกครั้ง ดวงตาของฟังยี่เปลี่ยนเป็นคมปลาบ เสียงเยือกเย็นเปล่งออกมาขณะที่ฝ่ามือเหวี่ยงออกไปสุดแรงพร้อมกับคลื่นหลิงเชี่ยวกรากต่อยเข้าที่แขนของมู่เฉินซึ่งไขว้กันราวกับสายฟ้าฟาด
ปัง!
มิติสั่นไหว ร่างมู่เฉินก็พุ่งออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ มีหยดเลือดไหลลงมาที่มุมปาก เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือของฟังยี่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ
โห้!
เสียงอื้ออึงดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ดูท่ามู่เฉินจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟังยี่ในการปะทะกันซึ่งหน้า
ภายใต้แววตาเสียดายมากมาย ร่างมู่เฉินก็ถอยออกมา จังหวะนั้นดวงตาคมกริบราวกับนกอินทรีก็ส่องประกายวูบไหว
ที่เบื้องล่างม่านตาของสูป้า จิ่วโยวและเสี่ยยิงก็หดเกร็งกะทันหัน
นั่นเพราะเวลานี้มีแสงสีม่วงพุ่งออกมาจากด้านหลังมู่เฉินที่กำลังถลาออกไป ภายใต้แสงระยิบระยับดอกไม้ขนาดใหญ่และน่าหลงใหลก็ปรากฏอย่างเลือนราง
ใบหน้าของฟังยี่เปลี่ยนไปรุนแรง นั่นเพราะเขารู้สึกถึงแรงกระเพื่อมอันตรายขีดสุดที่มาจากดอกไม้ลึกลับและน่าหลงใหลนั่น!