ผู้พิทักษ์เกราะทอง
มิติบิดเบี้ยว
คลื่นหลิงที่ส่งผลต่อหายนะกวาดคร่าออกไป เหนือสระมังกรหงส์ชั้นยอดมีร่างสีทองยืนจังก้าพร้อมกับแสงสีทองอวลอยู่รอบตัว แผ่แรงกดดันข่มขู่ทรงพลังออกมา
มันเป็นร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ซึ่งปกคลุมด้วยเกราะสีทองหนาหนัก แสงสีทองบนชุดเกราะนี้พร่างพราวนัก ซึ่งทำมาจากเกล็ดมังกรที่แข็งแกร่งและไม่อาจทำลายลงได้ ในมือถือหอกสงครามทองคำที่มีเส้นเลือดราวกับมังกรเลื้อยพันอยู่บนแขน บนมือกว้างมีเล็บแหลมคมซึ่งดูเหมือนกับมีดสั้นที่มีแสงเย็นเยือกวูบไหว
มันยืนเงียบๆ ในชุดเกราะสีทอง เผยให้เห็นม่านตาสีทองที่ไม่มีริ้วอารมณ์ใดๆ จ้องมองมาที่มู่เฉินกับไฉ่เซียวอย่างเฉยเมย
สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลงหลายส่วนเมื่อมองร่างในชุดเกราะทอง ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไปหาไฉ่เซียว “เป็นอะไรไหม?”
หัวใจของเขาสั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขารู้ว่าไฉ่เซียวทรงพลังและลึกลับเพียงใด ตลอดทางแทบไม่มีใครสามารถต่อกรนางได้ แต่ตอนนี้นางกลับตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบเมื่อปะทะกับร่างชุดเกราะทอง แล้วมู่เฉินจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
ไฉ่เซียวส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่สายตาจะพุ่งตรงไปยังร่างชุดเกราะทอง ความเคร่งเครียดเผยบนใบหน้างดงาม “ดูเหมือนมันจะเป็นผู้พิทักษ์ที่นี่ ระวังตัวไว้นะ มันทรงพลังมาก”
มู่เฉินพยักหน้า แม้แต่คนทรงพลังอย่างไฉ่เซียวยังอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ ดังนั้นหากเป็นเขาก็คงไม่สามารถต้านรับได้
“ผู้บุกรุก ออกจากที่นี่ มิฉะนั้นตาย!”
เมื่อร่างสีทองมองมาที่มู่เฉินกับไฉ่เซียวด้วยดวงตาที่ไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นเสียงแหบพร่าก็ดังขึ้น แม้น้ำเสียงจะแหลมบาดหู แต่รังสีสังหารที่บรรจุอยู่ก็ทำให้มู่เฉินรู้สึกใจสั่นสะท้าน
“มันมีสติปัญญาด้วยเหรอ?” มู่เฉินกับไฉ่เซียวแลกเปลี่ยนสายตากันก็เห็นแววตกตะลึงของกันและกัน แม้สัตว์อสูรในเขตหลงเฟิ่งจะดุร้าย แต่พวกมันก็ไม่มีสติปัญญามากนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการพูดภาษามนุษย์เลย
เห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์เกราะทองไม่ธรรมดา เนื่องจากความมีสติปัญญา พลังการต่อก็ย่อมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย ซึ่งนี่เป็นเรื่องน่าปวดเศียรเวียนเกล้าที่สุดสำหรับมู่เฉิน
“ออกไป!”
ผู้พิทักษ์เกราะทองชี้หอกสงครามมาที่ทั้งสองขณะที่รังสีสังหารเชี่ยวกรากกวาดออกเทียบเคียงกับพายุเฮอริเคนเลยทีเดียว ช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
มู่เฉินมองไฉ่เซียวพร้อมกับที่ทั้งสองขมวดคิ้ว พวกเขาดั้นด้นมาถึงที่นี่ด้วยความพยายามทุกอย่างที่มี ตอนนี้สมบัติก็อยู่ตรงหน้าแล้วจะให้พวกเขาจากไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
“เป็นแค่มนุษย์อสูรที่ไร้เลือดเนื้อยังกล้าแสดงความโอหังออกมาอีก” ไฉ่เซียวแค่นเสียงเย็นขณะสายตาจับจ้องผู้พิทักษ์เกราะทอง ในมือปรากฏคลื่นหลิงเจ็ดสีโถมซัดราวกับคลื่นยักษ์
ตึง!
รังสีสังหารพวยพุ่งในดวงตาของผู้พิทักษ์เกราะทอง มันไม่พูดอะไรอีกก้าวเท้าไปข้างหน้า ทันใดนั้นมิติก็บิดเบี้ยว ร่างมันเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีทองพุ่งใส่ไฉ่เซียว
“หึ”
ไฉ่เซียวแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นเมื่อกำมือกระบี่ยาวเจ็ดสีก็ปรากฏขึ้น นางกระโจนตัวขึ้นโดยไม่ลังเล พร้อมกับคลื่นหลิงเจ็ดสีย้อมมิติจนตระการตา
เคร้ง! เคร้ง!
ทั้งสองโรมรันพันตูกันบนท้องฟ้า เกิดเสียงโลหะกระทบกันดังออกมา ขณะที่หอกปะทะกับกระบี่ แรงกระทบคลื่นหลิงน่ากลัวก็กวาดออกราวกับพายุเฮอริเคน กรีดผ่านเมฆหนาออกจากกัน
เป็นการเผชิญหน้ากันที่ดุเดือดเลือดพล่าน
สายตาของมู่เฉินมืดครึ้มลงเมื่อมองการต่อสู้เข้มข้นบนท้องฟ้า ขณะนี้เขาไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นฝ่ายเหนือกว่า แต่รังสีสังหารของผู้พิทักษ์เกราะทองมีมากล้น ราวกับเครื่องจักรสังหาร ดังนั้นหากการต่อสู้นี้ยังดำเนินต่อไป ผลลัพธ์ก็คงไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ
เคร้ง!
บนท้องฟ้า ปลายหอกและปลายกระบี่ปะทะกันอย่างแม่นยำ นอกจากคลื่นหลิงที่น่ากลัว แม้แต่ตัวอาวุธทั้งสองก็ยังโค้งงอ แต่วินาทีต่อมาก็กลับคืนรูปเดิม ทว่าคลื่นหลิงที่ระเบิดออกมาก็ผลักทั้งสองกระเด็นออกไป
ปัง!
ร่างสองร่างยิงไปยังยอดเขาสองลูกเหนือศีรษะมังกรและหงส์ฟ้าด้วยพลังที่น่ากลัว ภูเขาทั้งลูกพังทลาย หินน้อยใหญ่ร่วงหล่น
คลื่นหลิงกวาดออกมารอบตัวไฉ่เซียว สลายหินที่ร่วงลงกลายเป็นผุยผง นางกำกระบี่ยาวชี้ปลายกระบี่ลง ดวงตาฉายแสงเฉียบคมภายใน นางไม่คิดว่าร่างชุดเกราะทองจะรับมือได้ยากเย็นขนาดนี้
จากการประเมินของนาง พลังของผู้พิทักษ์เกราะทองน่าจะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้า ซึ่งเทียบเท่าพลังที่นางใช้ได้ตอนนี้ แต่อีกฝ่ายมีชุดเกราะที่ทำจากเกล็ดมังกรที่มีพลังป้องกันน่าตกใจอยู่ด้วย
ไฉ่เซียวขบฟัน หากไม่ใช่เพราะสภาพร่างกายของนางถูกบิดาทิ้งผนึกไว้บนร่าง ก็เป็นเรื่องง่ายเพียงพลิกฝ่ามือในการทำลายผู้พิทักษ์เกราะทอง
แต่น่าเสียดาย…
บึ้ม!
ภูเขาที่ไกลออกไปพังทลาย หินก้อนใหญ่ปลิวว่อน ร่างสีทองเยื้องย่างออกมาช้าๆ สายตาไร้อารมณ์มองไฉ่เซียว เมื่อมันก้าวเท้ามาข้างหน้า ลวดลายสีทองก็ปรากฏบนชุดเกราะเกล็ดมังกร ขณะเดียวกันแสงสายหนึ่งก็รวมตัวที่ด้านหลัง ก่อตัวเป็นปีกหงส์ฟ้าขนาดใหญ่คู่หนึ่ง
เมื่อปีกกระพือขึ้นลง ผืนดินที่มันยืนอยู่ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ รอยแตกกระจายออกไปคล้ายกับใยแมงมุมวิ่งพล่านไปหลายพันจั้ง
สีหน้าของมู่เฉินกับไฉ่เซียวเปลี่ยนไปในเวลานี้ เพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังของผู้พิทักษ์เกราะทองที่กำลังเพิ่มสูงด้วยความเร็วน่าตกใจ
“นั่นมันลวดลายมังกรแท้จริงและปีกหงส์ฟ้าแท้จริง…” มู่เฉินจ้องมองลวดลายมังกรบนเกราะเกล็ดมังกรของผู้พิทักษ์ กับปีกที่อยู่บนหลังด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ นี่คือพลังของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง ทำไมถึงปรากฏบนร่างของมันได้? พลังทั้งสองชนิดนี้ควรจะไม่เข้ากันเหมือนน้ำกับไฟไม่ใช่หรือ?
“มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการดูดซับเลือดของมังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริง ดังนั้นจึงมีพลังของเทพอสูรทั้งสองผสมอยู่ในร่าง” ไฉ่เซียวเอ่ยเสียงขรึม
“ทำยังไงดี?” มู่เฉินถามออกมาทันที ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ผู้พิทักษ์เกราะทองถูกไฉ่เซียวบีบจนต้องปล่อยกระบวนท่าไม้ตายออกมา คลื่นหลิงที่ผันผวนรอบตัวมันดูน่ากลัวไม่น้อย
“ช่วยข้าขวางมันสักครู่หนึ่งได้ไหม? ข้าต้องการเวลา” ไฉ่เซียวขมวดคิ้ว จากนั้นสายตาก็เป็นประกายขณะมองมู่เฉิน
เมื่อถูกนางจ้องมอง แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขาหมุนเร็วขึ้น ทว่าสายตาของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง
เพราะเขารู้ว่าผู้พิทักษ์เกราะทองตรงหน้าทรงพลังเพียงใด นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาหลิ่วเหยียนมาเทียบ คู่ต่อสู้ครั้งนี้มีพลังแข็งแกร่งมาก เขาไม่รู้ว่าจะขัดขวางได้หรือไม่
เขามองดวงตาใสดุจหินเนื้อแก้วของไฉ่เซียวก็สูดหายใจลึกสุดปอด คำขอเช่นนี้ไม่มีบุรุษใดสามารถปฏิเสธได้
แน่นอนว่าเวลาแบบนี้ตัวเขาก็ถอยกลับไปไม่ได้แล้วจริงๆ
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเบาๆ ให้กับไฉ่เซียวที่มองมา
เมื่อเห็นดังนี้ ไฉ่เซียวก็คลี่ยิ้มปานล่มเมืองออกมา ก่อนที่นางจะหลับตาลงช้าๆ เมื่อดวงตางดงามปิดลง อักขระเจ็ดสีก็วูบไหวบนร่าง ชัดว่านางเองก็รู้หากนางไม่ใช่ไพ่ตายสักใบ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการผู้พิทักษ์เกราะทอง
อักขระเจ็ดสีพันรอบตัวไฉ่เซียว แม้แต่ผืนดินก็สั่นสะเทือนเบาๆ
ตึง!
ทว่าขณะที่ไฉ่เซียวรวบรวมพลัง ผู้พิทักษ์เกราะทองก็กระทืบเท้าพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับแรงกดดันโยกคลอนพื้นดิน ความรวดเร็วนั้นเร็วอย่างยิ่ง เมื่อปีกหงส์ฟ้ากระพือขึ้นลง ก้อนหินดินทรายก็ปลิวว่อนไปทุกทิศทาง
สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ ผู้พิทักษ์เกราะทองเจ้าเล่ห์จริงๆ ชัดว่ามันก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่มาจากไฉ่เซียว ดังนั้นมันจึงไม่ปล่อยให้ไฉ่เซียวได้มีเวลารวบรวมพลังสึกอึดใจ
แต่ตอนนี้ไฉ่เซียวกลับหลับตานิ่งราวกับว่าสัมผัสถึงผู้พิทักษ์เกราะทองที่กำลังพุ่งตัวเข้าหาไม่ได้
“บ้าเอ๊ย!”
สีหน้ามู่เฉินเปลี่ยนไป สุดท้ายก็ขบฟันสบถออกมา ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นเยือก ร่างเคลื่อนไหวมาปรากฏตัวตรงหน้าไฉ่เซียวในพริบตา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกจากร่างไม่ยั้ง แสงสีทองพวยพุ่ง ร่างเทพสุริยะถูกเร้าออกมาในทันที ในเวลาเดียวกันเสาปีศาจก็ปรากฏในมือ ฉีกท้องฟ้าพร้อมกับรังสีร้ายกาจโถมซัด
“ตู้ม!”
ร่างเทพสุริยะกำเสาปีศาจขณะที่แสงสีทองระเบิดทุกทิศทาง อึดใจก็ฟาดใส่ผู้พิทักษ์เกราะทองที่พุ่งเข้ามาแบบไม่ยั้ง
แผ่นดินแตกออกในเวลานี้ แต่ร่างสีทองนั้นกลับไม่ถูกกระทบ ปีกหงส์เบื้องหลังกางออก ช่างคมกริบราวใบมีด ฟาดลงมาปะทะกับเสาปีศาจอย่างจัง
ปัง!
ความผันผวนของคลื่นหลิงกวาดออกไปราวกับห้อตะบึง เสาปีศาจกระเด็นหลุดจากการควบคุมของร่างเทพสุริยะ พลังของผู้พิทักษ์เกราะทองช่างทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ใบหน้าของมู่เฉินซีดลง ทว่ากลับมีแสงเย็นเยือกพวยพุ่งในดวงตา เมื่อจิตใจเคลื่อนไหว ร่างเทพสุริยะก็ชกหมัดออกไปใส่ผู้พิทักษ์เกราะทองอย่างไร้ปรานี
ไม่มีริ้วอารมณ์ใดในดวงตาของผู้พิทักษ์เกราะทอง หอกสงครามทองคำในมือสั่นเทิ้มเปลี่ยนเป็นหอกแสงพุ่งออกไป สร้างรอยร้าวบนหมัดของร่างเทพสุริยะ
ร่างมันยังพุ่งใส่โดยไม่มีท่าว่าจะหยุด ม่านตาสีทองจับจ้องที่ไฉ่เซียว เห็นชัดว่ามันไม่เห็นมู่เฉินที่ขัดขวางอยู่ในสายตา
มู่เฉินยืนอยู่บนศีรษะของร่างเทพสุริยะขณะมองแสงสีทองพุ่งผ่าน เขาขบฟันแน่นสายตาก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม ไม่ว่าอย่างไรเขาปล่อยมันไปไม่ได้
มู่เฉินวาดตราประทับสองมือ ดวงตะวันสีทองโชติช่วงกำจายออกมาจากหว่างคิ้วและหน้าอกของร่างเทพสุริยะ แสงเจิดจ้าสองกลุ่มรวมตัวกันพุ่งเข้ามาในร่างมู่เฉิน
“คลื่นเก้าตะวัน พลังสองตะวัน!”
แสงสีทองในรูปแบบของเหลวปกคลุมร่างของมู่เฉิน
ขณะที่แสงสีทองแผ่กระจาย มู่เฉินก็กระทืบเท้า ทันใดนั้นเองเสียงมังกรคำรามก็ดังก้อง ลวดลายมังกรทองจำนวนมากพุ่งออกจากร่างล้อมรอบตัวเขาไว้
“กายามังกรพราง!”
พลังทรงประสิทธิภาพสองชนิดพุ่งใส่เข้ามาร่างเขา ตอนนี้มู่เฉินฉายแสงสีทองและลวดลายมังกรฉวัดเฉวียนรอบตัว ช่างเป็นภาพที่อัศจรรย์นัก เขาพุ่งตัวลงไปในอึดใจต่อมา ราวกับเทพสงครามยาตราลงในสนามรบ
เบื้องล่างผู้พิทักษ์เกราะทองที่พุ่งตัวก็ชะงัก ดวงตาไร้อารมณ์หันมองร่างสีทองที่พุ่งลงมาเป็นครั้งแรก
ชัดเจนว่าในที่สุดมันก็รู้สึกถึงอันตรายบางจางในตอนนี้แล้ว